บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

FSSIA คาดการณ์กำไรหลัก Q2/25 ของ SCC จะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยมีปัจจัยหนุนจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์เคมีที่ดีขึ้นและการฟื้นตัวต่อเนื่องของ SCGP นอกจากนี้ การขายหุ้น CAP และการประเมินมูลค่าใหม่จะช่วยลดหนี้สินและสร้างผลกำไรอย่างมีนัยสำคัญ

FSSIA คาดการณ์กำไรหลัก Q2/25 จะอยู่ที่ 2.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 151.3% QoQ แต่ยังคงลดลง 19.0% YoY การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วนี้มีสาเหตุหลักมาจากส่วนต่างราคาปิโตรเคมีที่ดีขึ้น แม้ว่าจะมีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มขึ้น แต่โรงงานบางแห่งก็หยุดดำเนินการ และต้นทุนน้ำมันดิบยังคงลดลง ซึ่งสนับสนุนให้ส่วนต่างราคาดีขึ้น นอกจากนี้ ธุรกิจซีเมนต์ยังได้รับประโยชน์จากการปรับขึ้นราคา 400 บาท/ตัน ในขณะที่ผลกำไรของ SCGP ควรฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เงินปันผลรับใน Q2 และ Q4 ยังเป็นปัจจัยสนับสนุนเพิ่มเติม

การปรับโครงสร้างการลงทุนใน PT Chandra Asri Pacific Tbk (CAP) โดย SCGC จะเกี่ยวข้องกับการขายหุ้น 10.6% และการประเมินมูลค่าหุ้นที่เหลือ 20% ใหม่ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดกำไรทางบัญชีจำนวนมาก นอกจากนี้ เงินที่ได้จากการขายหุ้น 10.6% จะช่วยลดหนี้สินของ SCGC

แม้ว่าธุรกิจของ SCGC อาจยังคงอยู่ในช่วงขาลงจนถึงปลายปี 2569 และโครงการ Ethane ซึ่งเป็นโครงการที่อาจเปลี่ยนแปลงเกมและลดต้นทุนของ LSP มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2570 แต่บริษัทอาจพิจารณากลับมาเปิดโรงงาน LSP อีกครั้งเร็วสุดในเดือนสิงหาคม 2568 หากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ยังคงแข็งแกร่งในระดับปัจจุบัน

ความเสี่ยงขาลงต่อราคาเป้าหมาย SOTP ได้แก่ 1) ความต้องการเคมีภัณฑ์ CBM และบรรจุภัณฑ์ต่ำกว่าที่คาด 2) ต้นทุนถ่านหินที่สูงขึ้นสำหรับหน่วยซีเมนต์และบรรจุภัณฑ์ และ 3) ความต้องการที่อ่อนแอจากอุตสาหกรรมยานยนต์ที่อาจกัดกร่อนความต้องการหน่วยเคมีของ SCC และเงินปันผลที่ได้รับ

FSSIA คงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ SCC โดยมีราคาเป้าหมาย 200 บาท เนื่องจากเชื่อว่า SCC ได้ผ่านพ้นช่วงที่ยากลำบากที่สุดไปแล้ว แม้ว่าจะมีอุปสรรคในครึ่งหลังของปี 2568 จากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ การควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เข้มงวด การหลีกเลี่ยงหนี้สินเพิ่มเติม และการขายธุรกิจที่ไม่ทำกำไรได้เสริมสร้างสถานะทางการเงินของบริษัท ความยืดหยุ่นนี้จะช่วยให้ SCC สามารถรับมือกับความท้าทายที่กำลังจะมาถึง พร้อมทั้งยังคงจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นประมาณ 3%