บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
สรุป Oppday LPN: จับตาปี 2568 กับกลยุทธ์ใหม่ฝ่าวิกฤตอสังหาฯ
P/E -100.00 YIELD 6.42 ราคา 1.60 (0.00%)
สรุป Oppday LPN: จับตาปี 2568 กับกลยุทธ์ใหม่ฝ่าวิกฤตอสังหาฯ
สวัสดีครับ ผม วาริธ มีเหมือน ผู้ อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บมจ. LPN Development จำกัด วันนี้จะมาอัปเดตผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 ซึ่งมีหลายประเด็นที่น่าสนใจครับ
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
ในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบ โดยปัจจัยบวกหลักๆ คือ:
มาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง: ครม. มีมติลดค่าธรรมเนียม ซึ่งเริ่มตั้งแต่พฤษภาคม 2568 ถึงมิถุนายน 2569 เป็นระยะเวลาประมาณ 1 ปี ช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาฯ
แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยลดลง: ปัจจุบัน Policy Rate ลดลงแล้ว 2 ครั้ง และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ:
Thrift: ปัญหาที่หลายท่านทราบกันดีอยู่แล้ว
GDP ไทยโตต่ำกว่า 2%: แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำส่งผลต่อกำลังซื้อ
ภาวะหนี้ครัวเรือนและความเข้มงวดในการขอสินเชื่อ: ปัญหาเดิมๆ ที่ยังคงกดดันตลาดอสังหาฯ
ในส่วนของภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ พบว่า Q1 มีการเปิดตัวโครงการใหม่ลดลง ทั้งในแง่จำนวนยูนิตและมูลค่า โดยลดลงค่อนข้างมากในส่วนของบ้านพักอาศัย แต่คอนโดมิเนียมยังมีการเติบโตขึ้นได้เล็กน้อย
จำนวนหน่วยเปิดใหม่ลดลงจาก 15,700 ยูนิต เหลือประมาณ 10,000 ยูนิต แต่คอนโดมิเนียมโตขึ้นจาก 5,700 เป็น 6,100 ยูนิต
มูลค่ารวมลดลงจาก 95,000 ล้านบาท เหลือ 51,000 ล้านบาท คอนโดมิเนียมเป็นตัวเดียวที่เพิ่มขึ้นจาก 14,000 เป็น 16,000 ล้านบาท
โดยรวมแล้ว Unit Growth ลดลงประมาณ 36% และ Value ลดลง 46%
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
บริษัทมองเห็นโอกาสในการเติบโตของตลาดคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมระดับราคา 2-3 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนถึง 41.3% ของตลาด
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
ความเสี่ยงหลักที่บริษัทกำลังเผชิญคืออัตราการปฏิเสธสินเชื่อของธนาคารที่ยังคงเป็นปัญหาสำคัญ
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนาคอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
บริษัทคาดการณ์ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์จะยังคงมีความท้าทาย แต่ยังมีโอกาสเติบโตในบาง Segment โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมระดับกลาง
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): เริ่ม นาทีที่ 37:12
คำถาม: คาเปกสำหรับปีนี้และปีหน้าจะเป็นจำนวนเท่าไหร่?
คำตอบ: คาเปกแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ที่ดินและงานก่อสร้าง
ที่ดิน: ปีนี้มีแผนซื้อที่ดินในช่วงไตรมาส 4 โดยขออนุมัติจากกรรมการบริษัทไว้ไม่เกิน 2,000 ล้านบาท แต่คาดว่าจะซื้อจริงไม่ถึง ส่วนปีหน้าตัวเลขใกล้เคียงกัน เนื่องจาก LPN ไม่ได้ลงทุนในที่ดินมาเกือบ 2 ปีแล้ว และคาดว่าช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า จะต้องมีที่ดินที่เตรียมไว้พัฒนาโครงการใหม่ สำหรับปี 2569-2570
งานก่อสร้าง: โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2-3 พันล้านบาทต่อปี ปีนี้อยู่ที่ประมาณ 2,500 ล้านบาท และปีหน้าตัวเลขใกล้เคียงกัน เนื่องจากคอนโดที่เปิดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มี Project Value ประมาณ 3-4 พันล้านบาท ส่วนแนวราบก็เป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกัน
คำถาม: ครึ่งปีหลังวางแผนเปิดโครงการกี่โครงการ มูลค่าเท่าไหร่?
คำตอบ: ปีนี้เปิดทั้งหมด 4 โครงการ เป็นคอนโด 2 โครงการ และแนวราบ 2 โครงการ มูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท โดยจะเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลังทั้งหมด
คำถาม: แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 เทียบ Year-on-Year และ Q-on-Q?
คำตอบ: ไตรมาส 2 คอนโดในเดือนเมษายนค่อนข้างเงียบ ตรงข้ามกับแนวราบ คล้ายๆ กับตอนที่น้ำท่วม คนหนีจากแนวสูงลงมาแนวราบ เดือนเมษายนค่อนข้างเงียบสำหรับคอนโด ส่วนแนวราบดีขึ้นพอสมควร แต่อาจไม่ Offset กันตรงๆ เพราะ GP ของแนวราบต่ำกว่าคอนโดประมาณ 4-5% แนวโน้มค่อนข้างทรงตัวจากไตรมาส 1 เพราะสินค้ายังเป็นสินค้าเดิม เซลล์เป็นหน้าตาเดิม ดีมานด์มี Growth ประมาณนี้ ยังไม่มีโครงการใดที่ปิดไปใหม่ ตัวเลขน่าจะค่อนข้างใกล้เคียงกันในส่วนของยอดขายยอดโอน แต่ถ้าเทียบกับ Year-on-Year น่าจะลดลง เพราะไตรมาส 2 ปีที่แล้วมีการปิดการขาย Big Lot ที่ลุมพินีพระราม 3 ริเวอร์ไลน์ ซึ่งเป็น Volume ใหญ่ประมาณ 570 ล้านบาท ซึ่งปีนี้ยังไม่มีเหตุการณ์แบบนั้น
คำถาม: สำหรับเป้ายอดขาย รายได้ จำนวนโครงการที่เปิด และมูลค่า ปีนี้เป็นเท่าไหร่ ยังคงเป้าเดิมหรือไม่?
คำตอบ: เป้ายอดขายประมาณ 8,500 ล้านบาท รายได้รวมประมาณ 8,300 ล้านบาท จำนวนโครงการที่เปิดก็เหมือนเดิม ตามที่ได้แถลงข่าวไปในการประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งเป็นตัวเลขเดิม ค่อนข้าง Stable จากปีที่แล้ว เพราะปีนี้มีโครงการส่งมอบที่เป็นคอนโดมิเนียมแค่โครงการเดียว ส่วนของบ้านที่ส่งมอบมีประมาณ 2 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก ปีนี้ Theme หลักๆ คือเน้นระบาย Inventory และจะมีการเริ่มสะสมที่ดินใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อเตรียมเปิดโครงการใหม่ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ส่วน Project ที่เปิดในปีนี้ 2 โครงการ ก็เป็นตัวที่ดินที่เป็น Land Bank อยู่แล้ว นำมาเปิดเพื่อที่จะพัฒนาโครงการที่มีรายได้ต่อเนื่องในปีถัดๆ ไป
สรุป
โดยสรุปแล้ว LPN ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายจากสภาวะเศรษฐกิจและความเข้มงวดในการขอสินเชื่อ แต่บริษัทยังมีโอกาสในการเติบโตจากตลาดคอนโดมิเนียมระดับกลาง และการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ การเปิดตัวโครงการใหม่ 4 โครงการในช่วงครึ่งปีหลังจะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างรายได้และผลกำไรในปี 2568