บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
BEYOND สรุป Oppday ปี 2568 ไตรมาส 1: ฝ่าวิกฤตท่องเที่ยวซบเซา มุ่งสร้างความมั่งคั่งยั่งยืน
P/E -100.00 YIELD 0.00 ราคา 7.20 (0.00%)
BEYOND สรุป Oppday ปี 2568 ไตรมาส 1: ฝ่าวิกฤตท่องเที่ยวซบเซา มุ่งสร้างความมั่งคั่งยั่งยืน
-
ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
บริษัท Baow and Beyond จำกัด (มหาชน) ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีตั้งแต่ต้นปี 2568 โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์การท่องเที่ยวที่ไม่เอื้ออำนวย อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมีมุมมองเชิงบวกและคาดหวังว่าสถานการณ์จะฟื้นตัวได้ดีในช่วงครึ่งปีหลัง
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีโรงแรม 2 แห่งในกลุ่ม Ultra Luxury ที่กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ได้แก่ โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพฯ และโรงแรม Four Seasons ที่กรุงเทพฯ ซึ่งทั้งสองโรงแรมยังมีผลประกอบการที่ดีและรักษาความเป็นผู้นำในกลุ่ม Ultra Luxury ได้อย่างต่อเนื่อง
โรงแรม Four Seasons มีห้องพัก 299 ห้อง ประกอบด้วยห้องพักและห้องสวีท มีร้านอาหารหลากหลาย และพื้นที่จัดเลี้ยงที่เป็นที่นิยม นอกจากนี้ยังมี Urban Wellness ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โรงแรมคาเพลลา มีห้องพัก 101 ห้อง ทุกห้องพักสามารถชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้ และมีวิลล่าซึ่งเป็นเอกลักษณ์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงร้านอาหารและพื้นที่จัดเลี้ยงต่างๆ
ทั้งสองโรงแรมมีการออกแบบที่ต้องการให้เป็น Destination ที่ลูกค้าสามารถใช้บริการที่หลากหลาย มี F&B ที่หลากหลายถึง 7 Outlet และ 2 บาร์ รวมถึง Lounge และคาเฟ่ที่มีขนม Pastry ต่างๆ อีก 3 Location นอกจากนี้ยังมีพื้นที่จัดเลี้ยงทั้ง Indoor และ Outdoor ที่ได้รับความนิยมในการจัดงานต่างๆ
ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2568 บริษัทฯ ได้รับรางวัลอย่างต่อเนื่อง ทั้งโรงแรม Four Seasons และคาเพลลา ได้รับรางวัลในระดับ Top ทั้งสองโรงแรม และคาดว่าจะมีการประกาศรางวัลในกลุ่มบาร์ ร้านอาหาร และโรงแรมอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 2-4
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทยในไตรมาส 1 ยังมีการเติบโตเล็กน้อยจากปีที่แล้ว (9.55 ล้านคน เทียบกับ 9.4 ล้านคน) แต่ยังต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 10.5 ล้านคน นอกจากนี้ Source Market บางแห่งมีการลดลง เช่น East Asia (จีน เกาหลี ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน) ในขณะที่ตลาดอเมริกาและยุโรปมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
ผลประกอบการในไตรมาส 1 ยอดขายของโรงแรมและกลุ่มต่ำกว่ายอดขายของไตรมาส 1 ปีที่แล้ว โดยสัดส่วนของยอดขายห้องพักอยู่ที่ 53% และ F&B อยู่ที่ 40% แม้ว่ายอดขายห้องพักจะเติบโตเล็กน้อย แต่ F&B ลดลงเล็กน้อย
ในภาพรวม บริษัทยังคงสามารถทำกำไรในไตรมาส 1 ได้ แม้ว่ากำไรจะลดลง Top Line ของโรงแรมลดลง 4% (จาก 956 ล้านบาท เป็น 918 ล้านบาท) EBITDA ลดลง 9% (จาก 267 ล้านบาท เป็น 242 ล้านบาท)
-
โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
บริษัทมองว่าการเติบโตของตลาดอเมริกาและยุโรปเป็นโอกาสทางธุรกิจ เนื่องจากเป็นลูกค้าหลักของบริษัทฯ
-
ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
ความเสี่ยงหลักคือสถานการณ์การท่องเที่ยวที่ไม่เอื้ออำนวยและการลดลงของนักท่องเที่ยวจาก East Asia
-
วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการลดต้นทุนทางการเงิน โดยการเจรจาปรับสูตรดอกเบี้ยและการจ่ายหนี้ตามกำหนดและก่อนกำหนด นอกจากนี้ยังมีการวางกลยุทธ์เพื่อเจาะตลาดที่มีการเติบโตและมี Spending Power ที่ยังไม่ลดลง
บริษัทฯ มีการวางกลยุทธ์ที่จะต้องฟื้นฟู Capture Demand ที่อาจมีการหดตัว โดยต้องชนะตลาด และควบคุมต้นทุน โดยถ้าไม่จำเป็นก็ยังไม่ต้องใช้ ถ้าปรับลดได้ก็ปรับลดเลย
-
แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายรายได้ปี 2568 ไว้ที่ 3,700 ล้านบาท ซึ่งจะมีการเติบโตจากปีที่แล้วประมาณ 5-6% โดยคาดหวังว่าสถานการณ์จะฟื้นตัวได้ดีในช่วงครึ่งปีหลัง
บริษัทฯ ยังมีแผนการขยายงาน โดยการสร้างแบรนด์ของตัวเอง และมองหาโอกาสในการลงทุนในธุรกิจโรงแรมและ Lifestyle ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเน้นการสร้างสินค้าและบริการที่เป็น Future Proof และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในอนาคต
-
ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [01:07:08]
-
แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2:
- คำถาม: ภาพรวมโรงแรมเป็นอย่างไรบ้างในไตรมาส 2?
- คำตอบ:
- มีการอ่อนตัวของ Demand จาก 2 สาเหตุหลัก:
- การหดตัวของนักท่องเที่ยวจีน (ต่อเนื่องจากไตรมาส 1)
- ผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้การจองชะลอตัว
- มีการเติบโตของ Source Market อื่น (เป็น Source Market ของโรงแรม)
- คาดการณ์ยอดขายไตรมาส 2 น่าจะต่ำกว่าปีที่แล้ว
- โรงแรมยังรัน Occupancy ที่ 50-55%
- ARR ในไตรมาส 1 ขึ้นได้ประมาณ 10% ทำให้ RevPAR ไม่ได้หดตัวมาก
- ไตรมาส 2 คาดว่า ARR จะไม่เพิ่มมาก (อาจบวกเล็กน้อย 1-2%) ทำให้ RevPAR ไม่ได้หดตัวมาก
- เน้นการควบคุมต้นทุนมากกว่า
- กำไรขั้น EBITDA หรือ Bottom Line จะมาจากการควบคุมต้นทุน
- ปีนี้จะไม่มีเหตุการณ์พิเศษเหมือนปีที่แล้ว
- มีการอ่อนตัวของ Demand จาก 2 สาเหตุหลัก:
-
กลยุทธ์ขับเคลื่อนครึ่งปีหลัง:
- คำถาม: บริษัทจะใช้กลยุทธ์ใดในการขับเคลื่อน และมองว่าอะไรเป็นปัจจัยบวก?
- คำตอบ:
- มองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีผลกระทบระยะสั้น
- คาดว่าจะสามารถ Rebuild Confidence ได้
- Booking ของไตรมาส 3 และ 4 ไปจนถึงไตรมาส 1 ปีหน้า สร้างความมั่นใจว่ามีการฟื้นตัว
- ไม่นิ่งนอนใจในการควบคุมต้นทุน
- มุมมองเป็นบวก แต่ยังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์
- มีกลยุทธ์ใกล้ชิดกับลูกค้า (One-on-One, Up-Sell)
- ต้องทำรายได้ที่ดีได้ทุกวัน และควบคุมต้นทุนอย่างใกล้ชิดทุกวัน
- มองสถานการณ์ในระยะยาวได้ดีกว่าเดิม
-
ความกังวลและแผนรับมือในระยะยาว:
- คำถาม: บริษัทมีความกังวลใดบ้างใน 1-3 ปีข้างหน้า และมีแผนรับมืออย่างไร?
- คำตอบ:
- แม้ปีนี้สถานการณ์ไม่ดีเท่า 2-3 ปีที่ผ่านมา (ซึ่งเป็นปีที่ดี)
- มองว่าเป็นผลกระทบระยะสั้น และเห็น Booking ที่ดีต่อเนื่อง
- ในระยะ 1-3 ปี ยังมีมุมมองที่เป็นบวก และมองว่าการเดินทางยังขยายตัวได้
- Inbound Tourism ของไทย บวกกับความพยายามฟื้นเศรษฐกิจ ทำให้ Lifestyle ของคนไทยยังอยู่ได้
- อาจมีผลกระทบช่วงสั้นจากสถานการณ์ แต่พอคลี่คลายตลาดไทยจะกลับมาคึกคัก
- ตลาด Long Haul ยังมีแนวโน้มที่ดี
- กลุ่ม Segment ของบริษัทฯ (Ultra Luxury) ไม่ค่อยได้รับผลกระทบมาก
- ความเป็นผู้นำที่มีอยู่ เป็นโอกาสที่ดีในการ Capture Demand
- แม้มีโรงแรมใหม่ 2-3 แห่ง แต่ขนาดไม่ได้ใหญ่ และไม่ได้อยู่ริมน้ำ (ไม่ได้ชนกับโรงแรมบริษัทฯ โดยตรง)
- ยังมองว่ามีโอกาสสร้างผลประกอบการต่อเนื่องใน 2-3 ปีข้างหน้า
- แผนขยายงาน: ลงทุนในธุรกิจโรงแรมหรือ Lifestyle เป็นการลงทุนระยะยาว
- สินค้าและบริการต้อง Future Proof และทำเพื่ออนาคต
-
ความกังวลของอุตสาหกรรมและมุมมองของบริษัทฯ:
- คำถาม: บริษัทมองความกังวลของอุตสาหกรรมอย่างไร? (สถานการณ์, พฤติกรรมผู้บริโภค, จำนวนโรงแรมที่เพิ่มขึ้น, เทคโนโลยี/AI)
- คำตอบ:
- สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับบริษัทฯ
- Factor In Trend เหล่านี้ไปแล้วในการวางแผน
- ไม่ได้มองว่าเป็นความกังวล แต่กลับมองว่าเทคโนโลยี/AI ทำให้เกิด Efficiency มากขึ้น และเป็นโอกาสด้วยซ้ำ
- หลักยึดที่สำคัญ:
- ทุกการลงทุนต้องมีทุกส่วนที่เกิดขึ้น (นวัตกรรม, สร้างความแตกต่าง, สร้างมูลค่า)
- สร้างคุณค่าให้เกิดกับโลกใบนี้ (คน, สังคม, Local Community)
- ทำ Best Practice ให้เกิดขึ้น
- "Innovate for Better World Repeatedly and Consistently"
- ต้องชนะ ไม่ใช่ทุกครั้ง แต่ต้องชนะตลอดเวลา
-
สิ่งที่ให้ความสำคัญสูงสุด:
- คำถาม: บริษัทให้ความสำคัญกับสิ่งใดมากที่สุดในการดำเนินธุรกิจ?
- คำตอบ:
- การสร้างผลตอบแทนที่ดี และสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน
- ความมั่งคั่งต้องมาด้วยการสร้างความสมดุล:
- ไม่ได้มองแค่ Profit อย่างเดียว
- สร้างความสมดุลให้สิ่งที่สร้างขึ้นมา (สินค้า/บริการ) มีคุณภาพ โดนใจลูกค้า สร้างความประทับใจ และสร้างมูลค่า (ทางจิตใจ, ยกะระดับอุตสาหกรรม, ยกะระดับการแข่งขันของประเทศ)
- สร้างมูลค่าให้กับผู้มีส่วนได้เสียอื่นๆ
- Framework ที่ชัดเจนจาก Vision: "Innovate for Better World Repeatedly and Consistently"
- สร้างสินค้าและบริการที่มีนวัตกรรม ตอบสนอง และสร้างมูลค่า
- มูลค่ากับลูกค้า สังคม โลกที่ดีกว่า และ Local Community
- ทำซ้ำๆ และสม่ำเสมอ เพื่อสร้าง Best Practice
- ต้องชนะ ไม่ใช่ทุกครั้ง แต่ต้องชนะตลอดเวลา
- สร้างคุณค่าและสิ่งที่ดีให้โลกใบนี้
-
แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2:
โดยสรุป BEYOND เผชิญกับความท้าทายจากสถานการณ์ท่องเที่ยวที่ซบเซา แต่ยังคงมุ่งมั่นสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนด้วยการควบคุมต้นทุน เจาะตลาดใหม่ และพัฒนาสินค้าและบริการที่เป็น Future Proof โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำในตลาด Ultra Luxury อย่างต่อเนื่อง