https://aio.panphol.com/assets/images/community/6707_8c9abd.png

CNT โชว์ผลงาน Q1/2568 ทะลุเป้า พร้อมลุยงาน Data Center หนุนอนาคตเติบโต

P/E 14.96 YIELD 3.77 ราคา 1.06 (0.00%)

CNT โชว์ผลงาน Q1/2568 ทะลุเป้า พร้อมลุยงาน Data Center หนุนอนาคตเติบโต

สวัสดีครับ ท่านนักลงทุน ผู้ถือหุ้น และแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน วันนี้ผม สุรศักดิ์ โอสถานุเคราะห์ CFO ของบริษัท และคุณวิเทศ รัตนาภรณ์ COO จะมาช่วยกันบรรยายและตอบคำถามให้ได้ทุกคำถาม

การบรรยายวันนี้จะแบ่งออกเป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ ได้แก่

  1. Company Overview Business (อาจจะข้ามๆ ไป เพราะทราบกันดีอยู่แล้ว)
  2. Performance
  3. กลยุทธ์ปี 2568
  4. คำถาม

ท่านนักลงทุนสามารถถามคำถามผ่านทางเว็บไซต์ของตลาดได้เลย ช่วงท้ายเราจะมาตอบคำถามกัน

ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)

บริษัทมีทุนจดทะเบียน 1,102 ล้านบาทโดยประมาณ Mission Vision ของบริษัทก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง การก่อสร้างของบริษัทแบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ หมวดอาคาร หมวดอุตสาหกรรม และหมวด Infrastructure

คุณวิเทศจะบรรยายโครงการที่กำลังก่อสร้างอยู่ปัจจุบัน เริ่มจากหมวดอาคาร

  • โครงการ Medical Hub ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น มูลค่าเกือบ 4,000 ล้านบาท เป็นโครงการใหญ่มาก โครงสร้างเสร็จเกือบหมดแล้ว ความคืบหน้า 55%
  • โครงการ Habitat ของ Forestian Project ประกอบด้วย 4 อาคาร S2 และ S3 อยู่ระหว่างก่อสร้าง S1 เสร็จแล้ว
  • โครงการ TPC Office และโรงอาหารที่ระยอง ใกล้แล้วเสร็จ
  • โครงการ Orange Project Data Center ขนาดใหญ่ตัวที่ 2 ใกล้ 100%
  • โครงการ Standard Can New Factory ที่กาญจนบุรี
  • โครงการ DHL Warehouse ที่บางนา ดำเนินการไปแล้ว 50%
  • โครงการ Marvel Project เกี่ยวกับอาหาร เกือบ 3,000 ล้านบาท แล้วเสร็จ 90%
  • โครงการ Arpicco New Project ที่ชลบุรี
  • โครงการ AEC Cell to Pack Battery ที่ชลบุรี
  • โครงการ ALT Lab Extension ประมาณ 90% แล้ว
  • โครงการสาธารณูปโภค โครงการถนนของกรมทางหลวง 3 โครงการ
  • โครงการบ้านแพ้ว Interchange กม. 38 เสร็จ 90%
  • โครงการขยายถนนที่ชัยยา เสร็จ 80%
  • โครงการแก่งเสี้ยน Interchange ที่กาญจนบุรี เพิ่งเริ่ม 7%
  • โครงการของบริษัทลูกในเครือ CNDCM ที่ภูเก็ต
  • โครงการ Banyan Tree Villa และ Condominium 600 ล้านบาท คืบหน้า 40%
  • โครงการ Sheraton ภูเก็ตในหาร เริ่ม Package 1 ทำ Soil Slope Protection

OC Overseas Series ยังมีอยู่ แต่ไม่มี Activity แล้วที่กัมพูชา แต่บริษัทก็ยังตั้งอยู่ เผื่อมีงานถัดไป

บริษัทลูกที่ทำเกี่ยวกับพลังงาน CNEs ส่วนใหญ่ บริษัท CNES D1 จะลงทุนในการก่อสร้าง Solar Cell เน้น Solar Cell ลักษณะ PPA โครงการส่วนใหญ่ Complete เกือบหมดแล้ว โครงการที่เหลืออยู่ปัจจุบันกำลังจะเริ่ม BDMH ที่โรงพยาบาล BDMH ที่หัวหิน กำลังจะเริ่มก่อสร้าง และมีอีก 3-4 โครงการ ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงเจรจาขั้นสุดท้าย

CNDCM ที่ภูเก็ตมีผลงานอยู่ 2 โครงการ โครงการ Banyan Tree คืบหน้า 50% อนันตรา Wellness เสร็จเรียบร้อยแล้ว Villa ก็เสร็จแล้ว เป็น Project ที่ Renovate เสร็จแล้ว Investment Overseas ที่แกมมอนที่อินเดีย GECL กำลังดำเนินการอยู่เป็นประเภท EPC

โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)

รายได้จากการก่อสร้างในไตรมาส 1 เทียบกับไตรมาส 1 ปีที่แล้ว ไตรมาส 1 ปีนี้จบที่ 1,740 ล้านบาท เทียบกับปีที่แล้ว 1,241 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 500 ล้านบาท รายได้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้นเกือบ 500 ล้านบาท

Gross Profit Margin ของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 66 เป็น 87 เพิ่มขึ้นอยู่ 21 ล้านบาท

GSM ของบริษัทปีที่แล้วทำไว้ได้ดี สูงสุดของปีคือ 5.2% แต่ปีนี้สิ้นไตรมาส 1 ก็ถือว่าระดับดี อยู่ที่เกือบ 5%

ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)

ค่าใช้จ่ายทางด้าน Admin ของเราจาก 69 ขึ้นเป็น 80 ล้านบาท 11 ล้านบาท ส่วนใหญ่ก็มาจากจำนวน Headcount จำนวนพนักงานที่เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับกับงานที่กำลังเข้ามาใหม่ ของเรา CN อาจจะสวนทางกับภาพรวมธุรกิจ หรือกับเพื่อนๆ นิดนึง ตรงที่เราได้รับงานตัวใหญ่ๆ เข้ามา และกำลังจะรับงานตัวใหญ่ๆ เข้ามาอีก เราก็ต้องเตรียมคนเอาไว้ก่อน

EBIT earning before income and tax จากปีที่แล้วติดลบ 1.5 ล้านบาท มาบวก 8.7 ล้านบาท ก็ถือว่าดีขึ้นมาก หลังจากเป็น earning before tax จาก 0.5 ขึ้นเป็น 4.8 ล้านบาท ถ้าเป็น Net Profit ของเราจากเกือบ 1 ล้านปีที่แล้ว มาเป็นเกือบ 19 ล้านปีนี้

Backlog คืองานในมือคงเหลือของเรา สิ้นไตรมาส 1 เกือบ 12,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว ของไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว 8833 เพิ่มขึ้นมาเกือบ 3,200 ล้านบาท แต่ถ้าเทียบกับสิ้นปี สิ้นปี 2567 ที่ผ่านมา 6,123 ล้านบาท ขึ้นมาเกือบ 12,000 ก็ขึ้นมา 5,849 ล้านบาท

รายได้ 1,800 ล้านบาทมาจากหมวดไหนบ้าง Project ที่เป็น Long Term (ระยะเวลาก่อสร้างมากกว่า 1 ปี) อยู่ที่ 82% มาจาก Short Term (ระยะเวลาก่อสร้างน้อยกว่า 1 ปี) คือ 18% ใน 1,800 ล้านบาท มาจากกลุ่มไหน กลุ่มอุตสาหกรรม 67% มาจากงานอาคารภาครัฐ 14% อาคารภาคเอกชน 7%

รายได้ 1,800 ล้านบาท ประกอบด้วยอะไร รายได้จากการก่อสร้างเท่าไหร่ รายได้อื่นๆ เท่าไหร่ เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน รายได้เป็นเท่าไร ค่าใช้จ่ายเท่าไร GSM เท่าไร Net Profit เท่าไร

ภาพ Balance Sheet สินทรัพย์ สิ้นไตรมาส 1 อยู่ที่ 6,459 ล้านบาท เทียบกับสิ้นปีที่ผ่านมา 6,457 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2 ล้านบาท ในขณะที่ฝั่งเจ้าหนี้จบอยู่ที่ 4,744 เทียบกับสิ้นปีคือ 4,741 ลดลง 17 ล้านบาท ทางด้าน Equity ของเราเพิ่มขึ้น 19 ล้านบาท จาก 1,716 มาเป็น 1,735 ก็ตามกำไรที่เราได้ Book Value ของเราก็ขยับจาก 1.67 บาท มาเป็น 1.69 บาท ยังสูงกว่า Market Price ของเราปัจจุบันอยู่ DE Ratio ของเราอยู่ที่ 2.72 ลดลงจาก 2.76 เมื่อสิ้นปี ก็ดูดีขึ้นมาหน่อย

Financial Data และ Ratio ที่สำคัญๆ แต่จริงๆ ก็พูดไปในภาพ Master แล้ว ทางด้าน Earning per Share ของเราอยู่ที่ 3 สตางค์ 3.2 สตางค์ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อยู่ที่ไม่ถึง 1 สตางค์ 0.003 สตางค์ GSM ของเราอยู่ที่ 4.93 เกือบ 5 เมื่อเทียบกับปีที่แล้วคือ 5.23 ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์สูงอยู่ ถ้าเห็นในภาพในอดีตก็จะอยู่ประมาณ 4 อยู่แถวๆ 4 มีบางปีจะหล่นไปที่ 2 กว่า

Margin EBIT earning before income and tax อยู่ที่เกือบ 50 สตางค์ เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้วที่ขาดทุน 11 สตางค์ Net Profit Margin อยู่ที่ 1.07% เมื่อเทียบกับ 0.07% ก็ดูดีขึ้น Current Ratio ก็ดูดีขึ้นจาก 0.94 มาเป็น 0.96 DE Ratio ก็ดูดีขึ้น ลดลงจาก 2.98 มาเป็น 2.72 เท่า IBDE ก็คือ DE Ratio แต่ว่าตัว D ตัว Death ที่ต้องจ่ายดอกเบี้ย Interest Bearing Death อยู่สิ้นปีอยู่ที่ 0.92 เท่า ลดลงมาเหลืออยู่ที่ 0.53 เท่า ก็ดูดีขึ้นเยอะ Dividend Yield ของเราอยู่ที่เกือบ 4% 3.88% ปีนี้เราเพิ่งมีการจ่าย Dividend ไปเมื่อต้นเดือนนี้ 4 สตางค์ เทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ก็คือ 3.9% 3.88%

New Contract Award ในไตรมาส 1 เกินเป้าของเรา ในไตรมาส 1 เราได้รับ Award งานใหม่มาเกือบ 7,400 ล้านบาท เป็นส่วนของ CNT 7,313 ล้านบาท เป็นส่วนของ CNDCM อีก 36 คาดว่าตัวใหญ่กำลังจะเข้ามาอีกของ CNDCM

งานในมือของเราที่แบ่งออกว่าเป็นงานในมือ แบ่งออกเป็นหมวดไหน หมวด Industrial ในภาคโรงงานอุตสาหกรรม หมวดอุตสาหกรรม รองมาก็จะเป็นอาคารภาครัฐ อาคารเอกชน งานของกรมทาง

วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)

CNT ได้รับมา 7,313 ล้านบาท จะเป็นงานตัวใหญ่ๆ 1 Owner เป็นงานเกี่ยวกับ Data Center 7,313 ล้านบาท CNDCM ได้มา 36 ล้านบาท ก่อสร้างโรงแรม Sheraton แต่จะเป็นงานฐานรากก่อน งาน Main Contract คาดว่าจะ Award ได้ในเร็วๆ นี้

งานในมือของเรา 11,972 ล้านบาท จะเป็นหมวดอุตสาหกรรมอยู่ 70 เกือบ 71% หมวด Government Building คืองานภาครัฐ อาคารภาครัฐ 13.4% งานกรมทาง 8% งานอาคารของภาคเอกชนเกือบ 5%

ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม Q&A นาทีที่ 38.46]

  • ความเสี่ยงและการประเมิน CNT ต่อการขาดทุนของ CNDCM
  • คำถาม จากผลประกอบการบริษัท CNTM ซึ่งมีผลขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง ทาง CNT มีการประเมินความเสี่ยงและดำเนินการที่รักคุมพอหรือไม ้ทั้งนี้หากพิจารณาแนวทางธุรกิจของบริษัทฯ ไม่ใช่รูปแบบธุรกิจที่ CNT มีความถนัด ควรพิจารณาหยุดความร่วมมือหรือขายต่อกิจการเพื่อให้สามารถพัฒนาในงานหลักให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้ลงทุนจะเป็นการเหมาะกว่าหรือไม่?
  • คำตอบ

    ขอบคุณคำแนะนำของท่านนักลงทุน

    CNDCM เป็นธุรกิจก่อสร้าง ซึ่ง CN มีความเชี่ยวชาญกว่า 95 ปี CNDCM สร้างโรงแรมกับรีสอร์ทหรู 5 ดาว 6 ดาว 7 ดาว ซึ่ง CNT เคยสร้างแต่อาจจะไม่ถนัดนัก เราก็เลยหยุดสร้างไป เพราะเป็นงานที่จะต้องใช้เวลา ปราณีต ความละเอียด งานที่ต้องเป็นเกี่ยวกับทางด้าน Architect สูง

    เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ 20 ปี ในการทำธุรกิจด้านนี้ด้านเดียว มาร่วมกัน ก่อนที่จะสร้าง ก่อนจะตั้งบริษัท CNDCM เรามีการศึกษา ความเป็นไปได้ ความเสี่ยงต่างๆ อยู่แล้ว และเราก็นำเสนอ Board เพื่อให้พิจารณาถึงแผนการลงทุนอันนี้ โดยกันกรอง และอนุมัติโดย Board เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเราดูเรื่องความเสี่ยงอยู่แล้ว

    บริษัทนี้ถูกควบคุม ส่วนใหญ่ถูกควบคุมและตรวจสอบโดยบริษัทแม่อยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องความเสี่ยง เราคิดว่าน่าจะควบคุมได้ เจตนาของการตั้งบริษัทอันนี้ ก็เพื่อเป็นการ Diversify ตัวธุรกิจของบริษัททางด้านรายได้ของบริษัท CN ไม่ให้ยึดติดเกี่ยวกับการก่อสร้างที่เราทำอยู่ปัจจุบันเพียงอย่างเดียว อันนี้การ Diversify ก็เป็นการลงทุนชนิดหนึ่ง ซึ่งการลงทุนก็ต้องหมายถึงว่าการลงทุน 3 ปี 5 ปี เพื่อมองอนาคตยาวๆ ไกลๆ

    CNDCM มีการขาดทุน ประกอบด้วยหลายส่วน ส่วนแรกเรามี Fix Cost อยู่ ในช่วงระหว่างการตั้งบริษัทนี้ Fix Cost ก็ยังไม่ Cover รายได้ก็ยังเข้ามาไม่ Cover กับ Fix Cost ที่เรามีอยู่ ภาวะเศรษฐกิจของเราตอนนี้ก็เป็น เราก็รู้กันอยู่ว่าภาวะเศรษฐกิจไม่ดี การแข่งขันก็สูง โดยเฉพาะเรื่องราคา ตอนนี้ไม่เฉพาะ CNDCM CNT ก็เหมือนกัน เพื่อนฝูงใน CNT ก็เหมือนกัน งานที่เกิดออกมาน้อยก็ทำให้การแข่งขันสูง อันดับแรกที่ตัดก็คือเรื่องแข่งขันกันเรื่องราคา

    อันดับ 3 ที่เป็นผลของการขาดทุนก็คือ เรื่องของอาจจะมีปัญหาในการก่อสร้าง เรายังไม่อยาก Blame ว่าเป็นปัญหาของทางด้าน Owner อันนี้ก็กำลังเจรจาอยู่ อันดับสุดท้ายก็คือเรื่องของความว่าขาดทุน ไม่ว่าธุรกิจไหนก็มีกำไรและขาดทุน ธุรกิจของแม้กระทั่งของ CNT เองก็เคยขาดทุน แม้กระทั่งที่เราโชว์กำไรในทุกไตรมาส ก็ไม่ได้หมายความว่าทุก ทุกโครงการของเราจะกำไรทั้งหมด มันก็จะมีกำไรสูง บ้าง กำไรพอประมาณ บ้าง กำไรหืดขึ้นคอ บ้าง หรือจะมีขาดทุน บ้าง ก็เป็นเรื่องของการทำธุรกิจ ถ้าสุดท้ายจริงๆ แล้วไปไม่ไหว เราก็พิจารณาอยู่แล้ว เราก็ปิดหลายๆ บริษัทไป อย่างเช่นบริษัทที่พม่า ที่เราก็เพิ่งปิดไป เพราะว่าดูแล้วก็ไม่ไหวแล้วก็ดูไม่มีอนาคต

  • ความกังวลและแผนรับมือต่อสถานการณ์เศรษฐกิจ
  • คำถาม บริษัทมีความกังวลใดๆ ใน 1-3 ปีหรือไม่ และมีแผนรับมือยังไง?
  • คำตอบ

    บริษัทเราอยู่ในฐานะที่ค่อนข้างจะโชคดี ไม่ใช่โชคอย่างเดียว อาจจะเป็นการที่เราวางแผนมาด้วย ใน 3 ปี 5 ปีข้างหน้า จะมีงาน Data Center เข้ามามาก เราเป็นบริษัทไม่กี่บริษัทในประเทศไทย ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้ เพราะฉะนั้นในระยะเวลา 1-3 ปี เราค่อนข้างมีความมั่นใจว่าเราจะมีความสามารถ ในการเติบโตเพิ่มขึ้นได้อย่างมั่นคง

    ความกังวลส่วนใหญ่ก็จะเป็นความกังวลในภาพ Macro มากกว่า ในเรื่องของปัญหาสงครามทางเศรษฐกิจของระดับโลก โดยเฉพาะ ท่านประธานาธิบดีใหม่ของอเมริกา เราก็ไม่รู้ว่าแกจะมีแผนยังไงอะไรต่อไป อาทิตย์หน้าผมยังไม่รู้เลยว่าแกจะเป็นยังไง เดือนหน้าก็ยังไม่รู้ ปีหน้าก็ปีนี้ก็ยังไม่รู้ ปีหน้าก็ยังไม่รู้ นั่นคือความเสี่ยงของคนทำธุรกิจ ภาพรวมใหญ่ๆ ก็คือเป็นภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ ประเทศไทย ก็อย่างที่พวกเราก็รู้ๆ กันอยู่ก็ไม่ค่อยดี และอนาคตก็ยังดูไม่ค่อยดี โดยเฉพาะช่วง 1 อาทิตย์ 2 อาทิตย์นี้ ก็มีบทความหรือมีท่านผู้เชี่ยวชาญหรือมีกูรูต่างๆ ก็มาแนะนำเรื่องอนาคตของ ภาพเศรษฐกิจ ของประเทศไทยที่ดูแล้วน่าเป็นห่วงมากๆ ตัวนี้เราก็เป็นห่วงอยู่

    แผนรับมือของเรา ก็ติดตามปัญหา แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอะไร สิ่งที่เราทำก็คือการพัฒนาตัวของเรา พัฒนาของ CN ของเรา พัฒนาฝีมือของเรา ดูแลต้นทุนของเรา อันนี้เป็นแผนหลักของทางผม

  • ความสำคัญสูงสุดในการดำเนินธุรกิจ
  • คำถาม บริษัทให้ความสำคัญกับสิ่งใดมากที่สุดในการดำเนินธุรกิจ?
  • คำตอบ

    แน่นอนการทำธุรกิจ ให้ความสำคัญกับผลงาน CNT อยู่กับ อยู่มาได้ 95 ปี เพราะผลงานของเรา ผลงานของเรามีคุณภาพ ผลงานของเราเป็นที่ประจักษ์ ผลงานของเราเป็นสิ่งที่ Owner ทั่วไป ส่วนใหญ่ ให้ความชื่นชม แล้วก็ Honor กับ CNT เรื่อง ผลงาน การก่อสร้างของเราก็จะมีเรื่องของ ระยะเวลาการก่อสร้าง ก่อสร้างให้ทันเวลา ผลงานดี ต้นทุนได้ การควบคุมต้นทุนเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยเฉพาะทางฝั่งของการเงิน แล้วก็หลังบ้าน จะดูเรื่องต้นทุนเป็น เป็นสำคัญ

  • การประเมินตัวเลขทางการเงินและเป้าหมาย
  • คำถาม การประเมินค่า Return on Invested Capital (ROIC) และ Weighted Average Cost of Capital (WACC)
  • คำตอบ

    ขอติดไว้ก่อนขอทำเป็นการบ้านก่อน เนื่องจากส่วนใหญ่นักลงทุนไม่ได้ลงรายละเอียดตัวเลขส่วนนี้

    หลักของการทำธุรกิจก่อสร้างส่วนใหญ่เราจะดูกันที่ Gross Sales Margin (GSM) คือตัวกำไรของการก่อสร้าง

    โดยปกติถ้าเราเห็นจากอดีตที่ผ่านมาก็จะอยู่ประมาณ 4% ถ้าบริหารงานดีและมีกำไรก็อยู่ประมาณ 4% นี่ก็ถือว่าก็ดีแล้ว เมื่อเทียบกับในอุตสาหกรรมแต่ก็เคยตั้งเป้าไว้ที่ 6% เพราะว่าเคยทำได้สูงสุดที่ 6% แต่นั่นอยู่ในภาวะของเศรษฐกิจที่ดีมาก ๆ ก็จะมาดูเรื่องของ ผลการตอบแทนก็ Dividend Yield จะเห็นว่าอยู่ที่ 4% Net Profit Margin ของบริษัทตอนนี้อยู่ที่ 1% ส่วนใหญ่ก็ดูตัวหลัก แต่ถ้าจะดูละเอียดว่า Cost of Fund ของเราเท่าไหร่ ผมขอไปทำการบ้านหน้าอาจจะมาบอกอีกทีนึง

    CN เป็นบริษัทที่ตั้งมา 95 ปี เป็นบริษัทที่ น่าเชื่อถือทั้งด้านผลงานและตัวเลขจากผลประกอบการ เราได้รับความร่วมมือ หรือความไว้ วางใจจากสถาบันการเงินส่วนใหญ่ทั้งนั้น ที่เป็นพันธมิตรกับเรา ผมกล้าพูดว่าเราได้รับ Cost of Fund ที่ถูก อาจจะไม่ถูกสุดแต่ผมว่าถูก เมื่อเทียบกับ ในอุตสาหกรรมแล้วก็เพื่อนฝูงเรา โดยเฉพาะตอนนี้ที่หลาย ๆ บริษัทก็เกิดความยากลำบากอยู่ ณ ตอนนี้

    โดยปกติแล้วถ้า บริษัทได้รับงานมา 1 จะมีเงิน Advance ที่เข้ามาให้เรา ในการบริหาร ถ้าบริหารด้วยดี Timeline Match การจ่ายเงินครั้งต่อไป Match ส่งเงินได้ตรงเวลา การจ่ายเงินตรงเวลาเนี้ย โดยปกติแล้วเราจะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่อง เรื่องการเงิน หรือจะต้องไปกู้เงินจาก จากแบงค์ เราก็จะบริหารจาก ตัว Advance ที่เราได้ แล้วก็หมุนไปเรื่อย ๆ ถ้าบริหารดีแทบจะต้องกู้แบงค์เลยใน Project นั้น แต่ก็จะมีบาง Project ที่อาจจะต้องใช้ ระยะเวลา การจ่าย อาจจะนานนิดนึง อะไร เงี้ย บาง Project อาจจะไม่มี Advance อะไร เงี้ย อันนั้นเราอาจจะต้องไปขอ Fund ของแบงค์ แต่ทั้งนี้ Fund ของแบงค์ก็คือเป็น Fund ที่ส่วนใหญ่ก็จะเป็น ตั๋ว PN ซึ่งมีอายุประมาณ 3-4 เดือนเท่านั้นน่ะ ก็จะเป็น Very Short Term Fund นะครับ อันนี้คือหลักการทำธุรกิจของ ของ CN หรือของธุรกิจก่อสร้าง ดังนั้นเราจะไม่มี จะเห็นว่าเราจะไม่ค่อยมี Long Term Liability เท่า ไหร่ แล้วก็ Capital ของเราก็อยู่ตรงเนี้ย 1,027 ล้านมาโดยตลอดส่วนใหญ่นักลงทุนก็จะถามเรื่องของ GSM เท่า ไหร่ อีบิด ของบริษัทเป็นยังไง ROI ของบริษัทเป็นยังไงแล้วก็ Dividend Yield ของบริษัทเป็นยังไง ซึ่งเราทำตัวเลขพวกเนี้ย ให้ นักลงทุนเห็นอยู่แล้ว

แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)

เป้าหมายของบริษัทในปี 2568 คือการเพิ่มรายได้และกำไร โดยมุ่งเน้นที่ตลาด Data Center และการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับสถาบันการเงิน เพื่อให้ได้ต้นทุนทางการเงินที่เหมาะสม

ปีนี้สำหรับบริษัทเราก็ถือว่าเป็นปีที่ค่อนข้างดี โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมก่อสร้างในภาพรวม และคู่แข่ง เพราะว่าโชคดีที่ลักษณะงานที่เราทำเนี่ย ตรงกับ งานที่กำลัง เพิ่มขึ้นในประเทศไทย นะครับ เพราะฉะนั้นเราก็น่าจะมีอนาคตอย่างน้อย 3 ปี ถึง 5 ปีที่ค่อนข้างที่จะดี

จากกราฟจะเห็นว่าปีที่แล้ว จบที่รายได้รวม 6,164 ล้านบาท ปีที่แล้วเราตั้งเป้าไว้ที่ 7,000 ก็พลาดเป้าไป ปีนี้ก็ตั้งเป้าไว้ที่ 7,000 คิดว่าน่าจะทำได้ เพราะว่าปี Quater แรกจบที่ 1,800 ล้านบาท โดยประมาณ ก็พยายามจะทำให้ถึง 7,000 ล้านบาท

สิ่งที่สำคัญมากกว่า Top Line ก็คือเรื่อง Bottom Line คือกำไร จะขายดีขนาดไหน ขอให้มีกำไร ถ้าขายดีขนาดไหนขาดทุนก็ไม่ดี ขายไม่ดีแต่มีกำไรก็ยังดี สิ่งสำคัญที่ในการทำธุรกิจสำหรับผมก็คือตัว Bottom Line พยายามตอนนี้เราพยายามจะบริหารงานให้มี รายได้เข้ามาและมีกำไรมากที่สุด เพื่อ เพื่อท่านนักลงทุน เราจะได้มี มีการจ่ายปันผลให้กับท่านนักลงทุน ได้ยาว ๆ เพราะว่าผมเชื่อมั่นว่านักลงทุนส่วนใหญ่ของ CN จะเป็น นัก เป็น Long Term Investor จะลอง ลงทุนเพื่อถือเงินปันผล ซะมากกว่าที่จะมุ่งถึงเรื่อง Capital Gain ในการเข้าประมูลตัวบริษัท CNT อยู่ที่ประมาณ 60,000 ล้าน เราเข้าประมูลไปแล้วประมาณ 17,000 ล้านบาท เหลือ ที่เหลือของปี เหลืออีกประมาณ 7 เดือนเนี่ย จะต้องประมูลอยู่ประมาณ 43,000 ล้าน

ใน 60,000 ล้านเราตั้ง Target Award Target อยู่ที่ 8,000 อย่างที่บอกไปแล้วว่าเราโชคดีมาก ๆ ว่าในแค่ 4 เดือนแรก เราก็ได้ Award มาถึง 7,313 ล้านบาทแล้ว เหลือแค่ 600 กว่าล้านที่เราจะต้องไป อันนี้ก็หมายถึงว่า ปีนี้อาจจะทะลุเป้า เราก็พยายามจะทำ ให้ได้ Award มามากที่สุด แต่มันถูก Constrain อยู่ที่ว่า Resource ของเราจะต้องเพียงพอ และ Resource ของเรา ก็จะต้องมีคุณภาพเพียงพอ ที่ ที่จะทำงานให้ ออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นอันดับ 1 ในความสำคัญที่สุดที่ผมเรียนไปแล้วว่า คุณภาพของงานออกมาต้องดี มาทางด้านของ CNDCM Target ของการ Award ปีนี้อยู่ที่ 1,600 ล้านบาท เรา รับมาแล้วใน 4 เดือนเนี้ย อยู่ที่ 36 ล้าน ก็เหลืออีก 1,564 ล้าน ที่จะต้องไปต่อ แต่เราก็คาดหวังว่าอาจจะมี งาน งาน งาน หลัก งาน ตัวแม่นะครับ จากต่อยอดจาก 36 ล้านเนี้ย เข้ามา นะครับ ก็หวังว่าเราจะ Achieve ตัวนี้นะครับ

ถ้า Achieve ตัวตรงนี้ ก็อาจจะ Cover Fix Cost ก็ไปบริหารกันเรื่องของกำไรจากโครงการ ไปบริหารกันเรื่องของ GSM อีกทีนึง

CNT ขอขอบคุณสำหรับการติดตามและให้ความสนใจในบริษัทของเรา และขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการลงทุนครับ

สรุป: CNT ประสบความสำเร็จในไตรมาส 1/2568 โดยมีรายได้และกำไรเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ บริษัทกำลังมุ่งเน้นไปที่ตลาด Data Center ซึ่งมีศักยภาพในการเติบโตสูง และยังคงให้ความสำคัญกับการควบคุมต้นทุนและรักษาคุณภาพของงาน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น

โพสต์ล่าสุด