บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
CBG เผชิญปัจจัยลบระยะสั้น แต่พื้นฐานยังแกร่ง! FSSIA ชี้เป้า 74 บาท
P/E 15.03 YIELD 2.92 ราคา 44.50 (0.00%)
text-primary FSSIA ยังคงแนะนำ "ซื้อ" CBG โดยให้ราคาเป้าหมายเดิมที่ 74 บาท แม้จะมีปัจจัยกดดันระยะสั้น แต่เชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตในระยะยาว
บริษัทหลักทรัพย์ เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล อินเวสเมนท์ แอดไวเซอรี่ จำกัด (FSSIA) ยังคงแนะนำ "ซื้อ" หุ้น บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG โดยให้ราคาเป้าหมายเดิมที่ 74.00 บาท แม้ว่าจะมีปัจจัยกดดันในระยะสั้นจากการปิดจุดผ่านแดนระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งส่งผลกระทบต่อการขนส่งสินค้า แต่ FSSIA เชื่อมั่นว่า CBG จะสามารถปรับตัวได้ และยังมีปัจจัยบวกอื่นๆ ที่สนับสนุนการเติบโตในระยะยาว โดยราคาเป้าหมายนี้ประเมินจาก P/E ปี 2568 ที่ 16 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง OSP
text-primary ผลกระทบจากการปิดจุดผ่านแดนและการปรับตัวของ CBG
FSSIA ประเมินว่าการปิดจุดผ่านแดนไทย-กัมพูชาจะส่งผลกระทบต่อ CBG เนื่องจากรายได้จากการส่งออกไปกัมพูชาคิดเป็น 15% ของรายได้รวม อย่างไรก็ตาม CBG ได้เตรียมพร้อมรับมือโดยการเร่งส่งสินค้าไปกัมพูชาล่วงหน้า ซึ่งจะช่วยรองรับยอดขายได้ 1-2 เดือน หลังจากนั้นจะเปลี่ยนไปใช้การขนส่งทางทะเลแทน ซึ่งอาจใช้เวลานานกว่า นอกจากนี้ CBG ยังเร่งการก่อสร้างโรงงานเครื่องดื่มในกัมพูชาให้เร็วขึ้น คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในสิ้นปี 2568 เร็วกว่าแผนเดิมที่คาดไว้ในครึ่งแรกของปี 2569
text-primary แนวโน้มผลประกอบการ Q2/2568 ยังคงแข็งแกร่ง
FSSIA คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 2/2568 จะฟื้นตัวเป็น 828 ล้านบาท (+9% q-q, +19.8% y-y) โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของรายได้ในประเทศ CBG สามารถรักษาส่วนแบ่งการตลาดไว้ได้ที่ 25.5% ซึ่งสูงกว่าในไตรมาส 2/2567 ที่ 24.1% แสดงให้เห็นว่า CBG เติบโตได้เร็วกว่าตลาดโดยรวม นอกจากนี้ FSSIA คาดว่ารายได้จากการส่งออกไปกัมพูชาและเมียนมาร์จะเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล แม้ว่าจะมีผลกระทบจากภาษีน้ำตาลที่สูงขึ้น แต่คาดว่าจะถูกชดเชยด้วยต้นทุนน้ำตาลและอลูมิเนียมที่ลดลง
text-primary ความท้าทายและคำแนะนำเชิงกลยุทธ์
ถึงแม้ว่า Valuation ของ CBG จะน่าสนใจ แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา ได้แก่ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับรายได้จากการส่งออกหากสถานการณ์การปิดด่านชายแดนยืดเยื้อ ความล่าช้าในการเปิดโรงงานใหม่ และการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป้าหมายส่วนแบ่งการตลาดที่ 29% ภายในสิ้นปี 2568 อาจเป็นเรื่องท้าทายมากขึ้น FSSIA แนะนำให้ใช้กลยุทธ์การซื้อขายเก็งกำไรระยะสั้น