บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
SCGP กำไร Q2/68 โตต่อเนื่อง ASPS ชี้เป้า 25 บาท
P/E 23.56 YIELD 3.57 ราคา 15.40 (0.00%)
text-primary ไฮไลท์สำคัญ
SCGP กำไรสุทธิ Q2/68 ที่ 1,010 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% QoQ ฟื้นตัวต่อเนื่องจากจุดต่ำสุดใน Q4/67 หนุนโดยความต้องการบรรจุภัณฑ์ในอาเซียนและ การเร่งผลิตเพื่อส่งออกก่อนมาตรการภาษีของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม กำไรยังลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากธุรกิจ Fibrous Chain ได้รับแรงกดดันจากราคาผลิตภัณฑ์ที่ลดลง
text-primary ผลการดำเนินงานและปัจจัยขับเคลื่อน
Fajar บริษัทลูกในอินโดนีเซีย พลิกมี EBITDA เป็นบวกครั้งแรกในรอบ 2 ปี จากการเพิ่มขึ้นของราคากระดาษบรรจุภัณฑ์และมาตรการลดต้นทุน กำไรครึ่งปีแรกคิดเป็น 49% ของประมาณการทั้งปี โดยครึ่งปีหลังคาดว่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก โดยเฉพาะ Fajar ที่ต้นทุนทางการเงินลดลงหลังชำระหนี้ด้วยเงินเพิ่มทุน
ธุรกิจหลักในอาเซียน เช่น เวียดนามและอินโดนีเซีย มีแนวโน้มเติบโตดี แต่ธุรกิจในไทยยังเผชิญความท้าทายจากปัจจัยการเมือง การท่องเที่ยวซบเซา และกำลังซื้อที่ลดลง
ในไตรมาสนี้ SCGP มีปริมาณการขาย Packaging Paper รวม 1.01 ล้านตัน ลดลง 1 หมื่นตันจากงวด 1Q68 คิด เป็นอัตราการใช้กาลังการผลิต 87.8% ปริมาณการขายที่ลดลงเกิดจากการส่งออกที่ลดลงสอดคล้องกับกลยุทธ์ของ SCGP ที่ต้องการกระจายตลาดเพื่อลดการพึ่งพาจากจีน
text-primary ข้อสังเกตและแนวโน้ม
ธุรกิจเยื่อและกระดาษยังไม่เห็นสัญญาณฟื้นตัวในระยะสั้น ราคาเยื่อใยสั้น (Short Fiber Pulp) เดือน ก.ค. 68 ลดลงเหลือ 500 USD/ton เทียบกับราคาเฉลี่ย Q2/68 ที่ 549 USD/ton ราคาเยื่อเคมีละลายน้ำได้ (Dissolving Pulp) เดือน ก.ค. 68 ลดลงมาอยู่ที่ 799 USD/ton เทียบกับราคาเฉลี่ย Q2/68 ที่ 849 USD/ton
คู่แข่งในอินโดนีเซียเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ ซึ่งอาจกดดันราคาในตลาด นอกจากนี้ สถานการณ์ในประเทศไทยยังมีความไม่แน่นอนทางการเมือง และข้อตกลงการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ อาจส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขัน
text-primary สรุปและคำแนะนำ
บล.เอเซียพลัส (ASPS) ประเมินราคาเหมาะสม SCGP ที่ 25 บาท ด้วยวิธี DCF โดยคงประมาณการกำไรปี 2568 ไว้ที่ 3,873 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 2567 คาดกำไรครึ่งปีหลังทรงตัวหรือสูงกว่าครึ่งปีแรกเล็กน้อย ต่างกับปี 2567 ที่กำไรลดลงทุกไตรมาส
ราคาหุ้น SCGP ปรับตัวขึ้นกว่า 26% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ตอบรับผลประกอบการที่ดีขึ้น ASPS ให้น้ำหนักการลงทุน "Neutral" เนื่องจากราคาหุ้นตอบสนองต่อการฟื้นตัวไปพอสมควรแล้ว