บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
BAM วางกลยุทธ์ใหม่ เร่งเครื่องโต บัวหลวงให้เป้า 7.50 บาท
P/E 11.08 YIELD 4.61 ราคา 7.60 (0.00%)
บัวหลวง (BLS) มอง BAM เดินเกมรุก ปรับกลยุทธ์ใหม่ เน้นจัดเก็บเงินสด หนุนกำไรโต พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 7.50 บาท ชี้โอกาส Bull-case สดใสกว่า Bear-case ตลาดอาจปรับประมาณการกำไรขึ้นได้อีก
ไฮไลท์สำคัญ
- BLS คาดกลยุทธ์ใหม่ของ BAM จะช่วยเร่งการจัดเก็บเงินสดและหนุนการเติบโตของกำไรสุทธิ
- มองว่าโอกาสที่ประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ตามกรณี Bull-case มีความเป็นไปได้มากกว่ากรณี Bear-case
- เห็นโอกาสที่ตลาดจะมีการปรับเพิ่มประมาณการกำไรในช่วงครึ่งหลังของปี 2568
กลยุทธ์ใหม่เพื่อเร่งการเติบโต
BAM มุ่งเน้นการเร่งปรับโครงสร้างเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้และการขายทรัพย์สินรอการขาย รวมถึงการปลดล็อกมูลค่าสินทรัพย์อย่างรวดเร็วขึ้น สำหรับธุรกิจบริหารหนี้ ได้จัดตั้ง “TDR Factory and Financial Advisory Center” เสนอเงื่อนไขผ่อนชำระที่ยืดหยุ่นขึ้น เพื่อเปลี่ยนหนี้เสียให้กลับมาชำระได้ (re-performing loans) เพิ่มการจัดเก็บเงินสด
ด้านธุรกิจขายทรัพย์สินรอการขาย BAM ร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ (บมจ. บางกอก แอสเซทอินเตอร์กรุ๊ป, บมจ. ไซมิส แอสเสท และ VBeyond) ปรับปรุงและจำหน่ายทรัพย์สินรอการขาย คาดช่องทางขายใหม่เหล่านี้จะช่วยเพิ่มทั้งมูลค่าและปริมาณการขายทรัพย์สินรอการขาย โดยจะเริ่มเห็นผลในช่วงครึ่งหลังของปี 2568
ข้อสังเกตจากข้อมูล
ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ณ สิ้นเดือนมี.ค. 2568 พบว่า หนี้เสียของธนาคารพาณิชย์รวมอยู่ที่ 5.102 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% YoY และ 3% QoQ สินเชื่อที่ต้องจับตาเป็นพิเศษอยู่ที่ 1.2 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% YoY (แต่ลดลง 1% QoQ) BLS มองว่าปริมาณหนี้เสียและสินเชื่อที่ต้องจับตาเป็นพิเศษอยู่ในระดับสูง ทำให้ธนาคารอาจจะต้องขายหนี้เสียในราคาที่มีส่วนลดมากขึ้น
จากข้อมูลในอดีตช่วงไตรมาส 1/61 – ไตรมาส 1/68 พบว่า แนวโน้มการจัดเก็บเงินสดของ BAM มีความสัมพันธ์กับแนวโน้มกำไรสุทธิในระดับ 62% ซึ่งหมายความว่าโดยทั่วไปแล้วกำไรสุทธิของ BAM จะเพิ่มขึ้นในช่วงการจัดเก็บเงินสดแข็งแกร่ง
สรุปและคำแนะนำ
BLS วิเคราะห์ความอ่อนไหวของประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ตามกรณี Bull-case และ Bear-case พบว่าระดับการจัดเก็บเงินสด กำไรจากเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้ และการขายทรัพย์สินรอการขาย จะมีอิทธิพลอย่างมากต่อกำไรของ BAM ภายใต้กรณี Bull-case ประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 จะสูงกว่ากรณี Base-case 9% ส่งผลให้ราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2568 ขยับขึ้นจาก 7.50 บาทเป็น 8.30 บาท
ประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ในกรณี Base-case ของ BLS อยู่ที่ 2.1 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 32% YoY) ซึ่งสูงกว่าประมาณการตลาดปัจจุบันอยู่ 22% จึงมองว่าตลาดมีโอกาสปรับเพิ่มประมาณการกำไรได้