บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้ายังคงแนะนำ "ซื้อ" หุ้น TFG โดยมีราคาเป้าหมาย 6.50 บาท มองกำไรทำ New High และมี Div. Yield สูงถึง 4%

ไฮไลท์สำคัญ

TFG รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 ที่ 2,552 ล้านบาท หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรปกติอยู่ที่ 2,648 ล้านบาท (+25.3% QoQ, +149.6% YoY) ทำสถิติสูงสุดใหม่ ใกล้เคียงกับที่หยวนต้าคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับไตรมาส 2/2568 ที่ 0.225 บาท คิดเป็น Div. Yield 4.3% โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 22 สิงหาคม 2568

ผลประกอบการที่โดดเด่น

รายได้หลักของ TFG อยู่ที่ 18,776 ล้านบาท (+5.9% QoQ, +20.1% YoY) ปัจจัยหนุนหลักมาจากธุรกิจสุกรที่ได้ประโยชน์จากราคาขายในประเทศและเวียดนามที่สูงขึ้น รวมถึงรายได้จากธุรกิจ Fresh Market ที่เติบโตตาม SSSG และการขยายสาขา โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 TFG มีสาขา Fresh Market ทั้งสิ้น 462 สาขา จาก 430 สาขาในไตรมาส 1/2568 อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) อยู่ที่ 24.0% ทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยมีปัจจัยหนุนหลักจากราคาขายเฉลี่ยที่ดีขึ้นตามทิศทางราคาหมูในประเทศและเวียดนามที่ปรับขึ้น รวมถึงราคาต้นทุนการเลี้ยงที่ปรับลดลง

ข้อสังเกตและแนวโน้ม

กำไรปกติครึ่งปีแรก 2568 คิดเป็น 57% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2568 ของหยวนต้า แนวโน้มกำไรปกติในไตรมาส 3/2568 คาดยังเติบโตเด่น YoY แต่จะชะลอลง QoQ จากราคาขายเฉลี่ยหมูในประเทศที่ปรับลดลงเป็น 70-78 บาท/กก. (จากเฉลี่ย 85 บาท/กก. ในไตรมาส 2/2568) อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะถูกชดเชยบางส่วนด้วยธุรกิจไก่ที่เข้าสู่ช่วง High Season ของการส่งออก ขณะที่ราคากากถั่วเหลืองปรับลดลงต่อ หนุน GPM และคาดบริษัทจะเร่งขยายสาขา Fresh Market มากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง 2568 เพื่อให้ถึงเป้าหมายที่ 600 สาขาภายในสิ้นปี

สรุปการลงทุน

ราคาหุ้น TFG ปัจจุบันซื้อขายบน PER68 ต่ำเพียง 3.7 เท่า ซึ่งต่ำสุดในกลุ่มฟาร์มสัตว์บก และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตมาก ขณะที่สัดส่วนการค้าประกันมาร์จิ้นของผู้ถือหุ้นใหญ่ทยอยลดลงต่อเนื่อง คลายปัจจัยกดดันต่อราคาหุ้น หยวนต้าจึงคงคำแนะนำ "ซื้อ" โดยมีราคาเหมาะสม 6.50 บาท และยังคงเลือกเป็น Top pick ของกลุ่มฟาร์มสัตว์บก วิธีการประเมินมูลค่าหุ้น TFG ใช้วิธี PER ที่ 5.5 เท่า โดยรวม ESG Premium 2%