บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

text-primary แนวโน้มกำไรหลักไตรมาส 2/68 ทรงตัว QoQ แต่ครึ่งปีหลังโต YoY หนุนราคาหุ้น SCGP ปรับตัวขึ้น

บล.บัวหลวง (BLS) คาดการณ์แนวโน้ม กำไรหลักของ SCGP ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 จะเติบโต YoY โดยมีปัจจัยหนุนจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร (IPB) รวมถึง Fajar คาดว่าปริมาณขายจะเพิ่มขึ้น ต้นทุนวัตถุดิบ (RCP) และต้นทุนพลังงานลดลง นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลงจะช่วยให้อัตรากำไรของธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร (IPB) ปรับตัวดีขึ้น

text-primary คาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 2/68

BLS คาดการณ์กำไรหลักไตรมาส 2/68 ของ SCGP อยู่ที่ 908 ล้านบาท ลดลง 40% YoY แต่ทรงตัว QoQ ปัจจัยหลักที่ทำให้กำไรหลักลดลง YoY คือ กำไรของธุรกิจเยื่อและกระดาษที่ลดลง และกำไรของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ครบวงจรที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นของธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร (รวมถึง Fajar) น่าจะกลบผลกระทบจากกำไรธุรกิจเยื่อและกระดาษที่ลดลง ทำให้กำไรหลักทรงตัว QoQ คาดว่าปริมาณขายกระดาษบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ปลายน้าจะเพิ่มขึ้น

text-primary ข้อสังเกตและปัจจัยที่ต้องจับตา

แม้ว่าราคาขายผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่จะทรงตัวในไตรมาส 2/68 แต่ต้นทุนกระดาษรีไซเคิล (RCP) ปรับขึ้นเล็กน้อย และต้นทุนถ่านหินลดลง ส่งผลให้อัตรากำไรของธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร (IPB) คาดว่าจะทรงตัว QoQ อย่างไรก็ตามราคาเยื่อกระดาษที่ลดลงอาจเป็นปัจจัย กดดันอัตรากำไรของธุรกิจเยื่อและกระดาษ QoQ นอกจากนี้ BLS ยังมองว่าอาจมีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรปี 2568 จากอุปสงค์ในเวียดนามที่แข็งแกร่งกว่าคาด โดยอิงจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของเวียดนามในปี 2568 (GDP ครึ่งแรกของปี 2568 เติบโต 7.5% YoY และตั้งเป้า GDP ปี 2568 ที่อย่างน้อย 8.0% YoY เพิ่มขึ้นจาก 7.1% ในปี 2567) และโอกาสจากการควบรวมกิจการ (M&A)

text-primary คำแนะนำและกลยุทธ์การลงทุน

BLS แนะนำ "ถือทำกำไรต่อ" สำหรับหุ้น SCGP และเพิ่มสถานะหากเกิดการย่อตัวของตลาด เนื่องจากแนวโน้มกำไรหลักที่คาดว่าจะเติบโต YoY ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 กลยุทธ์การกระจายฐานการผลิตของ SCGP ยังสร้างข้อได้เปรียบที่ชัดเจน โดย SCGP มีความเสี่ยงโดยตรงต่อภาษีน าเข้าสินค้าจากไทยของสหรัฐฯ ค่อนข้างจำกัด เนื่องจากมีฐานการผลิตหลักในอาเซียน ซึ่งเป็นประเทศที่ถูกเรียกเก็บภาษีน าเข้าต่ากว่าประเทศไทย