CAZ อัพเดทผลประกอบการไตรมาส 1/2568: โอกาสและความท้าทายในอุตสาหกรรมก่อสร้าง

P/E -100.00 YIELD 0.00 ราคา 1.75 (0.00%)

CAZ อัพเดทผลประกอบการไตรมาส 1/2568: โอกาสและความท้าทายในอุตสาหกรรมก่อสร้าง

สวัสดีค่ะ พบกันอีกครั้งในงาน Opportunity Day กับ CAZ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ในครั้งนี้ ทางบริษัทจะมาอัพเดทผลประกอบการของไตรมาส 1 ของบริษัทที่ผ่านมา โดยมีผู้ร่วมให้ข้อมูลคือ ดิฉัน พรทิพย์ ขันทีทิตย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานบัญชีและการเงิน และมิสเตอร์ ซูซูมุ โคบายาชิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการของบริษัท CAZ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน)

หัวข้อที่จะพูดถึงในวันนี้มี 5 หัวข้อหลัก ได้แก่ การแนะนำข้อมูลบริษัทและขอบเขตการให้บริการ ภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 1 ในส่วนของ Performance และ Outlook ของทางบริษัท

ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

ปัจจุบัน CAZ ดำเนินการโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จรวม 83 โครงการ และมีงานโครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ 9 โครงการ Backlog ณ สิ้นไตรมาส 1 อยู่ที่ 1,734 ล้านบาท พนักงานรวมอยู่ที่ 2,474 คน แบ่งเป็นพนักงาน 581 คน และคนงาน 2,893 คน

ตั้งแต่เข้าตลาดหุ้น MAI ในปี 2562 CAZ มีพัฒนาการมาเรื่อย ๆ ในส่วนของกำลังการผลิตและยอดขาย

CAZ ได้รับการรับรองคุณภาพในเชิงของมาตรฐานสากล ASME และ ISO

CAZ มีการให้บริการทั้งหมด 5 กลุ่มบริการ ได้แก่

  1. งาน EPC
  2. งาน SMP
  3. งาน Civil
  4. งาน General Construction
  5. Other Service (งาน Fabrication)

Location ของบริษัทตั้งอยู่ที่อำเภอเมืองระยอง โดย Shop ที่ตั้งอยู่ในส่วนของสำนักงานใหญ่มีเนื้อที่ 109 ไร่ และ Shop อีกแห่งที่ปลวกแดงมีเนื้อที่ 79 ไร่

ในภาพรวมของไตรมาส 1 ที่ผ่านมา มี 4 กลุ่มบริการที่ยังมี Backlog คงเหลืออยู่

  1. EPC: มูลค่า Contract รวม 1,560 ล้านบาท Backlog คงเหลือ ณ สิ้น 31 มีนาคม อยู่ที่ 974.72 ล้านบาท (ประมาณ 56%)
  2. SMP: มูลค่าโครงการรวม 6,443 ล้านบาท Backlog คงเหลือ ณ สิ้น 31 มีนาคม อยู่ที่ 509 ล้านบาท (ประมาณ 29%)
  3. Civil: มูลค่าสัญญารวม 2,917 ล้านบาท Backlog คงเหลืออยู่ที่ 2,041 ล้านบาท (ประมาณ 14%)
  4. Fabrication: มูลค่าสัญญารวม 187 ล้านบาท Backlog คงเหลืออยู่ที่ 9 ล้านบาท (ประมาณ 0.5%)

มูลค่างานคงเหลือ ณ สิ้น 31 มีนาคม จะรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 2 ไตรมาส 3 และยาวไปจนถึงปี 2570

งานที่ยังทำอยู่ ณ ปัจจุบัน ได้แก่

  • CFP ที่ศรีราชา (งาน Civil และ SMP)
  • สะกุลระ ที่ระยอง
  • PTTC3
  • ITCP Metering (งาน LNG)

ในไตรมาส 1 มีรายได้รวม 824 ล้านบาท และมีกำไรในส่วนของบริษัทใหญ่อยู่ที่ 40 ล้านบาท GP อยู่ที่ 10.9% และ NP อยู่ที่ 4.8% ปีที่ผ่านมามีการรับรู้ตัว Expected Loss ทำให้มีผลขาดทุนรวมอยู่ที่ -228 ล้านบาท

หากไม่นับรวมลักษณะของการประกอบกิจการโดยปกติ GP ยังอยู่ในเกณฑ์ Average คือ 10.9% และ NP ก็เช่นเดียวกัน

ในรายละเอียดของรายได้เปรียบเทียบ 3 เดือนของปีนี้เทียบกับปีที่แล้ว ภาพรวมของรายได้จะดรอปลงประมาณ 13% หรือประมาณ 125 ล้านบาท เนื่องจาก

  • ไตรมาส 1 ปีที่แล้วมีรายได้จากการส่งมอบงานที่เสร็จสิ้นแล้ว (งานหนองแซะ)
  • ตั้งแต่ปลายปี 2567 งานโครงการของ CFP เริ่มมีการทยอยลดจำนวนคนงานและปริมาณงานลง

Gross Profit ก็จะลดลงด้วยเช่นเดียวกัน โดยสัดส่วนของตัวเปอร์เซ็นต์ลดลงไปประมาณ 10.2% หรือประมาณ 10 ล้านบาท

Net Profit ในภาพรวมที่เป็นตัวเลขของปีนี้เทียบกับปีที่แล้วจะลดลงไปประมาณ 25.5% หรือประมาณ 13.4 ล้านบาท ซึ่งเกิดจาก

  • รายได้ที่ลดลงจากงานที่ส่งมอบไปเสร็จแล้ว
  • งานบางโครงการอยู่ในช่วงท้ายของงาน Construction
  • ค่าใช้จ่ายในส่วนของต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นมาจากสาเหตุเรื่องการมีหนี้ค้างชำระจากลูกค้ารายหนึ่ง ทำให้ต้องหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติม

สินทรัพย์เมื่อเทียบกับตอนสิ้นปีมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 8% หรือ 216 ล้านบาท โดยส่วนที่เพิ่มขึ้นที่เป็นสาระสำคัญคือลูกหนี้และ Contract Asset หนี้สินกับส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนที่เพิ่มขึ้นมาจะเป็นใน Part ของทางเจ้าหนี้ที่เพิ่มขึ้นมาและส่วนของกำไรก็จะเพิ่มเข้ามาจากผลประกอบการของไตรมาส 1 ที่มีกำไร

ROE ในไตรมาส 1 ติดลบ 3.54 และ ROA ติดลบ 8.7 DE Ratio อยู่ที่ 3.3 Interest Bearing Debt อยู่ที่ 0.8 และ DSCR อยู่ที่ 0.7

โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

Outlook ของงานที่มองในปีนี้ งานประมูลมี 3 โครงการที่อยู่ในระหว่างการประมูล มูลค่าประมาณ 14,300 ล้านบาท งานที่คาดหวังคือเบอร์ 1 กับเบอร์ 3 ที่มี Potential ค่อนข้างสูง โดยเบอร์ 1 คาดว่าจะได้รับในช่วงไตรมาส 2 และเบอร์ 3 ในช่วงไตรมาส 3 หากภาพรวมแล้วโอกาสที่มองคืองานของปีนี้ถ้ามีการ Award มาจะอยู่ที่ประมาณ 13,000 ล้านบาท

ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

รายได้ปีนี้ถ้าเทียบกับปีที่แล้วจะดรอปลงไปจากเหตุผลของงานตัว CFP ที่ดรอปลงไปในไตรมาส 2 กับไตรมาส 3 แต่ในไตรมาส 4 ทุกอย่างจะกลับมา

หนี้สินทางการเงินจำนวนมากส่วนใหญ่เป็นหนี้สินระยะสั้น

วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

  • มองหาแหล่งเงินทุน
  • เจรจาขอผ่อนผันการชำระหนี้และขอปรับลดทฦยอยการชำระหนี้กับทางเจ้าหนี้

แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

เป้าหมายการรับรู้รายได้ในปีนี้รวมถึงโครงการใหม่ที่คาดว่าจะได้รับในปีนี้ ภาพรวมของรายได้ปีนี้ถ้าเทียบกับปีที่แล้วจะดรอปลงไป แต่ในไตรมาส 4 ทุกอย่างจะกลับมาปกติ แต่ในภาพรวมของทั้งปีถ้าเทียบกับปี 2567 ทั้งในภาพของตัวรายได้จะดรอปลง แต่ในส่วนของผลกำไรต้องรอในส่วนของตัว Final Settlement Contract ของทาง CAZ กับทาง Main Contractor ของงาน CFP ก่อนว่าจะจะเป็นอย่างไร

บริษัทมีการมองหาแหล่งเงินทุนเพื่อประคับประคองภาระหนี้ที่มีอยู่

ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 25:57]

ขอภาพ Earning Outlook ของ Q2/2568 คร่าว ๆ หลังจากที่งาน Green Fuel หยุดชะงักจากการที่ Thai Oil ยุติสัญญากับ UJV?

การที่ Thai Oil ยกเลิกสัญญามีผลทำให้รายได้ของบริษัทปรับลดลง แต่คาดว่าจะมีการกลับเข้าไปทำงานในไตรมาส 4 ภาพ Outlook ของไตรมาส 2 ถ้าเทียบกับไตรมาส 1 อาจจะดรอปลงไปเล็กน้อยประมาณ 10%

มูลค่างานที่ CAZ ยังทำไม่เสร็จของโครงการ Green Fuel Project เหลืออีกเท่าไหร่?

อยู่ในภาพรวมของงาน CFP ของ CAZ ประมาณ 35% ของงานที่จะต้องทำทั้งหมดใน Part ของ CAZ

ประมาณการรายได้ที่จะรับรู้ใน Q2/2568 และงานคงเหลือใน Backlog มีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยเท่าไหร่?

CFP ที่มีการ Terminate สัญญาไปจะทำให้ Performance ของไตรมาส 2 ดรอปลง ไตรมาส 2 กับไตรมาส 3 น่าจะดรอปลง และมองว่าในไตรมาส 4 จะ Recover กลับมาได้ อัตรากำไรอาจจะดรอปลงไปเล็กน้อย

CAZ มีหนี้สินทางการเงินจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นหนี้สินระยะสั้น เรามีการประเมินความเสี่ยงด้านสภาพคล่องมากน้อยแค่ไหน?

โดยภาระหนี้คงค้างของทางบริษัท พยายามที่จะประคับประคองในส่วนของการดำเนินงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเงินทุนหมุนเวียนหรือเรื่องภาระหนี้ โดยพยายามหาแหล่งเงินทุนเข้ามา และเจรจาขอผ่อนผันการชำระหนี้กับทางเจ้าหนี้

คดีฟ้องร้องกับ UJV มีความคืบหน้าอะไรบ้าง และมีความเป็นไปได้ที่ CAZ จะโอนกลับค่าเผื่อหนี้สูญได้เมื่อไหร่?

มีนัดกับทางศาลประมาณเดือนหน้า ในส่วนของการ Reverse ตัว ECL ยังตอบไม่ได้ ต้องรอเรื่องของการทำ Final Settlement Contract กับทาง JV ก่อน แล้วค่อยมาดูว่าในส่วนของการสำรองหรือการ Reverse จะเป็นอย่างไร

เป้าหมายการรับรู้รายได้ในปีนี้ รวมถึงโครงการใหม่ที่คาดว่าจะได้รับในปีนี้มีเท่าใด?

ภาพรวมของรายได้ปีนี้ถ้าเทียบกับปีที่แล้วจะดรอปลงไปจากเหตุผลของงานตัว CFP ที่ดรอปลงไปในไตรมาส 2 กับไตรมาส 3 แต่ในไตรมาส 4 ทุกอย่างจะกลับมา เราคาดว่าในไตรมาส 4 ทุกอย่างจะกลับมาปกติ เพียงแต่ว่าในภาพรวมของทั้งปีถ้าเทียบกับปี 2567 ทั้งในภาพของตัวรายได้จะดรอปลง แต่ในส่วนของผลกำไร อาจจะต้องรอในส่วนของตัว Final Settlement Contract ของทาง CAZ กับทาง Main Contractor ของงาน CFP ก่อนว่าจะจะเป็นอย่างไร

ในช่วงท้าย ผู้บริหารกล่าวว่า หากนักลงทุนมีคำถามเพิ่มเติม สามารถส่งคำถามมาได้ในอีเมลกับ หรือจะส่งมาทางเว็บไซต์หรือทางเบอร์ติดต่อที่โชว์ที่หน้าสไลด์นี้ได้เลย

สรุป

โดยสรุป CAZ กำลังเผชิญกับความท้าทายจากผลกระทบของการยกเลิกสัญญาโครงการ Green Fuel แต่ยังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาและคว้าโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ โดยมีเป้าหมายที่จะกลับมาเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

โพสต์ล่าสุด