บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
OSP กำไรทะยาน! ทุบสถิติสูงสุดตั้งแต่เข้าตลาดหุ้น แม้รายได้แผ่ว
P/E 13.40 YIELD 3.80 ราคา 15.80 (0.00%)
ไฮไลท์สำคัญ: โอสถสภาโชว์ผลงานไตรมาส 2/68 สุดปัง! กำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติพุ่ง 9.4% YoY ทำสถิติสูงสุดใหม่ แม้รายได้รวมลดลงเล็กน้อย
บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) (OSP) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568 ทำกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ 1,010 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และ 4.0% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) นับเป็นสถิติสูงสุดตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แม้ว่ารายได้รวมจะอยู่ที่ 6,856 ล้านบาท ลดลง 7.0% YoY และ 4.8% QoQ
รายได้และกำไร: เจาะลึกสาเหตุการเปลี่ยนแปลง
รายได้จากการขายลดลง 7.3% YoY และ 0.4% QoQ สาเหตุหลักมาจากการชะลอตัวของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในประเทศ เนื่องจากการปรับโครงสร้างการขายและการจัดจำหน่าย รวมถึงการลดลงของรายได้จากการให้บริการผลิตขวดแก้ว (OEM) ตามแผนที่เน้นธุรกิจหลัก อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นทำสถิติสูงสุดที่ 41.9% เพิ่มขึ้น 3.7% YoY และ 1.6% QoQ ปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศและผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลที่มีอัตรากำไรสูงกว่าค่าเฉลี่ย รวมถึงราคาต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานที่ลดลง นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่ายและบริหารลดลง 5.9% YoY และ 1.9% QoQ เนื่องจากการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการขายและการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ
สินทรัพย์และหนี้สิน: ส่องงบการเงิน OSP แข็งแกร่งแค่ไหน?
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 OSP มีสินทรัพย์รวม 24,579 ล้านบาท ลดลง 2.2% จากสิ้นปี 2567 สาเหตุหลักมาจากการลดลงของที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ รวมถึงสินค้าคงเหลือ ในขณะที่หนี้สินรวมอยู่ที่ 7,435 ล้านบาท ลดลง 20.4% จากสิ้นปี 2567 เนื่องจากการจ่ายชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 17,144 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6% จากสิ้นปี 2567 โดยหลักมาจากกำไรสะสมที่เพิ่มขึ้น อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 0.05 เท่า และอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ -0.10 เท่า แสดงให้เห็นถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง
สรุปและแนวโน้ม: OSP ยังคงครองบัลลังก์ผู้นำตลาดเครื่องดื่ม
โดยสรุป โอสถสภามีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในไตรมาส 2 ปี 2568 โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติทำสถิติสูงสุด แม้ว่ารายได้รวมจะลดลงเล็กน้อยเนื่องจากการปรับโครงสร้างภายในและการเปลี่ยนแปลงในตลาด แต่บริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังคงเป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังด้วยส่วนแบ่งการตลาด 44.6% และเป็นอันดับหนึ่งในตลาดเครื่องดื่ม Functional Drinks ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 47.0% นอกจากนี้ บริษัทยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และกิจกรรมการตลาดเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่หลากหลาย รวมถึงให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในการพัฒนาบรรจุภัณฑ์และการสร้างประโยชน์ให้แก่ชุมชน