บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

ภาพรวมผลประกอบการ

บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) (BJC) เผยผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568 รายได้รวมอยู่ที่ 41,807 ล้านบาท ลดลง 3.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หน้า กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทอยู่ที่ 990 ล้านบาท ลดลงถึง 19.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้วอยู่ที่ 1,180 ล้านบาท ลดลงเพียง 3.2%

ปัจจัยกระทบผลงาน

สาเหตุหลักที่ฉุดรายได้รวมคือการหยุดดำเนินการของบริษัท ไทย-สแกนดิคสตีล จำกัด (TSS) ส่งผลกระทบต่อกลุ่มสินค้าและบริการทางเวชภัณฑ์และเทคนิค รวมถึงรายได้ที่ชะลอตัวลงในกลุ่มบรรจุภัณฑ์และค้าปลีกสมัยใหม่ แต่ยังมีข่าวดีคือกลุ่มสินค้าและบริการอุปโภคบริโภคยังคงมีการเติบโตที่โดดเด่น ถึงแม้รายได้จะลดลง แต่ BJC ยังคงบริหารจัดการค่าใช้จ่ายรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดลง 2.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็นผลมาจากการบริหารต้นทุนที่ดีทั้งในส่วนของต้นทุนขายสินค้าและบริการ และค่าใช้จ่ายในการขาย

วิเคราะห์เจาะลึก

กำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษีเงินได้ (EBIT) ลดลง 13.8% เนื่องจากยอดขายที่ชะลอตัวลงและผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเล็กน้อยจาก 20.3% เป็น 20.2% ขณะที่อัตรากำไรสุทธิสำหรับผู้ถือหุ้นของบริษัทก็ลดลงจาก 3.1% เป็น 3.1% ในส่วนของฐานะทางการเงิน สินทรัพย์รวมลดลง 1.5% จากสิ้นปีก่อนหน้า หนี้สินรวมลดลง 1.9% และส่วนของผู้ถือหุ้นรวมลดลง 0.7% อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 1.1 เท่า

สรุปและส่งสัญญาณ

แม้ผลประกอบการไตรมาส 2/2568 จะไม่สดใสนัก แต่ BJC ยังคงแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนและปรับตัว การเติบโตของกลุ่มสินค้าและบริการอุปโภคบริโภคเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยพยุงผลประกอบการ นอกจากนี้ บริษัทยังอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลปี 2568 ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาทต่อหุ้น และมีการขยายสาขาในกลุ่มค้าปลีกสมัยใหม่ อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ปิดสาขา Big C Mini จำนวน 41 สาขา