บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
TCAP: เมย์แบงก์ฯ ชี้เป้าราคา 56 บาท คาดปันผลเพิ่ม
P/E 8.38 YIELD 5.74 ราคา 57.50 (0.00%)
text-primary โบรกเกอร์แนะ "ซื้อ" มองข้าม TTB เหตุราคาต่ำกว่า
text-primary ไฮไลท์สำคัญ
เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) (MST) แนะนำ "ซื้อ" หุ้น TCAP โดยให้ราคาเป้าหมาย 56 บาท มองว่า TCAP มีมูลค่าต่ำกว่า TTB และคาดการณ์กำไรปี 2568 เติบโต 7% จาก credit cost ที่ลดลงและรายได้ปันผลที่สูงขึ้น
text-primary เนื้อหาข่าว
MST ชื่นชอบ TCAP มากกว่า TTB (ราคาเป้าหมาย 2.0 บาท, แนะนำ "ถือ") เนื่องจาก PER ปี 2568 ของ TCAP อยู่ที่ 6.9 เท่า เทียบกับ 9.0 เท่าของ TTB ทั้งสองบริษัทให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลประมาณ 7% ในปี 2568 MST คาดว่ากำไรสุทธิปี 2568-2569 จะเติบโต YoY จาก credit cost ที่ลดลงและรายได้จากเงินปันผลที่สูงขึ้น นอกจากนี้ TCAP ยังมีแนวโน้มได้รับประโยชน์จากการซื้อหุ้นคืนของ TTB ในแง่ของส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้น
MST คาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทธนชาตประกันภัย (TNI) และ THANI จะเติบโต YoY ในปี 2568 โดย TNI จะได้อานิสงส์จากมาตรฐานบัญชีใหม่ของธุรกิจประกันภัย ขณะที่ credit cost ที่ลดลงจะช่วยหนุนกำไรของ THANI MST คาดว่า TCAP จะได้รับเงินปันผลเพิ่มขึ้นหลังจากกลุ่ม TCAP เพิ่มสัดส่วนถือหุ้นใน TISCO จากประมาณ 15 ล้านหุ้นในเดือนเมษายน 2567 เป็นประมาณ 30 ล้านหุ้นในปัจจุบัน
MST คาดว่า credit cost จะลดลงจาก 2.0% ในปี 2567 เป็น 1.7-1.8% ในปี 2568-2569 เนื่องจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้นใน THANI และไม่มีรายการสำรองพิเศษใน TNS โดยอัตราส่วน NPL ของ THANI ลดลงมาอยู่ที่ 2.9% และอัตราส่วนการกันสำรอง NPL coverage เพิ่มขึ้นเป็น 131% ในไตรมาส 1/2568 จาก 3.8% และ 93% ตามลำดับในไตรมาส 3/2567
text-primary ข้อสังเกต
ราคาหุ้น TCAP ให้ผลตอบแทนแย่กว่า TTB ราว 12% ตั้งแต่ต้นปี 2568 ทั้งนี้ TCAP จะถูกนำเข้าในดัชนี SET50 มีผลในเดือนกรกฎาคม 2568 ความเสี่ยงหลักคือคุณภาพสินทรัพย์ที่อาจต่ำกว่าคาด
MST คาดว่า TCAP จะขายกิจการ TNS ในเดือนกรกฎาคม 2568 และนำเงิน 3 พันล้านบาทไปลงทุนในหุ้นที่ให้เงินปันผลสูง ซึ่งการขาย TNS จะไม่มีผลกำไรเพราะขายที่ราคาตามมูลค่าทางบัญชี หากลงทุน 3 พันล้านบาทในหุ้นที่ให้ปันผล 8% TCAP จะได้รับรายได้จากเงินปันผลเพิ่มขึ้น 240 ล้านบาทต่อปีหรือประมาณ 0.23 บาท/หุ้น