บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
VIBHA Oppday Q1/2568: ผ่ากลยุทธ์วิภาราม เผชิญความท้าทายตลาดหุ้นผันผวน
P/E 47.17 YIELD 3.68 ราคา 1.36 (0.00%)
VIBHA Oppday Q1/2568: ผ่ากลยุทธ์วิภาราม เผชิญความท้าทายตลาดหุ้นผันผวน
สรุปผลการดำเนินงานและกลยุทธ์ของบริษัท โรงพยาบาลวิภาวดี จำกัด (มหาชน) ในงาน Oppday ไตรมาส 1 ปี 2568 โดยเน้นที่ผลกระทบต่อธุรกิจ, โอกาสทางธุรกิจ, ความเสี่ยง, วิธีการแก้ไขปัญหา, แนวโน้มในอนาคต และช่วงถาม-ตอบ
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)
ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2568 พบว่ารายได้รวมลดลง 87 ล้านบาทเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว โดย 35% มาจากโรงพยาบาลวิภาวดีและ 62% มาจากเครือ CMR
- เหตุผลหลักที่รายได้รวมลดลง:
- รายได้จากการรักษาผู้ป่วยลดลงประมาณ 32 ล้านบาท (จากวิภาวดี, CMR, และ Beauty Design)
- เงินปันผลรับลดลงประมาณ 57 ล้านบาท (จากวิภาวดีและ CMR ใกล้เคียงกัน)
EBITDA ลดลง 338 ล้านบาท คิดเป็น 51.6% โดย 11% มาจากโรงพยาบาลวิภาวดีและ 86.1% จากเครือ CMR
- ปัจจัยที่ทำให้ EBITDA ลดลง:
- Mark to market เงินลงทุนในตลาดหลักทรัพย์: ขาดทุน 179 ล้านบาท (เทียบกับกำไร 22 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว)
- ต้นทุนการรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นประมาณ 30 กว่าล้านบาท (ส่วนใหญ่มาจาก CMR ที่มีการปรับค่าแรงขั้นต่ำ)
Net income ลดลง 275 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่าการลดลงของ EBITDA เนื่องจากภาษีเงินได้รวมลดลงเช่นกัน (ประมาณ 57 ล้านบาท, 46 ล้านบาทเป็นส่วนของวิภาวดี)
จำนวนผู้ป่วย:
- วิภาวดี: ผู้ป่วย OPD เพิ่มขึ้น 1.4%, ผู้ป่วย IPD ลดลง 4.6%
- CMR: ผู้ป่วย OPD เพิ่มขึ้น 2.4% (33% เป็นผู้ป่วยเงินสด, เพิ่มขึ้น 2.2%, หลักๆ คือลานนา), ผู้ป่วย IPD ลดลง 5.9% (64% เป็นผู้ป่วยเงินสด, ลดลง 7.5%, หลักๆ มาจากเชียงใหม่ราม, เทพปัญญา, ลานนา)
เครือโรงพยาบาลวิภาราม: ผู้ป่วย IPD ลดลง 5.5% (32% เป็นผู้ป่วยเงินสด, ลดลง 0.2% จากแหลมฉบัง, ปากเกร็ด, อมตะนคร), ผู้ป่วย IPD เพิ่มขึ้น 4.1% (54% เป็นผู้ป่วยเงินสด, เพิ่มขึ้น 3.3%, หลักๆ คือเทพปัญญา)
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)
บริษัทกำลังเปิดศูนย์ใหม่และขยายบริการ:
- ศูนย์ผ่าตัดโดยใช้รังสี (เปิด 16 มิถุนายน 2568): เน้นผ่าตัดสมอง, ร่วมลงทุนกับ Healthcare Therapeutics, ชื่อ (อาจจะ) "สยาม Gamma Knife Therapy Center", แพ็คเกจ 380,000 และ 330,000 บาท, อยู่ระหว่างขออนุญาตเข้าร่วมกับ สปสช.
- V Design Hair: คลินิกปลูกผมยาว, เน้นความเป็นธรรมชาติ, เทคนิค Long Hair
- V Precision: ดูแล Anti-aging และ Personalized Medicine, แพทย์ทางเลือก (Alternative Medicine), มี Cryotherapy และ test epigenetic
- Fertiva: คลินิกดูแลผู้มีบุตรยาก (เปิดบริการมีนาคม, Grand opening สิงหาคม)
- V Surgery: ศัลยกรรมพลาสติก (เปิดบริการมีนาคม), เน้นดึงหน้าทำ Endotine
- ร่วมกับคลินิก G Wellness: ทำแพทย์แผนไทย (เปิดที่อาคาร 5 ของโรงพยาบาลวิภาวดี)
- Jab and Go: คลินิกฉีดวัคซีน (3 สาขาตามสถานี BTS/MRT)
- Dr. Choice: เริ่มทำผลิตภัณฑ์ของตัวเอง (Skincare, ทิชชู่เปียก), ไตรมาส 3 จะ collaborate กับบริษัทเซียงเพียวทำยาดมสูตรของโรงพยาบาล
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)
ความเสี่ยงหลักคือความผันผวนของตลาดหุ้นที่มีผลต่อการวัดมูลค่าเงินลงทุน (mark to market) และการเปลี่ยนแปลงนโยบายของภาครัฐที่มีผลต่อรายได้ (เช่น การปรับลดค่าหัว DRG)
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)
บริษัทเน้นการขยายบริการใหม่ๆ ที่มีศักยภาพในการเติบโตและเพิ่มรายได้, ควบคุมต้นทุน, และบริหารจัดการความเสี่ยงทางการเงินอย่างรอบคอบ
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)
บริษัทมองว่าแนวโน้มของธุรกิจโรงพยาบาลยังคงเติบโตได้ โดยเฉพาะบริการทางการแพทย์เฉพาะทางและแพทย์ทางเลือก บริษัทมีแผนที่จะลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม นาทีที่ 32:17]
- รายได้จากโควิดที่ลดลงมีผลกระทบต่อการเติบโตหรือไม่?
- มีแผนที่จะขยายโรงพยาบาลหรือซื้อโรงพยาบาลอื่นเพิ่มอีกหรือไม่?
- มีการปรับตัวอย่างไรกับค่าแรงขั้นต่ำที่สูงขึ้น?
- มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลอย่างไร?
- มีความเห็นอย่างไรกับแนวโน้มการแข่งขันในธุรกิจโรงพยาบาล?
- (34:25) ความคืบหน้าของ Dr.Choice มีอะไรบ้าง
- (34:50) มีแผนการลงทุนเพิ่มเติมอย่างไรบ้าง
- (35:08) สัดส่วนคนไข้ต่างชาติของโรงพยาบาลเป็นอย่างไรบ้าง
- (35:38) แผนการเติบโตของโรงพยาบาลในปีนี้
- (36:05) โรงพยาบาลมี digital transformation อย่างไรบ้าง
- (36:29) สาเหตุที่ต้นทุนทางการเงินลดลง
- (37:02) แผนการลงทุนใน Fertiva เพิ่มเติม
- (37:18) ปัญหาการขาดแคลนพยาบาลกระทบต่อโรงพยาบาลหรือไม่
- (37:44) มีการลงทุนในเทคโนโลยี AI หรือไม่
- (38:14) คู่แข่งของโรงพยาบาลคือใคร
- (38:43) มีแผนที่จะขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่หรือไม่
- (39:05) มองว่าธุรกิจ Wellness จะเติบโตได้มากแค่ไหน
ผู้บริหารตอบว่ารายได้จากโควิดลดลงจริง แต่บริษัทมีรายได้จากกลุ่มลูกค้าอื่นมาชดเชย และยังสามารถเติบโตได้
ผู้บริหารตอบว่าบริษัทกำลังพิจารณาโอกาสในการลงทุนต่างๆ อย่างรอบคอบ โดยจะเน้นการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนที่ดีและสอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัท
ผู้บริหารตอบว่าบริษัทมีการปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานและควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ เพื่อลดผลกระทบจากค่าแรงขั้นต่ำที่สูงขึ้น
ผู้บริหารตอบว่าบริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอ โดยจะพิจารณาจากผลการดำเนินงานและกระแสเงินสดของบริษัท
ผู้บริหารตอบว่าการแข่งขันในธุรกิจโรงพยาบาลสูงขึ้น แต่บริษัทมีความมั่นใจในความสามารถในการแข่งขัน เนื่องจากมีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง, บริการที่มีคุณภาพ, และทีมงานที่มีประสบการณ์
มีการ rebrand ปรับปรุงภาพลักษณ์ และมีสินค้าใหม่ๆ ที่จะ launch อีกมาก
พิจารณาลงทุนใน joint venture ที่เกี่ยวข้องกับ health and wellness มากขึ้น
มีสัดส่วนน้อย ส่วนใหญ่เป็นคนไข้ local หรือคนไทย
ปีนี้จะเน้นเรื่องการเติบโตของรายได้ และพยายามลดค่าใช้จ่ายให้ได้มากที่สุด
ตอนนี้กำลังพัฒนาเรื่องระบบ HIS (Hospital Information System) เพื่อเก็บข้อมูลคนไข้ และนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงบริการ
เป็นเพราะบริษัทมีหนี้สินน้อย
ตอนนี้ยังไม่มีแผนการลงทุนเพิ่มเติม
กระทบบ้าง แต่ไม่มากนัก เพราะโรงพยาบาลมีสวัสดิการที่ดี
มีการนำมาใช้บ้าง แต่ยังไม่มากนัก ส่วนใหญ่เป็นการใช้ AI เพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรค
โรงพยาบาลอื่นๆ ในเครือ BDMS และโรงพยาบาลขนาดใหญ่อื่นๆ
มีแผนที่จะขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มลูกค้าต่างชาติมากขึ้น
มองว่าธุรกิจ Wellness มีศักยภาพในการเติบโตสูงมาก
โดยสรุป, VIBHA เผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยภายนอกเช่นตลาดหุ้นผันผวน แต่ยังคงมุ่งมั่นที่จะเติบโตด้วยการขยายบริการใหม่ๆ และควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทมีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นผู้นำในการให้บริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค