https://aio.panphol.com/assets/images/community/6688_8ad9bc.png

SEAFCO (ซีฟโก้) มองภาพรวมธุรกิจปี 2568 มุ่งเน้นงานภาครัฐ และโอกาสเติบโตในอนาคต

P/E 44.07 YIELD 1.50 ราคา 2.00 (0.00%)

SEAFCO (ซีฟโก้) มองภาพรวมธุรกิจปี 2568 มุ่งเน้นงานภาครัฐ และโอกาสเติบโตในอนาคต

สวัสดีครับ วันนี้บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) ขอสรุปผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2568 และนำเสนอข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจ

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

  • ผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 มีรายได้ 137.48 ล้านบาท และผลขาดทุน 62 ล้านบาท คิดเป็น 45% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ปี 2567 ที่มีกำไร 33 ล้านบาท
  • สาเหตุหลักมาจากการเตรียมงานและขนย้ายเครื่องจักรสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งทำให้รายได้ไม่คุ้มทุน (Break Even)

อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารคาดการณ์ว่าผลประกอบการจะดีขึ้นในไตรมาสที่ 2 และ 3 เนื่องจากจะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มมากขึ้น

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

  • โอกาสหลักมาจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งบริษัทได้รับงาน 6 สถานี
  • บริษัทมุ่งเน้นงานภาครัฐ เนื่องจากมีโครงการขนาดใหญ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง
  • มีแผนที่จะกลับไปรับงานในต่างประเทศ เช่น บังคลาเทศ หากมีกำลังการผลิตเหลือ

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

  • ความเสี่ยงด้านการแข่งขันในตลาดเสาเข็มเจาะ
  • ความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อโครงการภาคเอกชน
  • ความเสี่ยงด้านการขาดแคลนแรงงาน หากมีโครงการขนาดใหญ่ออกมาพร้อมๆ กัน

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

  • มุ่งเน้นการบริหารจัดการต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
  • ให้ความสำคัญกับงานที่มีกำไรขั้นต้นที่ดี เช่น งานค่าแรงอย่างเดียว
  • บริหารจัดการการรับงานให้สอดคล้องกับกำลังคนและเครื่องมือที่มีอยู่

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

  • คาดการณ์ว่าผลประกอบการจะดีขึ้นในครึ่งปีหลังของปี 2568 จากการรับรู้รายได้โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม
  • ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2568 ไว้ที่ 2,000 ล้านบาท
  • ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (ESG) และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชน

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [00:30:05]

  1. ความกังวลและแผนรับมือใน 1-3 ปีข้างหน้า
    • ผู้บริหารไม่ได้กังวลมากนักเนื่องจากบริษัทมีประสบการณ์ผ่านวิกฤตมาแล้วหลายครั้ง
    • มั่นใจว่าจะสามารถบริหารจัดการให้ผ่านพ้นไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอีก 1.5 ปีข้างหน้า
    • เน้นการทำรถไฟฟ้าสายสีส้ม (6 สถานี, เริ่ม 5 สถานีในปีนี้) ซึ่งรับเฉพาะค่าแรง
    • ตัวเลขประมาณการค่าแรง 1,900 ล้านบาท
  2. ความสำคัญสูงสุดในการดำเนินธุรกิจ
    • สิ่งแวดล้อม (ลดผลกระทบต่อข้างเคียง, ทำวิจัยและจดลิขสิทธิ์เพื่อลดแรงสั่นสะเทือน)
    • ธรรมาภิบาล (ต่อต้านทุจริต)
  3. สอบถามตัวเลข ROIC และ WACC
    • ผู้บริหารไม่ได้เตรียมข้อมูลมา แต่จะนำไปปรับปรุงในครั้งหน้า
  4. งานที่รับรู้ผลขาดทุนคงค้าง
    • ไม่มีแล้ว เคลียร์หมดแล้ว
  5. หุ้นที่ซื้อคืนจะเอาออกจากตลาดหรือไม่
    • ยังไม่ได้พิจารณา ต้องรอให้เฟสแรกเสร็จสิ้นก่อน
  6. Q2 vs Q3: ไตรมาสไหนจะรับรู้รายได้จากรถไฟฟ้ามากกว่า
    • Q3 จะเดินเต็มที่ เพราะ Q2 เพิ่งเริ่มทำได้ครึ่งคิว
    • คาดว่าตัวเลข Q2 จะเป็นบวกแล้ว และ Q3-Q4 รวมถึง Q1-Q2 ปีหน้าจะดีหมด
  7. ผลประกอบการที่เหลือจะสามารถทำกำไร cover ขาดทุน Q1 ได้หรือไม่
    • ได้แน่นอน
  8. นอกจากรถไฟฟ้า บริษัทมีงานใหม่ประมาณเท่าไหร่
    • ภาคเอกชนออกงานน้อย เพราะเศรษฐกิจชะลอตัวและมีอาคาร สตง. ขึ้นมา
    • อาคารสูงน่าจะชะลอตัว ทำให้งานเสาเข็มลดลง
    • เน้นงานภาครัฐ (9,000 ล้านบาท) มีงานทางด่วน สะพานในทะเล
  9. งานที่มี จะรับรู้รายได้และกำไรไปได้อีกกี่ไตรมาส
    • อย่างน้อยครึ่งปีหน้า (งานรถไฟฟ้าจะจบประมาณกลางปีหน้า)
  10. แนวโน้มการใช้กำลังผลิตใน Q2
    • เมษายนเทได้ 648.22 คิว/วัน
    • คาดว่างานเดินเต็มที่จะเป็นพันกว่าคิว
  11. อัตรากำไรขั้นต้น Q1/68 ติดลบ มีสาเหตุจากอะไร
    • ต้นทุนไม่คุ้ม เพราะใช้เครื่องมือไม่เต็มที่ (ขนย้ายเครื่องมือ)
  12. งานสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามีผลขาดทุนหรือไม่
    • จบไปแล้ว สำรองหมดแล้ว
  13. โครงการที่ชนะประมูลแต่รอ EIA จะเข้า backlog เมื่อไหร่
    • น่าจะเข้าหมดแล้ว backlog ขึ้นมา 2,700 ล้านบาท (ส่วนที่เพิ่มมาคืองานภาคเอกชน)
  14. การแข่งขันด้านราคาปัจจุบัน
    • ยื่นซองประมูลน้อย เพราะเน้นรถไฟฟ้าให้เต็มที่ก่อน ถ้าเหลือถึงรับงานอื่น
  15. งานภาครัฐขนาดใหญ่ออกมาพร้อมกันจะทำให้ขาดแคลนแรงงานหรือไม่
    • คิดว่าน่าจะขาดแคลน ต้องบริหารจัดการการรับงานให้ดี
    • เครื่องมือไม่น่ามีปัญหา แต่แรงงานน่าจะเป็นประเด็น
  16. งานที่บังคลาเทศมีความคืบหน้าอย่างไร
    • ตามคิวต้องไปปี 68 แต่ติดรถไฟฟ้า
    • คุยกับบริษัทญี่ปุ่นแล้ว เขาตกลงว่าถ้าเราไปได้ปี 68 ก็อยากให้เราไป แต่เราไม่สะดวก
    • เขาอาจจะไปใช้ทางอินเดีย
    • งานรถไฟฟ้าของเขามี 18 สถานี เราจะทำเฉพาะกำแพงสถานี (เหมือนสายสีส้ม)
    • ค่าแรงอย่างเดียวประมาณ 500 กว่าล้าน
    • เราได้งานที่ไทยมาเกือบ 2,000 ล้านแล้ว
    • ถ้ามีกำลังเหลือ จะพิจารณาไปบังคลาเทศ
  17. แนวทางการพลิกกำไรกลับมาใน Q2 และเป้าหมายรายได้
    • Q2 กำไร cover ขาดทุน Q1 ได้
  18. หนี้สินที่เกิดจากสัญญาเพิ่มขึ้น 130 ล้านบาท เกิดจากอะไร
    • เงิน Advance ที่ได้รับจากงานสายสีส้ม (10%)
  19. บริษัทมีแรงงานกี่คน
    • ใช้แรงงานต่างประเทศ 400 กว่าคน (เคยมี 500 คน)
    • กำลังหาเพิ่ม (100-150 คน)
  20. คาเปกปี 2568 เท่าไหร่และลงทุนอะไรบ้าง
    • ซื้อเครื่องจักรเพิ่ม สั่งแก๊ปชุดนึง 20 ล้านบาท
    • คาเปกไม่น่าเกิน 50 ล้านบาท
  21. เป้าหมายรายได้ปี 2568
    • 2,000 ล้านบาท (ยังมีความเป็นไปได้)
    • Backlog เกินไปเยอะแล้ว
  22. สาเหตุงานสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาขาดทุน
    • ส่งมอบเสร็จสิ้นแล้ว
  23. มีงานใหม่ที่อยู่ระหว่างพูดคุยหรือไม่
    • เน้นเรื่องสีส้ม ถ้าได้แรงงานเพิ่มจะรับงานอื่นได้
    • มีงานยื่นอยู่ 2-3 งาน (400-500 ล้านบาท)
  24. งานรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน
    • ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวแล้ว
  25. การสำรวจพื้นที่งานรถไฟฟ้าสายสีส้มขุดพบวัตถุ
    • สถานีสิริราช จะให้ลงมือในไม่เกินกลางเดือนหน้า
    • สนามหลวง โบราณคดีกำลังสอบ จะให้เข้าประมาณเดือนหน้า
  26. ตอนนี้บริษัทขาดแคลนแรงงานหรือไม่
    • ไม่ขาด แต่ไม่เหลือที่จะไปรับงานใหม่
    • อยากได้เพิ่ม (ต้องถูกกฎหมาย)
  27. เทียบกับปี 2562 บริษัทมีงานมากกว่าหรือไม่
    • 2562 ทำ One Bangkok (3,000 ล้านบาท)
    • ปีนี้คงไม่ถึง 3,000 ล้านบาท ตั้งเป้าไว้ที่ 2,000 ล้านบาท
  28. งานที่รอประมูลของภาครัฐและเอกชน
    • มีทั้งสองอย่าง งานภาครัฐน่าจะออกมาเรื่อยๆ

ผู้บริหารกล่าวทิ้งท้ายว่าบริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน และพร้อมที่จะเผชิญกับความท้าทายต่างๆ ในอนาคต

โพสต์ล่าสุด