บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
SEAFCO: แบ็คล็อกสูงสุดในรอบ 25 ไตรมาส หนุนผลประกอบการฟื้นตัว
P/E 44.07 YIELD 1.50 ราคา 2.00 (0.00%)
FSSIA ยังคงแนะนำ "ซื้อ" SEAFCO ด้วยราคาเป้าหมาย 3 บาท มองเป็นหุ้น Turnaround จากแบ็คล็อกที่แข็งแกร่งและการเติบโตของโครงการ
ไฮไลท์สำคัญ
- SEAFCO มีแบ็คล็อกสูงถึง 2.7 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนเมษายน 2568 สูงสุดในรอบ 25 ไตรมาส
- 71% ของแบ็คล็อกมาจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม มูลค่า 1.9 พันล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีสัญญาจ้างเฉพาะค่าแรง ทำให้มีมาร์จิ้นสูงกว่า
- ผู้บริหารยังคงเป้ารายได้ปี 2568 ที่ 2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 57% จากปี 2567
- บริษัทมีแผนเพิ่มคนงานอีก 100 คน เพื่อรองรับการประมูลโครงการใหม่ๆ
- มีโครงการที่ยื่นประมูลมูลค่า 11.6 พันล้านบาท อยู่ระหว่างการพิจารณา
ผลกระทบจากโครงการ Orange Line และโครงการใหม่
FSSIA คาดการณ์ว่าผลประกอบการของ SEAFCO จะพลิกกลับมามีกำไรในไตรมาส 2/2568 และจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 3/2568 โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างเต็มรูปแบบใน 3 ส่วนในไตรมาส 2/2568 และขยายเป็น 5 ส่วนในไตรมาส 3/2568 นอกจากนี้ โครงการเอกชน เช่น The Platinum Square ก็จะช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานอีกด้วย
ปริมาณคอนกรีตเฉลี่ยที่เทในเดือนเมษายน 2568 เพิ่มขึ้นอย่างมากเป็น 648 CBM/วัน จาก 179 CBM/วันในไตรมาส 1/2568 และ 449 CBM/วันในไตรมาส 4/2567
ข้อสังเกต
- SEAFCO รายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังในไตรมาส 1/2568 โดยขาดทุน 62 ล้านบาท เนื่องมาจากรายได้ที่ต่ำ เพราะบริษัทอยู่ในช่วงเตรียมการก่อสร้างโครงการ Orange Line
- FSSIA คงประมาณการกำไรปี 2568 ที่ 148 ล้านบาท ฟื้นตัวจาก 1 ล้านบาทในปี 2567
- ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 3 บาท อิงจาก P/BV ที่ 1.5 เท่า
- ปัจจุบันหุ้นซื้อขายที่ P/BV ปี 2568 ที่ 1.0 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตถึง 1.75SD
สรุป
FSSIA ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ SEAFCO โดยมองว่าเป็นหุ้นที่มีโอกาส Turnaround จากแบ็คล็อกที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งจะช่วยผลักดันการเติบโตของรายได้และกำไรในอนาคต ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 3 บาท อิงจาก P/BV ที่ 1.5 เท่า