บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

หยวนต้าวิเคราะห์ VGI กำไรไตรมาสแรกปี 2568 ชะลอตัวลงจากปีก่อนหน้า แต่ราคาหุ้นปัจจุบันสะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว จับตาการลงทุนใหม่ 1.8 หมื่นล้านบาท จะเป็น Upside สำคัญ

ไฮไลท์สำคัญ: กำไร Q1/68 ลดลง แต่มีลุ้น Upside จากการลงทุนใหม่

บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด วิเคราะห์ผลประกอบการของ VGI ในไตรมาส 1 ปี 2568 (สิ้นสุดมิถุนายน 2568) พบว่า กำไรสุทธิอยู่ที่ 45 ล้านบาท ลดลง 15% QoQ และ 29% YoY สาเหตุหลักมาจากรายได้ที่ปรับลดลงตามอุตสาหกรรมโฆษณาและการจัดจำหน่าย อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้น VGI ที่ปรับตัวลดลงกว่า 40% YTD ได้สะท้อนปัจจัยลบไปพอสมควรแล้ว

ผลประกอบการ Q1/2568: รายได้ลด แต่ประสิทธิภาพดีขึ้น

รายได้รวมของ VGI ในไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 1,115 ล้านบาท ลดลง 9% QoQ และ 7% YoY โดยมีรายละเอียดดังนี้:
1) ธุรกิจสื่อโฆษณามีรายได้ 454 ล้านบาท ลดลง 17% YoY จากรายได้สื่อโฆษณาบริเวณตอม่อสถานีรถไฟฟ้าที่ลดลง
2) ธุรกิจบริการด้านดิจิทัลมีรายได้ 403 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% YoY จาก RCash มีรายได้ดอกเบี้ยรับเพิ่มขึ้น และ RCare มีรายได้ lead generation เพิ่มขึ้น
3) ธุรกิจการจัดจำหน่ายมีรายได้ 258 ล้านบาท ลดลง 11% YoY จาก Fanslink ลดลง แต่ถูกชดเชยด้วยธุรกิจค้าปลีก TURTLE ที่มี 28 สาขา ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568
ทั้งนี้ อัตรากำไรขั้นต้นของ VGI ในไตรมาส 1/2568 ปรับตัวดีขึ้น มาอยู่ที่ 36.0% จาก 34.6% ในไตรมาส 4/2567 และ 33.9% ในไตรมาส 1/2567 เนื่องจากการบริหารต้นทุนที่ดีขึ้น, RCash ปล่อยสินเชื่อมากขึ้น และ Fanslink ปรับสัดส่วนผลิตภัณฑ์

ข้อสังเกต: จับตาแผนลงทุน 1.8 หมื่นล้านบาท

VGI ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2568/69 ที่ 6,000-6,500 ล้านบาท (เติบโต 15-25%) โดยมาจากธุรกิจสื่อโฆษณา 40%, ธุรกิจบริการด้านดิจิทัล 35% และธุรกิจการจัดจำหน่าย 25% นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะร่วมมือกับ PLANB ในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และผลักดันการเติบโตของทุกหน่วยธุรกิจภายใต้กลุ่มแรบบิท รวมถึง Super Turtle จะได้ประโยชน์จากนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามคือ เงินสดที่บริษัทเตรียมไว้ลงทุน 1.8 หมื่นล้านบาท จะนำไปลงทุนในโครงการอะไร ซึ่งหากมีโครงการที่น่าสนใจ จะเป็น Upside ต่อประมาณการของตลาด

สรุป: รอข่าวดีการลงทุนใหม่ หนุนราคาหุ้น

หยวนต้าคาดว่าในระยะสั้น VGI จะมี sentiment เป็นลบตามผลประกอบการที่ชะลอตัวในไตรมาส 1/2568 อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นที่ปรับลดลงมามากได้สะท้อนปัจจัยลบไปพอสมควรแล้ว นักลงทุนควรจับตาดูความคืบหน้าของการลงทุนใหม่ของบริษัทฯ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันราคาหุ้นในอนาคต