https://aio.panphol.com/assets/images/community/9967_99BA13.png

BGRIM พลิกฟื้น! KGI อัพเกรดเป็น Outperform คาดการณ์กำไรปี 68-70 โต 12-22%

P/E 18.54 YIELD 3.07 ราคา 14.00 (0.00%)

ไฮไลท์สำคัญ

KGI ปรับมุมมองเป็นบวกต่อ BGRIM โดยปรับเพิ่มประมาณการกำไรหลักปี 2568-2570 ขึ้น 12-22% และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 14.00 บาท จากเดิม 10.10 บาท พร้อมทั้งปรับคำแนะนำจาก Neutral เป็น Outperform เนื่องจากมองเห็นปัจจัยบวกจากการลดลงของอัตราค่าไฟฟ้าในไทยที่ช้ากว่าคาด การฟื้นตัวของความต้องการไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรม และความเสี่ยงด้านค่าไฟฟ้าในเวียดนามที่ลดลง

เหตุผลในการปรับประมาณการ

KGI ให้เหตุผลในการปรับประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายของ BGRIM ดังนี้:
1. การลดค่าไฟฟ้าในไทยที่ช้ากว่าคาด: KGI ปรับเพิ่มสมมติฐานอัตราค่าไฟฟ้าเป็น 4.02/3.85/3.85 บาท/กิโลวัตต์ชั่วโมง จากเดิม 3.94/3.70/3.70 บาท/กิโลวัตต์ชั่วโมง
2. ความต้องการไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีขึ้น: ข้อมูลจากการประชุมนักวิเคราะห์ในไตรมาส 2/2568 บ่งชี้ว่าความกังวลก่อนหน้านี้อาจเกินจริงไป เนื่องจากอัตราการใช้กำลังการผลิตของลูกค้าอุตสาหกรรมหลัก เช่น ยานยนต์ ยางรถยนต์ และปิโตรเคมี มีสัญญาณการฟื้นตัว
3. ความกังวลเกี่ยวกับค่าไฟฟ้าในเวียดนามที่ลดลง: ผู้ประกอบการไฟฟ้าส่วนใหญ่ในเวียดนามคาดการณ์ว่าการตัดสินใจขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับการปรับค่าไฟฟ้าของเวียดนามจะเกิดขึ้นภายในสิ้นปี 2568 โดยอัตราค่าไฟฟ้ามีแนวโน้มที่จะคงอยู่ที่ 9.35 US¢/กิโลวัตต์ชั่วโมง แทนที่จะลดลงเหลือ 7.09 US¢/กิโลวัตต์ชั่วโมง

ข้อสังเกต

ถึงแม้ว่ากำไรหลักในครึ่งปีแรกของปี 2568 จะอยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท (+12% YoY) คิดเป็น 60% ของประมาณการทั้งปี แต่ KGI คาดว่ากำไรหลักในครึ่งปีหลังจะอ่อนตัวลงเล็กน้อย โดยกำไรหลักในไตรมาส 3/2568 อาจลดลง QoQ เนื่องจากรายได้จากบริการที่ลดลงและค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่สูงขึ้น แม้ว่าอัตรากำไร SPP จะดีขึ้นก็ตาม ในขณะที่กำไรหลักในไตรมาส 4/2568 อาจเป็นจุดต่ำสุดของปีเนื่องจากปัจจัยฤดูกาล การบำรุงรักษาตามกำหนด และความต้องการของผู้ใช้ในภาคอุตสาหกรรมที่ลดลง

สรุป

KGI ปรับเพิ่มคำแนะนำสำหรับ BGRIM เป็น Outperform โดยมีราคาเป้าหมายใหม่ที่ 14.00 บาท อิงตามวิธี DCF (WACC 6.1%) โดยมองว่าความเสี่ยงที่ลดลงในเวียดนามและการฟื้นตัวของความต้องการไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรมจะเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาหุ้น BGRIM ปรับตัวขึ้นได้อีก นอกจากนี้ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่เป็นขาลงและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินบาทก็เป็นปัจจัยบวกเพิ่มเติม

โพสต์ล่าสุด