https://aio.panphol.com/assets/images/community/6803_c8bda9.png

SIS โชว์ผลประกอบการ Q1/2568: โตต่อเนื่องด้วยกลยุทธ์เน้นลูกค้าปัจจุบัน พร้อมมองอนาคต AI หนุนตลาด IT คึกคัก

P/E 8.30 YIELD 5.60 ราคา 20.00 (0.00%)

SIS โชว์ผลประกอบการ Q1/2568: โตต่อเนื่องด้วยกลยุทธ์เน้นลูกค้าปัจจุบัน พร้อมมองอนาคต AI หนุนตลาด IT คึกคัก

สวัสดีครับ ผมสมชาย กรรมการผู้จัดการ บริษัท SIS Distribution ประเทศไทย จำกัด มหาชน ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง รอบนี้เป็นการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ของปี 2568

จำนวนลูกค้า

จำนวนลูกค้าเป็นตัวเลขที่เราติดตามมาตลอด เพราะเป็นเรื่องสำคัญในการจัดจำหน่าย ลูกค้าของเราเป็นผู้ประกอบการที่ทำงานร่วมกับผู้ผลิต และช่วยผู้ผลิตในการจัดจำหน่าย เราไม่ได้ขายผู้ใช้งานโดยตรง ลูกค้าเราเป็นผู้ประกอบการที่ต้องใช้สินค้าไอที สินค้าเทคโนโลยี มาซื้อสินค้าจากเราแล้วไปขายต่ออีกทีหนึ่ง

เรามีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นความตั้งใจที่จะขยายตลาดให้ครอบคลุมขึ้น ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด และอาจจะขยายไปประเทศใกล้ๆ กันบ้าง ปีที่แล้วเรามีลูกค้าประมาณ 10,392 รายที่ซื้อสินค้าจากเรา ตัวเลขเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่หลังๆ จะเพิ่มขึ้นน้อยลง เพราะทีมงานบอกว่าลูกค้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเราแล้ว คนที่ทำธุรกิจตรงนี้เหลืออีกไม่มากแล้ว เขาขอเน้นปีนี้ดูแลลูกค้าที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้น ใช้เวลากับลูกค้าเดิมมากขึ้น ซึ่งผมก็เห็นด้วย

ไตรมาสที่แล้วมี 7,482 รายที่ซื้อสินค้าจากเรา น้อยกว่าทั้งปี ตัวเลขลดลงมานิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้คิดว่าเป็นสาระสำคัญมาก แต่ก็จะไปวิเคราะห์ดูต่อว่าลูกค้ากลุ่มไหนที่หายไปบ้าง สำหรับไตรมาสที่แล้ว

ยอดขาย

ยอดขายในแต่ละไตรมาสเรียงกันตั้งแต่ปี 2562 จนถึงไตรมาสล่าสุด ไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ ตัวเลขมันก็ เราเคยอยู่ที่ประมาณไตรมาสละ 5,000 เพิ่มขึ้นมาช่วงโควิด ช่วงโควิดแรกๆ ก็เป็นห่วงมากเหมือนกันว่ามันโดนกักตัวกันแบบนี้มันจะค้าขายกันยังไง แต่ก็โชคดีเจอว่าไอ้ความที่โดนกักตัวนี้มันต้องใช้เทคโนโลยีในการแก้ปัญหา ในการทำงานจากบ้านในการเรียนจากบ้าน ทำให้สินค้าเทคโนโลยีกลับขายดี

สีฟ้าเริ่มเปิดประเทศ แล้วก็หลังจากเข้าสู่สภาพปกติก็จะเป็นสีเขียวทางขวา ซึ่งเราก็ดีใจที่ตัวเลขมันไม่ได้ตกลงมาเท่ากับก่อนโควิด ก่อนโควิดเราประมาณ 5,000 หลังโควิดเราประมาณสักเกือบๆ 7,000 หรือตอนนี้ก็เลย 7,000 ไปนิดนึงแล้ว ก็เชื่อว่าเราจะสามารถเติบโตจากฐานตรงนี้ขึ้นไปได้เรื่อยๆ อีก

เส้นประเป็นกำไรขั้นต้น ค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามลำดับ ไตรมาสที่แล้วก็ถือว่าเป็นไตรมาสที่ดี ถ้าดูในเชิงของกำไรขั้นต้น เพราะมันเป็น 571 ซึ่งก็ถือว่าสูงสุดตั้งแต่เปิดบริษัทมา กำไรขั้นต้นก็ดีที่สุด ยังขึ้นอยู่ แล้วก็ดูตามแนวโน้มก็เชื่อว่ามันจะขึ้นไปได้เรื่อยๆ

ส่วนทางล่างนี้เป็น Year on Year เทียบกับปีที่แล้วที่ไตรมาสเดียวกัน ไตรมาสที่ 1 กราฟบนถ้าดูต่อกันก็จะเทียบกับไตรมาสที่แล้ว ไตรมาสที่ติดกัน ซึ่งยอดขายเราเพิ่มนิดนึง กำไรเราเพิ่มจาก 554 เป็น 571 แต่ข้างล่างเนี่ยมันเทียบข้ามปีเลย คือไตรมาส 1 ต่อไตรมาส 1 ของทุกๆ ปี ก็เพิ่มขึ้น เพราะว่าไตรมาส 1 ปีที่แล้วเราทำไว้ที่ 542 ล้านบาท กำไรขั้นต้น ปีนี้เป็น 571 ล้านบาท

ถ้าโดยดูภาพรวมก็ถือว่าเป็นไตรมาสที่ดี ไตรมาสที่ 1 แต่ธุรกิจที่เราทำเนี่ยมันแบ่งออกเป็นหลาย BU เลย 10 กว่า BU แต่ที่เรานำมารายงานเนี่ยเฉพาะ BU ใหญ่ BU เล็กนี่เรารวมกัน เพราะไม่งั้นมันยิบย่อยกันไป BU เล็กเป็น BU ใหม่ๆ ที่เพิ่งทำ ตัวเลขน้อยมาก ก็จับมารายงานรวมกัน ขอพูดถึงแต่ละ BU

Consumer

อันแรกเป็น Consumer เราเรียกกันภายในว่า Consumer ก็คือสินค้าไอทีที่ผู้ใช้ปลายทางเลย ใช้ส่วนตัว ใช้ที่บ้าน ใช้เงินตัวเองซื้อ สินค้าหลักก็จะเป็นพวกไอทีนี่แหละ พวก PC นี่แหละ พวก Notebook พวก Tablet พวก Desktop PC PC ทั้งหลาย Printer อยู่ในนี้ด้วย

ตัวนี้ก็ ก่อนโควิดอยู่ที่ประมาณ 2,000 พอหลังโควิดปุ๊บ ช่วงโควิดก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นมา จริงๆ มันควรจะเพิ่มตั้งแต่ช่วงแรก แต่ช่วงแรกตอนนั้นเราของขาด เราลดการสั่งซื้อเลย พอรู้ว่าโควิดมาปุ๊บเราหยุดซื้อเลย แล้วก็พอขายดีแล้วก็เริ่มกลับไปซื้อใหม่ ก็ค่อยๆ ขึ้น แล้วก็พอเปิดประเทศก็ตกลงมา หลังจากนั้นก็ ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงที่ไต่ขึ้น ไต่ขึ้นมาใหม่ สินค้าในกลุ่มนี้ค่อนข้างจะอิ่มตัวแล้ว แต่ก็โชคดีที่มันมีเรื่อง AI เข้ามา แล้วก็บริษัทไอทีก็ว่าได้ พยายามที่จะดูว่าจะใช้ AI เข้าไปพัฒนาสินค้าให้ดีขึ้นยังไง

Analyst หลายๆ ค่ายเขามองว่าสินค้าแม้จะอิ่มตัวไปแล้วอย่างพวก PC เนี่ย AI มันจะทำให้สินค้าพวกนี้เก่งขึ้น แล้วก็ผู้ใช้งานก็จะเปลี่ยนรุ่นไปใช้รุ่นใหม่ที่มันดีขึ้น คือยอมซื้อก่อนมันจะหมดอายุ อันนั้นก็เป็นการวิเคราะห์ ซึ่งก็เป็นไปได้ เราก็เชื่อว่าเป็นอย่างนั้น เพราะ PC รุ่นใหม่ๆ เนี่ยมันเป็น AI ละ มันก็มีโอกาสที่จะเก่งขึ้นเยอะ จริงๆ ตอนนี้มันเริ่มออกมาแล้ว แต่ว่าพวกนี้จะต้องรอเวลานิดนึง โดยเฉพาะ Application ให้ Application เนี่ยมันพัฒนา ให้มันใช้ง่าย ให้มันใช้ประโยชน์ได้ชัดเจน แล้วก็เอาเข้ามาใส่ในเครื่อง มันก็จะทำให้อุปกรณ์ พวก PC หรือไม่เฉพาะ PC นะครับ อุปกรณ์หลายๆ ตัว เชื่อว่ามันจะเก่งขึ้น จากความก้าวหน้าของงานด้าน AI ซึ่งมันก็ก้าวหน้าเร็วมาก เพราะบริษัททางด้านนี้ได้รับทุนสนับสนุน จากการเขียนโค้ดเรื่องนี้ แล้วก็ทำให้ ทำให้การพัฒนาสินค้ามันดีขึ้นเยอะเลย ก็หวังว่ามันจะทำให้ตลาดคึกคักขึ้น Consumer ไตรมาสที่ 1 ก็ดี เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ในรูปที่เป็น Sequential ปีต่อปีก็ดี เทียบกับปีที่แล้วไตรมาสเดียวกันก็ถือว่าดีขึ้น Consumer ก็ออกมาค่อนข้างดีในไตรมาสที่แล้ว

โทรศัพท์

อันนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คือโทรศัพท์ Smartphone เนี่ยช่วงโควิดขายดีมาก เพราะช่วงนั้นรัฐบาลให้ความช่วยเหลือประชาชนผ่านการใช้โทรศัพท์ คือการจะใช้ประโยชน์ต้องใช้โทรศัพท์ ทำให้เราขายดีเลย พอเริ่มเปิดประเทศก็ตกลงมา ตอนนี้ก็มาอยู่แถวๆ นี้ แต่ก็ถือว่าดีกว่าก่อนโควิด ไตรมาสที่แล้วก็ดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 กำไรดีขึ้น ยอดขายดีขึ้น แต่ถ้าเทียบปีต่อปีเนี่ยมันลดลง ยอดขายลดลง กำไรลดลง โทรศัพท์ที่เราขาย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นรุ่นประหยัด รุ่นเริ่มต้น อันนี้ก็จริงๆ ตลาดใหญ่นะครับ จำนวนเยอะ แต่มูลค่าต่อเครื่องมันต่ำ แล้วก็ตลาดส่วนนี้ได้รับผลกระทบง่ายต่อสภาพเศรษฐกิจ เศรษฐกิจรากหญ้า เพราะว่าอันนี้มันเป็นรุ่นถูก ก็จะมี Impact นิดนึง แต่ก็เช่นเดียวกัน Analyst เยอะที่ประมาณการไว้ว่า AI เนี่ยมันจะมาช่วยให้โทรศัพท์ดีขึ้น จนผู้บริโภคได้ประโยชน์จากโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ ที่มันมี AI ฝังอยู่ข้างในเลย ก็เชื่อว่าจะทำให้ตัวนี้ดีขึ้นเช่นกัน แต่นี่ก็ต้องติดตามต่อ

Commercial

ถัดไปเป็นสินค้า เราเรียกข้างในว่า Commercial คือผู้ใช้งานเป็นองค์กร องค์กรทั้งภาคเอกชน ภาครัฐ สินค้าก็จะเป็นพวก PC Server ตัวนี้ก็จะกลับกันที่ผ่านมา คือช่วงโควิดมันจะขายไม่ดี เพราะคนยังไม่อยู่ในออฟฟิศ ออฟฟิศเขาไม่ให้คนเข้าไปทำงาน ก็ขายไม่ดี แล้วก็จนกระทั่งพอเริ่มคนเข้าไปได้ ก็จะค่อยๆ ดีขึ้น เป็นการซื้อชดเชย ซื้อชดเชยค่อนข้างเยอะ ช่วงที่กลับมาเป็นปกติ แต่ตอนนี้การซื้อชดเชยจบแล้ว กลับมาสู่สภาพปกติแล้ว ไตรมาสที่แล้วก็ลดลงนิดนึง ยอดขาย เมื่อเทียบกับไตรมาส ที่ 4 แต่ถ้าเทียบปีต่อปีก็โอเค ก็ดีขึ้น ส่วนนี้ก็เช่นกัน อันนี้เป็นภาคธุรกิจ ในแง่นึงก็ได้รับผลกระทบทางลบจากสภาพเศรษฐกิจ คือถ้าจำนวนบริษัทมันลดลง ไม่เพิ่มพนักงาน ไม่ลงทุนเพิ่มอะไรเพิ่ม ตรงนี้ก็จะมีผลที่จะลดลง แต่ในทางกลับกันถ้าสินค้า PC การมี AI แล้วมาทำให้ PC ทำให้การนำ AI มาใช้ ได้ประโยชน์มาก เขาบอกว่าภาคเอกชนนี่แหละจะเริ่มเปลี่ยนก่อน เพราะเขาคำนวณความคุ้มค่า ถ้าเขาเห็นว่าคุ้มเขาก็จะใช้ตัวใหม่ทันที ถ้าสิ่งที่ Productivity ที่มันได้เพิ่ม จาก PC ตัวใหม่เนี่ยมันมากกว่ามูลค่ามัน ก็จะมีการเพิ่ม อันนี้ก็ เชื่อว่าจะเป็นอย่างนั้นได้ เพราะว่าเริ่มเห็นแล้ว เริ่มเห็นในพวก AI PC ว่า มันใส่เข้าไปแล้วทางคนขายเราก็เริ่มเล่าให้ฟัง เริ่มเอา App มาให้ดู แล้วผมก็เริ่มติดตามพวกบริษัทด้าน AI ก็คืบหน้าเร็วมาก ก็เชื่อว่า ในเร็วๆ นี้แหละมันจะมีการ เอา App ซึ่งมันยังเป็นต้นแบบอยู่ ใส่เข้ามากันมากขึ้น แล้วก็ทำให้ PC ใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น องค์กรต่างๆ ก็จะเริ่ม Upgrade แล้ว คือเครื่องยังไม่หมดอายุเนี่ย ก็โอเคถ้ามันได้ประโยชน์ก็เอาซื้อเลย เพื่อให้บริการลูกค้าได้ดีขึ้น แข่งขันได้ดีขึ้น อันนี้ก็เป็น Commercial PC

Value Added

อีกกลุ่มนึง ก็เป็นกลุ่มสำคัญ เป็น Value Added เราเรียกกันข้างในว่า Value Added สินค้าที่พูดมา 3 กลุ่มเนี่ยมันเป็นกลุ่ม Volume ขายเยอะ แล้วก็เราไม่ค่อยต้องทำอะไรกับมันมาก ในเชิงที่การใส่บริการเข้าไป อย่าง PC โทรศัพท์ไม่ต้องบอกอะไรมาก บริการก็เป็นเรื่อง Warranty เป็นหลัก เรื่องของ Stock Inventory เรื่อง Supply Chain Management คือเรื่องพื้นๆ เรื่องการช่วยเรื่องทางด้านการเงินให้กับลูกค้าเรา ให้เขาเข้าโครงการอะไรต่างๆ ได้ แต่ว่าอย่างอื่นมันไม่ค่อยต้องทำอะไรแล้ว สินค้าง่าย แต่ Value Added นี่จะต่างกัน มักจะเป็น Solution ที่ยังมีความซับซ้อน มีความยุ่งยาก ในการขาย จะต้องมีทีมงานด้าน Technical เข้าไปช่วยขาย หรือเข้าไปช่วยนำเสนอ เข้าไปช่วยให้ข้อมูลกับลูกค้าของเราว่า เออเดี๋ยวนี้มันมี Solution นี้แก้ปัญหานี้แล้วนะ ถ้ามีลูกค้าที่เขามีปัญหานี้ เราก็จะมี สินค้าในกลุ่มที่เข้าไปช่วยแก้ปัญหาได้ ก็จะซับซ้อน จะยุ่งยากขึ้น ต้องใช้ทีม Technical มากขึ้น อันนี้ก็ เป็นสินค้าที่เราทำมานานแล้ว ก็ค่อยๆ ดีขึ้น สินค้ากลุ่มนี้ ในเชิงกำไรเปอร์เซ็นต์กำไรจะดี กำไรขั้นต้น แต่เวลา แต่ในทางกลับกันค่าใช้จ่ายมันก็สูงเหมือนกัน เราต้องมีทีมงานเพิ่มขึ้น การขายก็จะยุ่งยากขึ้น ขายไม่ได้มากเหมือนสินค้าที่เป็น Volume เพราะมันมีเรื่องบริการเข้ามา ซึ่งบริการอย่างที่ทราบ มันก็ขึ้นกับจำนวนคนที่เราสามารถให้บริการได้ บางครั้งอยากจะขายเยอะก็ขายไม่ได้ ถ้ามันคนเรามันไม่มีแล้วช่วงนั้น ไม่มีคนเข้าไปทำงาน แต่ก็โอเค ก็ขึ้นเรื่อยๆ ไตรมาสที่แล้วก็ เป็นไตรมาสที่ดี ของสินค้ากลุ่มนี้ เพราะว่ากำไรมันก็สูงขึ้น เป็นอัตราสูงสุดเช่นกัน ที่ 177 ล้านบาท แม้ยอดขายจะไม่เพิ่มเท่าไหร่ เพราะว่า ส่วนหนึ่งมันมี Impact เรื่องของการเป็นตัวการตัวแทน คือสินค้าบางกลุ่ม ทางบัญชีเขามองว่า เอ้ยมันมีความเป็นตัวแทนมาก แล้วอันนี้เป็นมาตรฐานบัญชีของเรา ซึ่งก็เป็นตามมาตรฐานโลก ว่าสินค้ากลุ่มที่เป็นตัวแทนเนี่ย เขาให้ รับรู้รายได้แบบ Net ก็คือ รับรู้กำไร รับรู้เป็นกำไร ก็ทำให้ยอดขายจะไม่ขึ้นเท่าไหร่ แต่ แต่กำไรก็ดีขึ้น เทียบกับไตรมาส 4 ถ้าเทียบกับปีที่แล้วก็ยังขึ้นอยู่ กำไรขึ้นอยู่ แต่ยอดขายไม่ขึ้น เพราะว่า ไตรมาส 1 ปี 2567 เนี่ย โอ้ มันมีงานโครงการใหญ่ๆ เข้ามาพร้อมๆ กันหลายโครงการเลย ยอดขายฉูดขึ้นไปเลย ฉูด กำไรก็ดีขึ้น สินค้าพวกนี้ พวกโครงการใหญ่ๆ บางครั้ง ตัวเงินมันก็โอเค แต่ว่า บางครั้งเป็นเปอร์เซ็นต์มันต่ำนิดนึง เพราะ เวลาโครงการใหญ่ๆ บางทีเขาก็ มีการแข่งขันเรื่องราคาเยอะ ก็โดนต่อรองเยอะ แต่โอเคอันนี้ก็ ยอดขายไม่ได้เป็นตัวที่เราสนใจมากนัก เราสนใจกำไรมากกว่า กำไรก็ดีขึ้น ก็เป็นเรื่องที่ดี BU นี้เป็น Solution ก็ยังเติบโตอยู่ อันนี้ไม่ได้อิ่มตัว Solution ใหญ่ๆ ก็จะเป็นด้าน Security เนี่ยที่ใหญ่ แล้วก็มีพวก Storage แต่ Security นี่ นี่ถือว่า ค่อนข้างเติบโต แล้วก็ยังเชื่อว่ามันต่อเนื่องไปอีก อันนี้เป็น Value Added

Other

อันนี้ โอ้ เต็มเลย อยู่ในนี้ ที่เหลืออยู่ในนี้หมดเลย สัก 6-7 BU ได้ จะเป็น BU ใหม่ๆ สินค้าส่วนใหญ่ใน BU นี้เติบโต ก็เลยทำให้ทั้งยอดขาย ทั้งกำไรเพิ่มขึ้น อาจจะมีช่วงหลังๆ ที่เริ่ม อย่างไตรมาสที่แล้วนี้ลดลง เพราะว่า มันมีตัวใหญ่ตัวนึงในนี้คือ Surveillance พวกกล้องวงจรปิด กล้องวงจรปิดเนี่ยมันจะมีเป็น มีเป็นโครงการเข้ามาเยอะ บางไตรมาสโครงการมันไม่ได้เข้ามา อาจจะล่าช้าอะไรไปบ้าง ก็จะลดลง กับอีกเหตุผลนึงคือ Vendor Supplier ของเราเนี่ย เขามองเห็นว่าสินค้าเขา คือมันมี 2 แบบการขายตรงนี้นะครับ มันมีเป็นโครงการ อันนี้ไม่มี Stock อยู่แล้วนะครับ อีกอันนึงเป็นการขาย ขาย ที่เราเรียกว่าขายไปเรื่อยๆ ขายไปทุกวัน โครงการเล็กๆ การใช้งานเล็กๆ ตรงนั้นก็จะ Stock ลูกค้าเราก็จะ Stock ด้วยนะครับ อันนั้นเนี่ยเขาเจอว่า Stock มันค่อนข้างสูงแล้วนะครับ ช่วง ทุกไตรมาสปกติเขาก็จะมีโปรโมชั่นเร่งการขาย ซึ่งเราก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ว่าไปแล้วนะครับ เราอยากจะให้มันขายสม่ำเสมอ ก็ไตรมาสที่แล้วก็เป็นเรื่องที่ดีที่ Vendor เขาเห็นว่า เอ้ย Stock มันสูงแล้ว การผลักดันเข้าไปเนี่ยลดราคา ให้ซื้อเยอะๆ เนี่ย เขาก็หยุดไปไตรมาสนึง ก็ไตรมาสที่แล้วก็ยอดส่วนนี้จะลดลงนิดนึง แต่ เท่าที่ดูแล้วก็ ก็คิดว่าเป็นเรื่องดีนะครับ เดี๋ยว ไตรมาสหลังๆ ก็จะค่อยๆ กลับมาในส่วนนั้นนะครับ แต่ส่วนอื่นจริงๆ แล้วมันเติบโตนะครับ เติบโต แต่อาจจะส่วนที่ตรงนั้นมันลดเยอะนิดนึงนะครับ ทำให้ไตรมาสที่แล้วดูไม่ค่อยดีนะครับ เมื่อเทียบ เมื่อเทียบเป็น Q on Q นะครับ ยอดขาย กำไรลดลงนะครับ ข้างล่างนี้เป็นเทียบกับปีที่แล้วนะครับ ยอดขายเพิ่มขึ้นนะครับ กำไรก็ลดลงมานิดนึงนะครับ แต่ อันนี้ก็ ระยะยาวไม่ค่อย ผมไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่นะครับ เพราะว่ามันมีสินค้าหลายกลุ่มในนี้นะครับ มันก็ กลุ่มอื่นนะครับ ก็ค่อยๆ เติบโตขึ้นนะครับ

อันนี้ในรูปตารางละ ว่าทั้ง 3 ส่วน ทั้ง 4 ส่วนที่เรา รายงานเป็นยังไง แล้วก็ Other เป็นยังไง ถ้าโดยรวมแล้วเนี่ย ไตรมาสที่ 1 เนี่ย เมื่อเทียบกับ Q ก่อนหน้านี้ก็พอๆ กันนะครับ ยอดขายแทบไม่ได้เติบโตเลย แต่กำไรเติบโตนิดนึง ถ้าเทียบ Year on Year เทียบกับไตรมาส 1 ปีที่แล้วเนี่ยก็ กำไรก็ดีขึ้น 5.3% ยอดขายดีขึ้น 1.8% อันนี้ภาพรวมแต่ละ BU ก็แตกต่างกันไป ดูเร็วๆ ก็มีโตขึ้น โตขึ้น 3 ส่วน เล็กลง 2 ส่วน ที่ Value Added นี่เล็กลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในเชิงยอดขายนะครับ แต่ในเชิงกำไรก็ ดีขึ้น ในเชิงกำไรก็ดีขึ้น

ยอดขายและกำไรของสินค้าที่แบ่งเป็นสองกลุ่ม คือ ของเราเนี่ย มันมีความเสี่ยงอันนึง พอดี แอบไปดูคำถามนะครับ มันมีเรื่องของ ถามว่า ใน ใน ใน ในเชิงของความเสี่ยงนะครับของบริษัทเนี่ยนะครับ มีความกังวลยังไงนะครับ ในช่วงข้างหน้านะครับ อันนี้ก็ อันนี้ก็เลยเป็น Chart นึงนะครับที่ ที่เรา เราใช้ในการตอบคำถามเรื่องนี้นะครับ คือ ใน ในอดีตเนี่ยนะครับ บริษัทเองเรามีความเสี่ยงอันนึงก็คือสินค้า ที่มีเป็นรายได้หลักของบริษัทเนี่ยนะครับ รายได้หลักกำไรหลักเนี่ยนะครับ เรามีความเป็นห่วงว่าในอนาคตข้างหน้าะครับ มันจะอิ่มตัวนะ ซึ่งอันนี้ก็เป็นวงจรชีวิตของสินค้านะครับ มันไม่มีอะไรที่มันขึ้นไปตลอดไม่รู้จบนะครับ มันก็จะ เป็นรูป การเติบโตนะครับ แล้วถึงจุดนึงมันจะอิ่มตัวละ คือทุกคนใช้หมดแล้วมันไม่รู้จะไปขายใครละนะครับ ก็จะเป็นเรื่องของ ถ้ามันยังใช้งานได้อยู่ ก็จะเป็นเรื่องของการทดแทนละ เสียก็ซื้อนะครับ แต่ซื้อใหม่ไม่มีเพราะมันซื้อกันไปหมดแล้วนะครับ ถ้าถึงจุดนั้นก็จะอิ่มตัวละนะครับ แล้วก็หลังจากนั้นก็จะลดลงมานะครับ คือถ้าสินค้ามันไม่ได้มีการพัฒนาอะไรเพิ่มขึ้นละนะครับ เขาก็จะใช้กันนานขึ้น หรือว่าเขาจะโดนตีด้วยอันทดแทนนะครับ ทีนี้ ไอ้เส้น เส้นสีฟ้าเนี่ย กราฟแท่งเนี่ยนะครับ เป็นยอดขาย สินค้าที่เรา เราจัดอยู่ในกลุ่ม ในกลุ่มนี้นะครับ ซึ่งมันก็คือสามวีแรกแหละนะครับ ทั้ง Consumer Commercial แล้วก็ Phone นะครับ พวกนี้เนี่ยเป็นสินค้าที่ Volume สูงนะครับ ซื้อขายเยอะนะครับ ก็ ช่วง ช่วงโควิดก็เติบโต จริงๆ มันอิ่มตัวมาแล้วนะครับ ช่วงโควิดเติบโต แล้วก็ลดลงมา ตอนนี้ก็มาอยู่แถวๆ นี้นะครับ แล้วก็อาจจะมี AI มาช่วยให้มันดีขึ้นบ้างนะครับ แต่ เราเองเรามองว่าเป็นความเสี่ยงเพราะว่า ถ้าเราพึ่งพา ทั้งกำไร ทั้งยอดขายจากตรงนี้อย่างเดียวเนี่ยนะครับ มันก็จะสวิงตามนี้นะครับ เพราะฉะนั้นจริงๆ ถอยออกมาเป็น 10 ปีแล้วนะครับ 15 ปีแล้วนะครับ เราเริ่ม เริ่มมองสินค้าอื่นนะครับ ที่ เป็นช่วงเริ่มต้นของมันนะครับ แล้วเราก็อยากจะเข้าไปพัฒนาสินค้าตรงนั้นเพิ่มนะครับ ถึงแม้มันจะมีความยุ่งยาก ซับซ้อนกว่านะครับ เราก็ค่อยๆ ทำมานะครับ ค่อยๆ ทำ เอ่อก็ สีส้มนี่เป็นยอดขายของมันนะครับ ก็ค่อยๆ ดีขึ้นนะครับ แต่สัดส่วนยังน้อยอยู่นะครับ แต่หลังๆ ก็เริ่มดีขึ้นละนะครับ สัดส่วนอาจจะนี่ 20 กว่าเปอร์เซ็นต์แล้วนะครับ ส่วนกำไรของมันอันนี้กำไรมันก็น้อยช่วงต้นๆนะครับ ก็ค่อยๆดีขึ้นดีขึ้นดีขึ้นนะครับ จนกระทั่งเออมันๆๆมีจุดตัดนะครับ จุดตัดที่ไตรมาสหนึ่งปีสองพันห้าร้อยหกสิบสามนะครับ กำไรจากตรงนี้เริ่มสูงกว่าแล้วนะครับ ซึ่งกำไรของธุรกิจที่เป็นธุรกิจใหม่เนี่ย ซึ่งตลาดมันเติบโตนะครับ ที่มันเติบโตได้เพราะตลาดมันเติบโตนะครับ ก็ค่อยค่อยขึ้นไปเรื่อยเรื่อยนะครับ และเราก็หวังว่าอันเนี้ยก็จะตามเส้นนี้แหละนะครับ มันก็จะไล่ขึ้นไปนะครับ ตรงนี้เราก็อยากให้มันไม่ตกอะนะครับ ก็ยังเติบโตนะครับ เพราะฉะนั้น คำถาม ตอบคำถามว่า เออในในในรอบอีก หลายๆ ปีข้างหน้าเนี่ยนะครับ เราห่วงเรื่องอะไรบ้างนะครับ เออ จริงๆ มันเป็นความห่วงที่เกิดมานานแล้วนะครับ แล้วเราก็แก้ไปแล้วนะครับ เราเชื่อว่าเราแก้เรื่องนี้ไปได้แล้วนะครับ แต่ว่า ถามว่ายังมีเรื่องอะไรอีกนะครับ ก็ก็สองเรื่องแหละ เรื่องที่หนึ่งก็คือสินค้าที่เป็น Volume เนี่ยเราหวังว่านะครับมันจะไม่ ไม่ตกลง หนักนะครับ คือขอให้มัน Maintain Maintain แล้วก็ ถ้าเพิ่มขึ้นได้ก็ดีนะครับ ก็มีความกังวลนิดๆนะครับว่า เออ รอบ AI เนี่ยนะครับ มันจะช่วยให้พวกนี้เนี่ยดีขึ้นได้จริงหรือเปล่านะครับ ถ้ามันจริงซึ่งก็เชื่อว่าจริงนะครับ ก็อาจจะตัวนี้ก็อาจจะขึ้นไปได้นะ ถ้าอย่างงั้นเราก็โชคดีคือสินค้า Volume ก็ขึ้นด้วยนะครับ ส่วนสินค้าอันอื่นที่เป็น Solution ใหม่ๆนะครับ อันนี้ก็มันมันขึ้นอยู่แล้วนะครับ แต่ว่าถ้าถามว่าเป็นห่วงอะไรในกลุ่มนี้นะครับ ก็คือ เราลงทุน เรา ต้องเลือกนะครับเราต้องเลือกเทคโนโลยีที่เราคิดว่ามัน ประเทศไทยเนี่ย จะใช้มันนะครับ เลือกให้ถูกตัวซึ่งที่ผ่านมาเนี่ยก็มีผิดบ้าง อันนี้ก็เป็นเรื่องปกตินะครับ เราลงไปหลายๆ ตัวบางตัวก็ไม่เกิดนะครับ บางตัวก็เกิดนะครับ แต่ว่าเวลาผ่านไปเนี่ยเราก็เชื่อว่าเราเราถูกมากกว่าผิดอ่ะนะครับ เรา เรามีประสบการณ์มากขึ้นนะครับ อ่าก็อันนี้แต่ถ้าถามว่าห่วงอะไร ก็ห่วงว่า เออไอ้ธุรกิจพวกนี้เนี่ยที่เราเลือกเนี่ย มันถูกตัวนะ แล้วมันเติบโตจริงนะ นะครับแล้วก็ไปได้เรื่อยๆนะครับ เอออันนี้ก็ ก็หวังว่าจะเป็นอย่างงั้นนะครับ เราคิดว่าเราเราเราลงทุนถูกตัวนะครับ แล้วก็เติบโตขึ้นนะครับ อันนี้ก็ภาพใหญ่ๆ นะครับ ของธุรกิจของเรานะครับ ว่าถ้าโดยสรุปเนี่ยนะครับ เราก็หวังว่าตรงนี้เราจะ Maintain ได้นะครับ Maintain ได้ให้มันไม่ตก โตขึ้นนิดนึงนะครับ ถ้า AI มัน มันมีประโยชน์จริงนะครับ ตัวนี้ก็จะดีขึ้นนะครับ ส่วนอันนี้เป็น Solution ใหม่ๆ ซึ่งอันนี้เราไม่ค่อยห่วงมากเท่าไหร่นะครับ เราคิดว่าเรามีหลายตัวนะครับ ที่ทำให้มันเติบโตต่อไปได้นะครับ หนึ่ง ใน ธุรกิจที่มีคำถามมานะครับ ผมก็เตรียมสไลด์ไว้นะครับ ก็คือธุรกิจ Cloud นะครับ อันนี้ถือว่าเป็นธุรกิจใหม่นะครับ ที่เราเริ่มมาหลายปีแล้วนะครับ แรกๆ เล็กมากนะครับ ก็ แต่มันเติบโตเร็วนะครับ เติบโตเร็ว เพราะฉะนั้นถ้าเป็น Q on Q เนี่ยก็เพิ่มขึ้นนะครับเพิ่มขึ้น กำไรก็เป็น 22.5 ละ นะครับถ้าเป็น Year on Year นี่ ยิ่งชัดเลยนะครับ เพิ่มขึ้นเร็วนะครับ อ่า Cloud ก็เป็น เป็นวิธีการใช้ คอมพิวเตอร์นะครับ แบบใหม่นะครับ เหลือ 19 นาทีฮะ แบบใหม่ที่ เปิดโอกาสนะครับให้ทุกองค์กรเลยนะครับ สามารถที่จะไปเช่าใช้ได้นะครับ คือ คือในอดีตเนี่ยเราไม่มีทางเลือกนี้นะครับ หมายความว่าถ้าเราต้องการจะใช้ซอฟต์แวร์อะไรที่เราอยากใช้เนี่ย เราต้องซื้อ Server มานะครับ แล้วก็ซื้อซอฟต์แวร์มาแล้วเอา Server Software มาลงแล้วก็หาห้องให้มันอยู่นะครับ ติดอง ติดแอร์ ให้มันเรียบร้อยทำ Data Center เองนะครับ แล้วก็เพื่อที่จะดูแลระบบของตัวเองนะครับ แต่ตอนหลังเนี่ยมันมีผู้ให้บริการนะครับ ที่เขาทำ Data Center อย่างดีเลยนะครับ แล้วก็ทันสมัยมาก Advance มากนะครับแล้วก็นิ่งกว่านะครับ เพราะเขาเป็นมืออาชีพนะครับ แล้วเขาก็เยอะนะครับ เขามีระบบสำรองนะครับ แล้วเปิดให้เราเนี่ยไปเช่าใช้นะครับ เพราะฉะนั้นคนที่มี Data Center องค์กรต่างๆ เนี่ย ใน ในต่างประเทศเนี่ยเขาไปกันเยอะแล้วนะ ในเมืองไทยจริงๆ เขาไปกันเยอะแล้วนะครับ แต่ว่ายัง รูป ยังมีลูกค้าอีกเยอะเลยที่ยังไม่ได้ใช้นะครับ อันนี้ก็น่าเสียดายนะครับ เราพยายามจะแนะนำ บริษัท เอ่อที่เป็นลูกค้าเรานะครับ ให้ไปแนะนำลูกค้าอีกทีหนึ่งอยู่นะครับว่า มัน มันมีงานที่ เราควรจะไปใช้มันหลายงานเลยนะครับ คือ ใช้คู่กันอ่ะนะครับ หลายบริษัทบอกว่า อุ้ย ไม่อยากจะเลิกของตัวเองอันนี้ก็ได้เลยนะครับ คือเราเจอมาบริษัทใหม่ๆ เนี่ย เขาไม่ซื้อแล้วนะครับ เขาไปเช่าใช้เลยดีกว่า มัน มัน มันสะดวกสบายกว่านะครับ แล้วก็ การใช้จ่ายเนี่ยมันก็โดยเฉพาะในยามที่ภาวะเศรษฐกิจมันไม่แน่นอนนะครับ คือ เกิดมันขายดีขึ้นมา โอ้โห เราต้องลงทุนระบบไอทีเพิ่มเยอะนะครับ แต่ถ้าไปเช่าเขา เราก็ขึ้นได้ง่ายขึ้นได้เร็วนะครับ แล้วในยามที่มันไม่ดีเนี่ยนะครับ มันลดลงมาเนี่ย เอ้อเราก็ เราก็ใช้น้อยลงเราก็จ่ายค่าเช่าน้อยลงนะครับ ก็ ก็ ก็คือการ เหมือนกับการเช่ากับการซื้อแหละนะครับ เปรียบเทียบกันได้ประมาณนั้นนะครับ เพียงแต่ว่าในที่นี้เช่าเนี่ยมันได้ความ มันได้ประโยชน์เพิ่มอีกอันนึงก็คือว่าโอ้โห ของมันทันสมัยมากนะครับ Service ต่างๆ มันดีมาก มันเร็วมากนะครับ มันมี Service ใหม่เข้ามาเร็วมาก แล้วเราไม่จำเป็นต้องลงทุนเยอะนะครับ เราจ่ายตามจำนวนที่เราใช้นะครับ โดยเฉพาะ SMB นะครับ จะได้ประโยชน์มาก เพราะว่า ในอดีตเนี่ยการจะใช้ Software ดีๆเนี่ยมันมันขายแพงอะ มันต้องซื้อทีเดียวต้อง ต้องใช้เยอะหน่อยถึงจะคุ้มนนะครับ ถ้ามีพนักงานอยู่ห้าคนสิบคนเนี่ย ฝันที่จะไปได้ใช้ Software ดีๆแบบนั้นนะครับ แต่ว่าอันใหม่นี้ได้แล้วนะครับ Software พวกนี้เขาคิดตามจำนวนผู้ใช้นะครับ เพราะฉะนั้นบริษัทเล็กก็สามารถจะใช้ Software ใหญ่ได้นะครับ แต่ ดีซะอีกนะ ผมว่าบางทีคนน้อยๆเนี่ย เออ เราก็จ่ายน้อยอ่ะนะครับ อันนี้ก็ก็เป็น เป็น สิ่งที่ Cloud ให้ประโยชน์แล้วเราเชื่อว่ามันจะเติบโตนะครับ ซึ่งในกลุ่มนี้เราก็เราก็มีสินค้าที่ดีและเราก็ลงทุนไปนานละนะครับ เราคิดว่าเรามีประสบการณ์นะครับ เรามีจำนวนลูกค้าเยอะนะครับ อันนี้ก็ เป็นธุรกิจที่ดีอันหนึ่งนะครับ ขอ กระเถิบไปนะครับเหลือ 17 นาทีพูดถึง Income Statement นิดนึงนะครับ อันนี้ก็เป็นงบกำไรขาดทุนนะครับ อันนี้ก็เรียงมาเลยนะครับ ตั้งแต่ปีที่แล้วทั้งปีสี่ไตรมาสนะครับ แล้วก็ปีนี้ไตรมาสที่หนึ่งนะครับ เอ่อถ้าโดยรวมเมื่อเทียบกัน Q on Q นะครับ เอิ่ม เราอาจจะ ในเชิงของ ในเชิงของยอดขายนะครับ ถ้าเป็น Q on Q ก็ดูสีเดียวกันนะครับ ไม่ได้ดีกว่าปีที่แล้วเท่าไหร่ ที่เป็นรายได้รวมนะครับ อ๋อ ลดลงนิดนึงนะครับ ลดลงนิดนึง ถ้าเป็น Year on Year ก็โตขึ้นนิดนึง 1.9% พูดถึงรายได้รวมนะครับ อ่าแต่ถ้าดูในเชิงของ อ่า กำไรนะครับ ที่เป็น ที่เป็น ที่เป็น Gross เนี่ยนะครับ อ่าเป็นเปอร์เซ็นต์นะนะ ที่เป็นเปอร์เซ็นต์ก็ ก็ดีขึ้นนะครับ ค่อยๆดีขึ้นมาทีละนิดนะครับ อันนี้ก็เป็นแนวโน้มที่ดีว่า เออเราทำธุรกิจเนี่ยนะครับ เรา เรามีสัดส่วนของสินค้ากำไรสูงเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ นะครับ กำไรโดยเฉลี่ยก็ ไตรมาสที่แล้วก็เป็น 8.1 นะครับ มันอาจจะสู้ไตรมาสสี่ไม่ได้นะครับ เพราะว่าไตรมาสสี่ทุกปีเนี่ยมักที่มันมีเงิน Rebate นะครับ เงินที่เราถึงเป้าบ้าง แล้วอะไรพวกนี้นะครับ มัน มัน มันจ่ายเป็นรายปีนะครับ มันจึงเข้ามาในในสิ้นปี ไตรมาสต้นๆ เรา เราเราไม่รู้เราถึงหรือเปล่า ก็ไม่ได้รับรู้นะครับ รอจนกระทั่งมันถึงแน่นอนแล้วนะครับ จ่ายมาแล้วก็เอามา รับรู้นะครับ ก็ ไตรมาสสี่มันจะมี Impact จากช่วงนั้น บางปีที่รางวัลมันเข้ามาเยอะนะครับก็จะทำให้มันสูงนะครับ เทียบกับไตรมาสสี่อาจจะเทียบยากนิดนึงนะครับ แต่ถ้าเทียบกับ Year on Year ก็สบายนะครับ แต่เทียบกับไตรมาสหนึ่งด้วยกันของปีที่แล้วนะครับ เราก็โตขึ้นนะครับเราโตขึ้น ยอดขาย เอ๊ย กำไรเราโตขึ้น ยอดขายโตขึ้น กำไรโตขึ้นนะครับ กำไรสุทธิก็ ก็ก็ถือว่าดีนะครับ ผมก็พอใจ เพราะว่าไม่นับไตรมาส 4 นะ ไตรมาส 4 อย่างที่บอกมันมีเรื่อง รางวัลพิเศษโผล่เข้ามานะครับ แต่ถ้าเทียบกับไตรมาส 1 ด้วยกันเนี่ย ปี ปี ก่อนนู้นเรา 178 นะครับ ปีนี้เรา 202 แล้วก็ทำกำไรได้เพิ่มขึ้น 13.4% นะครับ อ่า อีกชาร์ตนึงนะครับ อันนี้ก็ ทำให้เห็นกำไรสุทธิ เส้นข้างล่างเนี่ยนะครับ กำไรสุทธิก็ แต่ละไตรมาสนะครับ ขึ้นๆ ลงๆ บ้าง ไอ้ไตรมาสสามปีที่แล้วเนี่ยมันมีเรื่องของ ค่าเงิน US ดอลลาร์นะครับ ที่เราจำเป็นต้องเก็บไว้เพราะเราอันนี้เป็นมาตรการลดความความเสี่ยงของเรื่องของ ตราแลกเปลี่ยนนะครับ เราจะถือเงินดอลลาร์ไว้จำนวนนึงเลยนะครับ ทำให้เรารู้เรท นะครับ แต่ว่ามันมีการ มีการประเมิน ประเมินค่าตรงนี้นะครับ ที่เขาเรียกว่า Mark to Market นะครับ แล้วไตรมาสสามปีที่แล้วโอ้โห มันเงิน เงิน ดอลลาร์มันอ่อนค่าลงมากนะครับ อ่ามันทำให้เรามีภาวะขาดทุน ทางบัญชีนะครับ จากการประเมินค่าเนี่ยทำให้กำไรมันลดลงไปเลยนะครับ แต่มันก็คืนมานะครับ คืนมาใน ในไตรมาสถัดมานะครับ เพราะมันไม่ได้ไป ขาดทุนจริงนะครับ เงินพวกนั้นเราไม่ได้นำมาใช้นะครับ คือพอ พอ เงินมัน เงินในตลาดข้างนอกมันถูกกว่าที่เราถือเนี่ย ในที่เราถือเราก็ฝากไว้กินดอกเบี้ยไปนะครับ เราใช้เงินข้างนอกที่เราซื้อได้ถูกจ่าย Supplier ไปนะครับ เพราะฉะนั้นก็ ก็จะสวิงนิดนึงนะครับ อ่าส่วนเส้นบนเนี่ยเป็น Gross นะครับ เป็นกำไรขั้นต้นนะครับ ก็ ก็ดีขึ้นนะครับ ไตรมาส ที่แล้วก็ถือว่า สูงสุดแล้วนะครับถอยกลับไปนะครับ ก็ ก็เลยคิดว่าเป็นไตรมาสที่ดีไตรมาสหนึ่งนะครับของ ของ อ่า ในเชิงของกำไรนะครับ ถัดไป Balance Sheet เหลือ 13 นาทีนะครับ อ่า Balance Sheet นี่ก็ผมแสดงตัวเลข หลักๆ นะครับ ในงบละเอียดนี่เข้าใจว่าท่านที่ติดตามสามารถจะโหลดงบมาดูได้อยู่แล้วนะครับ ผมก็จะแบ่งคร่าวๆ เป็นสองด้านนะครับ ด้านซ้ายนี่เป็น Use of Fund นะครับ ก็คือการใช้เงินทุนนะครับว่า ธุรกิจเราเนี่ยก็ใช้สองหลักครับเราไม่ได้มีไปทำอย่างอื่นนะครับ อ่าตัวแรกก็คือเรา เรียกว่าให้เป็นลูกหนี้นะครับ อันนี้ลูกหนี้รวมนะครับ ทั้งลูกหนี้การค้าแล้วก็ลูกหนี้อื่นๆนะครับ ก็คือในการขายเนี่ยนะครับ โดยเฉพาะ SME ในเมืองไทยนะครับ เขาอาศัย Distributor เลยนะครับเป็น เป็นแหล่ง เป็น เป็นแหล่งเงินทุนนะครับเพราะว่า อ่าเขามีข้อจำกัดนะครับ ในการ ในการระดมเงินทุนมาใช้ในธุรกิจนะครับ เพราะฉะนั้นเนี่ยก็พึ่งพา Supplier อ่ะนะครับ เวลาเขาซื้อของเราก็ เขาขอเครดิตหน่อยนะครับ ให้เวลาเขาไปขาย ให้เวลาเขาไปเก็บเงินนะครับ เก็บได้แล้วเขาก็เอามาจ่ายเรานะครับ อ่าก็ทำให้มูลค่าลูกหนี้เราจำเป็นต้องให้บริการด้านนี้นะครับเป็น เป็น เป็น Value Added พื้นฐานของ Distributor เลยนะครับที่เข้ามาช่วยด้านการเงินให้กับลูกค้าเราด้วยนะครับ อ่าก็เราก็มีลูกหนี้ 5,100 กว่าล้านนะครับ ก็จริงๆ ก็ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้วนะครับ เทียบเป็นวันแล้วก็ประมาณ 60 กว่าวันนะครับ เพราะมันมีโครงการด้วย มันมีโครงการใหญ่ๆ ยาวๆ ที่จ่ายเงินช้านะครับ ก็รวมๆ กันแล้ว 62 วันนะครับ อีกตัวนึงที่เป็น Service เราคิดว่าเป็น Service ที่จำเป็นของเรานะครับ ก็คือการมีสินค้าพร้อมส่งนะครับ เราก็มี Stock ทำให้เราต้องมี Stock สินค้า สินค้าคงคลังเนี่ย 3,000 กว่าล้านนะครับ 3,600 กว่าล้าน เทียบกับยอดขายก็ประมาณ 44.5 วันนะครับ ก็สูงไปนิดนึงนะครับ ผมเคย คุยกับทีมงานว่า เอ๊ะเราโอเคเรามี Stock เรามี Stock ได้นะครับ แต่แหม มัน มันน่าจะประมาณ 30 วันก็น่าจะพอนะครับ อันนี้ก็สูงไปนิดนึงนะครับ ส่วนด้านขวาเป็นที่มาของเงินอันนี้เราใช้เงินคือ เราใช้เท่าไหร่เราก็ต้องหามาให้ได้เท่านั้นนะครับ เราก็จะมีหลักๆส่วนแรกเนี่ยเป็นส่วนของเราเองเงินเราเองนะครับ Equity ส่วนของผู้ถือหุ้นนะครับ ภาษาไทยเขาเรียกส่วนของผู้ถือหุ้นนะครับ เราก็ค่อยค่อยเพิ่มขึ้นนะครับ อันนี้ก็มาจากเงินทุนของเราเองบวกกำไรหลังจากปันผลแล้วเราก็เก็บไว้ เก็บกำไรไว้ส่วนนึงไว้ขยายธุรกิจนะครับ เราก็เพิ่มขึ้นของเราเรื่อยเรื่อยนะครับ ขึ้นมาเป็น 4,300 บาทละ นะครับ อ่ออันนี้ก็เป็นเงินของเราเองซึ่งไม่พอนะครับ จะเห็นว่าเนี่ยเราใช้เข้าไป 89 พันบาทนะครับ เรามีเงินตัวละอีกแค่ 4 พันกว่านะครับ ในทางกลับกันเราได้เจ้าหนี้ เจ้าหนี้การค้าเราคือ Supplier เราเนี่ยนะครับ เวลาเราซื้อของเขาก็ให้เครดิตเราเช่นกันนะครับ คือไม่ได้ ต้องซื้อเงินสดนะครับ ส่วนใหญ่ก็จะซื้อแล้วก็ให้เวลาเรานิดนึงนะครับ ให้เราไปขายก่อนอะไรก่อนนะครับ เราก็ได้เจ้าหนี้นะครับ เจ้าหนี้ ทั้งเจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้อื่นก็ถือว่าเป็น เป็นผู้มีอุปการะคุณนะครับ คือช่วยเหลือด้านการเงินเรานะครับมาประมาณ 4,000 ล้านบาทนะครับ ซึ่งก็ยังไม่พออยู่ดีนะครับ 2 ตัวนี้ 8,000 กว่า แต่เราใช้เยอะกว่านั้นนะครับ ส่วนที่เหลือก็กู้ สถาบันการเงินธนาคารต่างๆนะครับ อันนี้ก็เช่น เช่น เช่นเดียวกันนะครับ สถาบันการเงินก็ เป็น เป็น เป็นส่วนสำคัญนะครับของ ของธุรกิจที่เราทำนะครับที่ เวลาเราขาดเงินเนี่ยนะครับ ธนาคารก็ให้เราหยิบยืมนะครับ จ่ายดอกเบี้ยนะครับ แล้วก็คิดดอกเบี้ยเราในอัตราที่ดีนะครับ อัตราที่ ที่ต่ำนะครับ ทำให้เราทำเอา เราไปใช้ขยายธุรกิจได้นะครับ ก็ อันนี้ก็เป็นแหล่งเงินของเรานะครับ ตัวเงินเราเอง ซึ่งตอนนี้ดีนะครับ เงินเราเองสูงสุดละ นะครับ ก็คือเราพึ่งพาคนอื่นน้อยลงนะครับ พึ่งพาเจ้าหนี้การค้าน้อยลงนะครับ พึ่งพาแบงค์น้อยลงโดยเฉพาะแบงค์นี่ก็ โอ้ เราเคยต้องกู้ 4,000 กว่าล้านนะครับ ตอนนี้ก็เหลือ 2,200 บาทละ นะครับ ก็ในเชิงของ Ratio ที่แบงค์เขามองอันนึงที่เขาเรียกว่า Debt to Equity นะครับ ก็คือ อ่าเรามีหนี้ เรา เรากู้แบงค์เนี่ยเทียบกับเงินเราเองแล้วเนี่ยเป็นสัดส่วนยังไงนะครับ ก็ถือว่าต่ำประมาณครึ่งนึงนะครับ อ่า อีกตัวนึงที่สำคัญนะครับก็คือ เอ่อกระแสเงินนะครับ คือทำธุรกิจเนี่ย เอ่อถ้าให้ดีกำไรนอกจากกำไรแล้วเนี่ยกระแสเงินสดควรจะเป็นบวกด้วยนะครับ เอิ่ม เวลา งบการเงินเนี่ยมันเป็นเกณฑ์สิทธิ์อ่ะนะครับ ก็คือ เอ่อไม่ได้ดู ไม่ได้ดูเงินสดนะครับ เวลาขาย ถึงแม้จะยังเก็บเงินไม่ได้ก็ถือว่าขาย ขายไปแล้ว

สรุป

โดยสรุปแล้ว SIS ยังคงเติบโตได้ดีในไตรมาส 1 ปี 2568 แม้ในบางส่วนจะมีการชะลอตัวบ้าง แต่บริษัทก็มีกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งในการรักษาฐานลูกค้าเดิม ขยายไปยังตลาดใหม่ และลงทุนในเทคโนโลยีที่กำลังเติบโตอย่าง AI ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

โพสต์ล่าสุด