บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
เจาะลึกกลยุทธ์ ILINK ปี 2568: เติบโตอย่างยั่งยืนด้วยหัวใจ 5 ห้อง
P/E 6.55 YIELD 9.17 ราคา 4.58 (0.00%)
เจาะลึกกลยุทธ์ ILINK ปี 2568: เติบโตอย่างยั่งยืนด้วยหัวใจ 5 ห้อง
สวัสดีครับ นักลงทุน นักวิเคราะห์ และผู้ที่สนใจติดตามความเคลื่อนไหวของธุรกิจของกลุ่มบริษัทอินเตอร์ลิ้งค์ หรือ ILINK ในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีคนเคยถามว่า อินเตอร์ลิ้งค์ขับเคลื่อนด้วยหัวใจจริงไหม ต้องเรียนว่าจริงครับ กลุ่มบริษัทอินเตอร์ลิ้งค์บอกตลอดเวลาว่าในการทำธุรกิจจะต้องมีหัวใจ และหัวใจของเราอาจจะมีมากกว่ามนุษย์นิดนึง คือเรามีหัวใจอยู่ 5 ห้อง
เรามาดูว่าหัวใจ 5 ห้องของ ILINK ประกอบด้วยอะไรบ้าง:
-
**ห้องที่ 1:** ตอนที่ผมตั้งบริษัทในปี 2530 (นับมาถึงวันนี้ 38 ปี) เรามีอุดมการณ์ที่ตั้งใจจะนำเทคโนโลยีมาพัฒนาประเทศไทย หัวใจห้องที่ 1 ของเราเริ่มต้นจากการคิดดีทำดี อยากจะเอาเทคโนโลยีมาพัฒนาประเทศ
-
**ห้องที่ 2:** ในการทำธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมีนักลงทุน มีคนเข้ามาเกี่ยวข้อง หรือมี Stakeholder อยู่เยอะพอสมควร หัวใจห้องที่ 2 ของเราชัดเจนว่า เราตั้งใจจะเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน (Sustainable Growth)
-
**ห้องที่ 3:** เราคิดดีและตั้งใจจะเติบโต แล้วจะทำอย่างไรล่ะ? หัวใจห้องที่ 3 บอกว่า เรามี Strategy หรือมีกลยุทธ์ในการทำธุรกิจ คือต้องประกอบด้วย 3 ส่วนด้วยกัน คือเราตั้งใจที่จะขายสินค้าที่มีคุณภาพเท่านั้น ทำยังไงให้สินค้าคุณภาพของเราราคาถูกกว่าที่ถึงมือลูกค้า และลูกค้าจะต้องได้รับการบริการจากสินค้าของเราด้วยความสบายใจ ด้วยความสุข เราก็เลยมีกลยุทธ์อยู่ 3 ข้อ คือ สินค้าคุณภาพ ราคาถูกกว่า และบริการที่ดีกว่า
-
**ห้องที่ 4:** บริษัทเราเติบโตมาตลอด เพราะว่าถึงวันนี้ 38 ปีแล้ว เราก็มีบุคลากร มีบริษัทลูก มีบริษัทในเครือ เพราะฉะนั้นบริษัทเราใหญ่ ถ้าเราไม่ Alignment หรือทำให้ความใหญ่ของเราเกิดประโยชน์สูงสุดแล้ว มันก็จะเสียประโยชน์ เพราะฉะนั้นเราก็จะมีหัวใจห้องที่ 4 ที่เราใช้กันในกลุ่มบริษัทอินเตอร์ลิ้งค์หรือพนักงานของเรา ก็คือเราบอกว่า อินเตอร์ลิ้งค์ต้องเป็น Number One ทุกๆ ครั้งเวลาเราเจอกัน เวลาที่รวมตัวกัน เราจะมีการทำสัญลักษณ์ชูนิ้วโป้งแล้วบอกว่า Interlink Number One 3 ครั้ง ประกอบด้วย
- ครั้งที่ 1 คือเราตั้งใจว่าพนักงานทุกคนจะทำงานอย่างไรเราจะดู The best คือต้องทำให้ดีที่สุด
- ครั้งที่ 2 คือเราจะต้องมีความสมัครสมานสามัคคีกัน คือ Unity
- ครั้งที่ 3 คือทำยังไงก็ได้ให้เราสามารถช่วยเหลือกันได้อย่างไม่เกี่ยงงอนกัน คือ Team Spirit
-
**ห้องที่ 5:** เรามีมูลนิธิอินเตอร์ลิ้งค์ให้ใจ ที่ทำงานทางด้าน ESG โดยตรงเลย หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า ESG มา แต่ว่ามีคำว่า A มายังไง A คือ เราณรงค์ในการที่จะแอนตี้คอร์รัปชั่น เพราะผมเชื่อว่าเราคิดดี ทำดี แล้วก็ทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง บริษัทจะมีความยั่งยืน
จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ผมขอย้อนหลังให้เห็นประมาณ 6-7 ปี ILINK พูดตลอดเวลาว่าหุ้นของ ILINK เป็นหุ้นที่เป็น Dividend Stock และผม Proof ให้เห็นว่าในปีนี้ ปีที่แล้วผลประกอบการ เพิ่งมาจ่ายเมื่อวาน วันก่อน เรามีปันผลให้ 0.42 บาท ถ้าเทียบกับราคาหุ้น Yield น่าจะตกประมาณ 8-9% ถือว่าสูงมาก และจะเห็นว่า The Past Record เลย ตัว Yield หรือ Dividend เนี่ย เราปันผลมาโดยตลอด และถ้าดูผลประกอบการเห็นไหมครับ เราเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมาดูกำไรในช่วงหลังๆ เนี่ยเรามีกลยุทธ์ที่เรียกว่า Quality Growth คือทำให้กำไรเส้นเคิร์ฟของกำไรชันขึ้น
ทํานองเดียวกันเราอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เพราะว่าตอนนี้ก็มีการรณรงค์ ESG แล้วก็มีกองทุนที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง ESG จะซื้อหุ้นได้ต้องได้รับ ESG เราก็ได้ A นะครับ ในปีที่แล้วก็ถือว่าในกลุ่มของบริษัทอินเตอร์ลิ้งค์ เราทำดี ประพฤติดีมาโดยตลอด และผลประกอบการก็ออกมาดี
ทำไมเราถึงออกมาได้ดีขนาดนี้ อาจจะเป็นการยกตัวเองรึเปล่าแต่ไม่ใช่ครับ ในฐานะที่ผมเป็นประธานบริษัท เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท เราปรับแก้ จูนอัพตลอดเวลาว่าผลประกอบการเนี่ยเราผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะพอสมควร เราประกอบด้วยธุรกิจหลักๆ อยู่ 3 ธุรกิจ คือ ธุรกิจจัดจําหน่าย เป็นการนำเข้าและจัดจําหน่ายสายสัญญาณ ซึ่งปัจจุบันเราใหญ่ที่สุดในอาเซียนแล้ว ลองดูผลประกอบการนะครับ เส้นสีฟ้าด้านซ้ายจะเป็นเส้นของรายได้ เส้นขวามือเป็นเส้นของกําไร จะเห็นว่าทุกๆ ปีเราจะมี Profit แล้วก็จะมีการเติบโต เพราะธุรกิจ cabling หรือ Trading ที่เราบอกเราจัดจําหน่ายสายสัญญาณ เป็นธุรกิจที่เรา Trading ค้าขายตัว Digital infrastructure ก็เปรียบเหมือนถนน IT นะ ถนนของ IT อย่างไรก็ตาม IT ที่จะเกิดขึ้นทุกวันนี้จะสื่อสารกันได้ ต้องมีถนน แล้วเราเองเป็นคนขาย อุปกรณ์เพื่อสร้างถนน เราก็ขายได้อย่างตลอดเวลา โชคดีอย่างหนึ่งธุรกิจทางด้านจัดจําหน่ายสายสัญญาณของเรามีแต่เติบโตขึ้นทุกๆ ปี ทำให้ผลประกอบการของเราดี
อันที่สองเนื่องจากผมจบทางด้านวิศวกรรมไฟฟ้ามาในอดีต แล้วก็เคยมีองค์ความรู้มาตั้งแต่สมัยที่ผมเคยทำงานอยู่ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลบิกิมเเเเรงโกร ซึ่งปัจจุบันเขาก็ฉลอง 150 ปี ผมเป็นลูกศิษย์เขา เพราะฉะนั้นเนื่องจากผมจบวิศวกรรมไฟฟ้ามา ผมก็มีความรู้ทางด้านวิศวกรรมไฟฟ้า ก็ไม่อยากให้ความรู้นี้มันสูญหายไปไหน ก็เลยไปตั้งอีกธุรกิจหนึ่ง ในขณะที่จัดจําหน่ายสายสัญญาณเราได้ดี ก็อยากจะเรียกว่าทําให้ธุรกิจของเราเติบโตขึ้นไปเยอะขึ้น ก็ไปทําธุรกิจ Engineer โดยการเอาทีมงานวิศวกรที่เราทำทางด้านสายสัญญาณในการ Support มารับงานทางด้านการติดตั้งระบบสายสัญญาณบ้าง แล้วก็ก้าวไปถึงคือเราไปทํางานทางด้าน Infrastructure ทางด้านของ Electrical ก็เลยก่อให้เกิดอีกธุรกิจหนึ่ง คือเราเรียกว่าธุรกิจวิศวกรรม หรือที่เราเรียกว่า EPC ก็ว่าได้ เป็นการทําทางด้าน Energy Infrastructure ก็เห็นว่าผลประกอบการก็ดีคือทางซ้ายมือสีเหลือง แต่มาดูกําไร โอ้โฮ กําไรน่ากลัวมาก มีอยู่ 3-4 ปี ที่เราเรียกว่าประสบปัญหารุนแรง หลายๆ คนถามว่า ILINK เคยประสบปัญหาอะไรไหม? มีครับ มนุษย์มีดีก็มีไม่ดี แต่ว่าไอ้การไม่ดีแล้วเราแก้ปัญหาอย่างไร ก็ต้องเรียนว่าในช่วงประมาณปี 25 25 ประมาณ 2560 61 62 63 เราประสบปัญหาค่อนข้างเยอะ คือธุรกิจวิศวกรรมของเรามีรายได้แต่เราประสบปัญหาเรื่องการขาดทุน ก็เรียนว่าเราเรียนรู้จากสิ่งเหล่านี้มา เราก็ตั้งใจว่าเราจะปรับปรุงแก้ไข โดยจะเรียกว่ารักษาพอร์ชั่นของธุรกิจวิศวกรรมให้มันไม่มาก เวลาส่งผลกระทบ ก็คือไม่รุนแรง แต่ถ้าเกิดส่งผลดีแล้วทํากําไรดีๆ มันก็จะทําให้ ให้รายได้และกําไรมันชู้ตขึ้น ก็อันนี้เป็นการบริหารความเสี่ยงอย่างหนึ่ง
ธุรกิจที่ 3 ก็ต้องเรียนว่าผมโชคดีที่เรียกว่าได้ ได้ ได้ผู้สืบทอดธุรกิจที่ดี คือคุณ ณัฐนัย ที่เมื่อกี้นี้เมื่อชั่วโมงที่ผ่านมาเนี่ย ก็ได้พรีเซนต์ให้เห็นแล้วว่าธุรกิจโทรคมนาคมกับ Data Center เนี่ย ซึ่ง spin off ไปจากบริษัทแม่ ไปตั้งเป็น Interlink Telecom เนี่ยเขาก็มีการเติบโตมา จะสังเกตว่าตั้งแต่เราก่อตั้งมาปี 2556 เห็นไหม เริ่มต้นจาก 0 แล้วก็เชิดขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นกลุ่ม ILINK ถ้าใครจะเรียกว่าสนใจเข้ามาลงทุน หรือจะติดตามต้องเข้าใจเนเจอร์ของธุรกิจ ว่าเราประกอบด้วย 3 ธุรกิจหลักๆ คือ ธุรกิจแรก คือ จัดจำหน่ายสายสัญญาณซึ่งเป็น Digital infrastructure ขายดีทุกวัน ธุรกิจที่สองอาจจะมีความเสี่ยงขึ้นๆ ลงๆ เราก็รักษาพอร์ชั่นไว้ไม่ให้สูงมาก แต่ก็ไม่ได้ให้เตี้ยต่ำติดดิน โดยมีคอนเซ็ปต์ว่า ถ้าทํางานแล้วต่อไปต้องมีกําไร เราเรียกว่าธุรกิจ EPC และธุรกิจสุดท้ายคือโทรคมเข้าสู่ยุคสมัยและเรื่องของการสื่อสาร เรื่องของ Data Center ทำให้เราสามารถจะทําให้ 3 ธุรกิจ combine กันออกมาเป็นกราฟสีทอง เห็นไหมครับ จะเติบโตทั้งรายได้และกำไร สังเกตดูปีหลังๆ พอเราเรียนรู้จาก การขาดทุนมา เราก็ปรับตัวเยอะมาก ทำให้เส้นกำไรของเราในช่วง 2566-2567 และ 2565 กราฟกำไรเราเชิดขึ้นเป็นสโลปที่สูงมาก อันนี้คือสิ่งที่เราอยากจะนำเสนอ ILINK จากหัวใจ 5 ห้อง เราเรียนรู้อะไรมายังไง แล้วหลังจากนี้เราจะไปอย่างไร
ผมขออนุญาตนิดนึง คือหลายคนเข้ามาตรงนี้ก็อยากจะรู้ว่า ผลประกอบการ Q1 ไปในทิศทางที่อยากจะเป็นหรือไม่ ก็ผมเห็นภาพรวมก่อน ใน Q1 เราก็มีรายได้ประมาณ 1,700 กว่าล้าน เทียบกับปีที่แล้วมันลดลงไปนิดนึงหรือเปล่า เพราะปีที่แล้ว Q1 เรามีรายได้ 1,800 กว่าล้าน แล้วมาดูกำไร เอ๊ะทำไมกำไรมันลดลง? ปีนี้กำไร Q1 เรากำไร 111 ในปีที่แล้วกำไรอยู่ประมาณ 200 กว่าล้าน ก็ต้องเรียนว่าสัดส่วนของการ Combine ที่เมื่อกี้ผมให้เห็นกราฟ 3 สี เราต้องมาดูแต่ละสีว่ามันเกิดอะไรขึ้น จริงๆ แล้วถ้าดูกราฟตัวใหญ่อาจจะดูว่ามีปัญหา แต่จริงๆ แล้วไม่มีปัญหาครับ ดูลองดูกราฟสีฟ้าธุรกิจจัดจําหน่ายของเรา ยัง Maintain ในสิ่งที่เราต้องการอยู่ คือรายได้ยังยังอยู่ในเกณฑ์ที่ที่ มีการเรียกว่าสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ เพราะต้องเรียนว่าภาวะเศรษฐกิจปีนี้อาจจะดูแล้วไม่โตมาก ผลประกอบการของธุรกิจจัดจําหน่ายสายสัญญาณก็ออกมา แต่ตัวเลขของกําไรเรายัง Maintain อยู่ คือเรายังเติบโตทั้งรายได้และกําไรในธุรกิจจะจําหน่ายสายสัญญาณ ไม่มีอะไรผิดปกติเลย ที่ผิดปกติคือธุรกิจวิศวกรรม การที่เราบอกว่ามีความเสี่ยง เผอิญเราได้ปิดงานใหญ่ๆ ไปเกือบหมดแล้ว ที่มีอยู่ก็คืองานที่กําไรน้อย แล้วก็เผอิญตัว Q1 ก็แทบจะ ไม่รับรู้รายได้เลย ก็ออกมาทำนองนี้ จากกราฟคือรับรู้รายได้อยู่ 100 กว่าล้าน ส่วนของโทรคมถ้าใครได้ฟังแล้วก็จะเห็นว่า โอเค รายได้ของเขาใน Q1 ไปได้ กําไรไปได้ แล้วเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังว่าเขามี opportunity ยังไง ผม Manage ยังไงในเชิงของกลุ่ม
ธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ ในภาวะเศรษฐกิจของไทยเราก็ต้องยอมรับว่าเราก็จะเจออะไรหลายๆ อย่าง เศรษฐกิจปีนี้ก็จะมี factor ในภาพใหญ่ๆ ที่ดูเหมือนจะไม่เติบโต แต่ตรงกันข้าม เรื่องของเทคโนโลยีมันยังมีแนวโน้ม มีโอกาสที่จะเติบโต ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้เราพูดถึงเรื่อง AI ถ้าใครไม่เคยเข้า ไปดู ChatGPT ไม่เคยไปดูเรื่องของ AI ก็จะดูเชยๆ นิดนึง เพราะตอนนี้ต้องเรียนว่าโลกของ AI เริ่มเข้ามาสัมผัสแล้ว อันนี้จะเป็นตัว Industry Trend ที่จะผลักดันไป เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังตลอดว่าไอ้เทรนด์พวกนี้มันมีอะไรที่มาเกี่ยวข้องกับเรา แล้วจะผลักดันธุรกิจเรายังไง? อันที่ 2 ต้องเรียนว่าเทคโนโลยีมัน Advance ขึ้น เปรียบเทียบง่ายๆ กล้องวงจรปิดสมัยก่อนจับหน้าคนเก็บไว้ในฮาร์ดดิสก์ ปัจจุบันเก็บหน้าคนเค้าวิเคราะห์อีกว่าเราเป็นยังไง มีการเคลื่อนไหวไหม จะเข้ามาในบ้านเราไหม หรือตอนนี้ส่ง Database อันนี้ไปรีเช็คว่าท่านเคยไปมีประวัติอะไรยังไงที่ไหนอย่างไร คือโลกของเทคโนโลยี Advance ขึ้นมากด้วยโลกของ AI ด้วย เพราะฉะนั้นตัวเทคโนโลยีที่ Advance ขึ้นก็เป็นตัวขับเคลื่อนที่ทําให้ธุรกิจของการจัดจําหน่ายสายสัญญาณยังคงมีโอกาสเติบโต เรื่องที่ 3 ก็อย่างที่บอกโลกของกล้องวงจรปิด ปัจจุบันเหมือนกับมีตาอัจฉริยะที่ปรากฏอยู่ทั่วไป ตาเหล่านี้จําเป็นต้องซื้อสายสัญญาณไปติดตั้ง เพราะฉะนั้นก็เป็นโอกาส
ถัดมา คือ โลกของ AI Data Center ผมเพิ่งกลับจากไปดูงาน Computex ที่ประเทศไต้หวันแล้วไปประชุมร่วมกับ Link เห็นว่าตอนนี Data Center ทั้งหมดพูดถึงเรื่อง Data Center ที่จะมารองรับโลกของ AI ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ต้องเรียนว่า โอ้โฮ มโหฬารเลย แล้วก็ต้องเรียนว่ากลุ่มของ ILINK ทั้ง 3 ธุรกิจ ได้อานิสงส์จากการเกิด Hyperscale Data Center
เรื่องที่ 5 ปัจจุบัน ประเทศไทยพอดีเรามีสาย Solar ขายอยู่ ก็ต้องเรียนว่าเราก็ได้รับอานิสงส์จากไฟฟ้าแพง แล้วก็รัฐบาลสนับสนุนให้บ้านเรือนติดตั้งแผงโซลาร์ ต้องเรียนว่าประเทศอื่นๆ ติดตั้งทุกบ้าน แต่ประเทศไทยยังติดตั้งประมาณ 2-3% ลองจินตนาการว่า ถ้าเกิดเป็น 10% 20% 30% โอ้โห อินเตอร์ลิ้งค์นี่ขายสายมโหฬารเลย และสุดท้าย โลกของ Security และ Automation ที่เกิดขึ้นในโรงงานอุตสาหกรรม ในออฟฟิศที่สูงๆ มีการระบบเรียกว่า Control ระบบไฟฟ้า ระบบแอร์ ระบบทุกสิ่งทุกอย่างเป็นโลกของการ Automation รวมทั้งเรื่องของความปลอดภัย พอเรามีชีวิตที่ดีกว่าแล้วเนี่ย เราก็โหยหาความปลอดภัย ไม่ว่าเราเข้าไปเดินตึกถ้าเกิดไฟไหม้ มันต้องมีอารมณ์มีนู่นมีนี่ หรือตอนนี้อย่างคราวที่แล้วที่เกิดแผ่นดินไหวอย่างนี้ เราก็ไปพูดถึงว่าทำไมไม่มีระบบ Alert ให้เรารู้ อุตสาหกรรมเหล่านี้เป็นตัวเสริมทําให้ธุรกิจจัดจําหน่ายสายสัญญาณของเราเพิ่มขึ้น ผมก็เลยมองแต่ละ Area ว่าในสิ่งที่เกิดขึ้นเรามีโอกาสไหม? ในเรื่องของสาย แลนเคเบิล เป็นเรียกว่าเป็นสายสัญญาณที่เป็นพื้นฐานเลยที่ทุกคนต้องใช้ ไม่ว่าจะติดตั้งคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะติดตั้งวงจรปิดไม่ว่าจะอํานวยความสะดวกอะไร เป็นโลกของ IP เราก็มี New Product ที่เราออกมาก็คือตัว Catch A UTP ซึ่งจะมารองรับความเร็วที่สูงขึ้น ใครที่ไม่อยู่ในโลก Industry อาจจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ตัวนี้ที่ เราเพิ่งออกใหม่และเป็น Talk of The World เป็น Product ที่ดีที่สุดในการแข่งขัน เป็น Product ที่กําลังอยู่ในกระแส แล้วพอเราเริ่มต้นจ ะกินอานิสงส์ตรงนี้ได้ประมาณ 5-6 ปี หลังจากนี้ไป พอเศรษฐกิจไม่โต เราก็จําเป็นต้องออก New Product ที่เป็นตัวที่ จะมาเพิ่มรายได้ของเรา
ตัว UTP Catch A ตัวนี้ก็เป็นตัวนึง ที่เราเรียกว่าตระกูล Super S เนี่ยจะเป็นตัวมาเพิ่มรายได้เราในภาวะที่เศรษฐกิจไม่โต แต่ถ้าเกิดเศรษฐกิจโต ตัวนี้จะยิ่งโตอย่างที่เรียกว่าเป็น Exponential คือโตอย่างที่เรียกว่าแนวเชิดเลย ตัวที่ 2 คือ เรื่องของ Fiber Optic Cabling ทุกวันนี้พอระบบสายแลนด์เป็นระบบสายทองแดง ส่งสัญญาณได้แค่ 100 เมตร แต่ความต้องการของมนุษย์ก็มีความต้องการที่มากกว่า ต้องการความเร็วสูงมากๆ ต้องการความสะดวกสบาย เดี๋ยวนี้ ท่านดูหนัง ฟังเพลง ดูทีวี ไม่ได้ดูผ่าน Digital TV แล้ว เดี๋ยวนี้ดู Netflix, YouTube ดูนู่น นี่ นั่น อินเตอร์เน็ตไปอยู่ในตามบ้าน ในตามคอนโด ในตามโรงแรม ในทุกสิ่งทุกอย่าง เราก็มี Product ที่จะมารองรับ Fiber Optic to the room รวมทั้งเป็น Fiber Optic ที่อยู่ใน Data Center ที่เป็น Hyperscale ซึ่งมีการ Advance เทคโนโลยีที่สูงมาก ก็ต้องเรียนว่าในยามที่ Industry Tren มันเกิด ตัวของ ILINK เองก็มี Product ที่จะมาทําให้ธุรกิจเราเติบโตไป
ถัดไป คือเรื่องของ Solar เมื่อกี้เล่าให้ฟังแล้วว่าตอนนี้ติดตั้งในประเทศไทยตามบ้านเรือนต่างๆ ประมาณ 2% ถ้าเพิ่มขึ้นเป็น 5% 10% ก็ถือว่าเราก็ขายสายได้มโหฬารเลย เพราะต่างประเทศติดตั้งประมาณ 50% ของของครัวเรือน ตรงนี้ยังมีโอกาสอีกเยอะ ประเทศไทยก็ค่อยๆ ไป ก็เป็นโอกาสของเราที่ยังเติบโตต่อไป อีกเรื่องหนึ่ง คือ เรื่องของ Networking จะเป็นพวกอุปกรณ์ที่อยู่ใน Data Center หรืออยู่ในสํานักงาน อยู่ในโรงงาน อยู่ในโรงพยาบาล อยู่ในโรงเรียน ทุกสิ่งทุกอย่างเนี่ย ทุกวันนี้เรามีระบบอินเตอร์เน็ตภายใน แต่ว่าระบบอินเตอร์เน็ตภายในเราต้องสื่อสารในเชิงของรับเรื่องของอินเตอร์เน็ตจากภายนอก มีการสื่อสารไปกับภายนอก แล้วเผอิญเหลือเกินมี Module อยู่ตัวนึงที่เป็น Module ในเชิงของการสื่อสาร ซึ่งไปใช้กับอุปกรณ์ทุกๆ ยี่ห้อเลย เนื่องจากเราเนี่ยเป็นผู้นําเข้าและจัดจําหน่ายสายสัญญาณที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน เราก็เลยมีการผลิตอุปกรณ์ส่งสัญญาณที่สามารถไปใช้ได้กับอุปกรณ์ทุกยี่ห้อเลย เป็นตัวที่ จะมาเสริม ปัจจุบันตัวนี้เราเรียกว่าตัว Transceiver และปัญหาของพวกนี้ทุกๆ ยี่ห้อเนี่ยมี Transceiver ของตัวเอง แต่ Transceiver ของเขาเนี่ยมีปัญหา คือ 1 ใช้ได้เฉพาะกับตัวของตัวเองเท่านั้น ไปใช้ร่วมกับคนอื่นไม่ได้ 2 เวลาสั่งซื้อกว่าจะส่งของได้ต้องใช้เวลา 1-3 เดือน 3 ของเขาแพง เพราะฉะนั้น Link น่ะ ผลิตภัณฑ์ที่แบรนด์ที่เรานำเข้าตัวสื่อสาร เขาแก้ Pen Point ตรงนี้ เขามาตั้งคลินิกในประเทศไทย จะแก้ Pen Point ตัวนี้ ที่เราเรียกว่า Link Transceiver คลินิก สามารถมาแก้ปัญหา คือเราสามารถขาย Module Transceiver ให้ลูกค้า แล้วส่งของลูกค้าได้ภายใน 3 วัน ในราคาที่ถูกกว่า อันนี้ก็เป็นอันนึง แล้วเราของ เราเนี่ยสามารถจะเรียกว่าขายข้ามแบรนด์ได้ คือเราสามารถใช้ได้กับทุกแบรนด์เลย ตัวนี้ก็เป็นกระแสอันนึงที่ต่อไป Hyperscale ที่เข้ามาตัว Module Transceiver ก็จะเป็นอีกตัวหนึ่งที่เป็น opportunity
ใครอยากฟังละเอียด ผมจะมี Section ครึ่งวันที่พูดเรื่องตัวนี้ตัวเดียว แต่วันนี้ผมมาขายให้ดูก่อนว่าในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจเป็นแบบนี้ ILINK หรือกลุ่ม ILINK เรามีอะไรดีๆ ที่เป็นตัวมาเสริม Product ถัดไปอีกตัว คือ ตัว Rack นะ Rack system ซึ่งตัวของอุปกรณ์ส่งสัญญาณ อุปกรณ์สายสัญญาณทั้งหมด จะต้องอยู่ในตู้ Rack รวมทั้ง Hyperscale ที่มาตั้งเนี่ยจะต้องมีตัว Rack สําหรับใส่อุปกรณ์ ILINK เองในธุรกิจจัดจำหน่ายสัญญาณ เราก็มีตัว Rack ที่เรียกว่าขายดิบขายดีในประเทศไทยที่เราเรียกว่า 19 นิ้วเยอรมันนี Export Rack ปัจจุบันได้ออก New Product มาเพื่อจะรองรับตัว Hyperscale Data Center ที่เราเรียก New เยอรมันแล็ก ก็เป็นอีกโอกาสนึงที่จะเข้าไป ไปเพิ่มรายได้ให้ในยามที่ธุรกิจอาจจะมองว่าธุรกิจยังโตไม่เยอะ แต่ใน Industry ของของของเทคโนโลยีเนี่ยต้องเรียนว่ายังเป็นโอกาส สุดท้ายเลย อันนี้เป็นตลาดใหม่ คือ ตลาดสายควบคุม ตลาดสายความปลอดภัย ซึ่งแต่ก่อนทุกคนใช้อยู่แล้ว แต่ว่าผลิตภัณฑ์ที่เรานําเข้ามาเนี่ยยังไม่เคยขายเลย แต่ปัจจุบันนี้ ผลิตภัณฑ์เราเป็นที่ยอมรับ แบรนด์เรา แบรนด์ Link อเมริกัน cabling เป็นที่ยอมรับ เราก็เพิ่ม Line Product ในหมวด Security Control ขึ้นมา ก็เป็นโอกาสในการที่จะเพิ่มรายได้ เห็นไหมครับ เรา Analyze ให้เห็นว่าใน Marketing Strategy เราจะมี Product อะไรที่เพิ่ม จะมารองรับตัว Industry Trend ยังไง โดยคําตอบของเรา ก็คือในขณะที่ ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี เราก็มี New Product จะมาสร้างรายได้ เพื่อสร้างการเติบโตต่อไป แต่ถ้าเกิดเศรษฐกิจกลับมาดี เราจะเป็น Double ดี ก็จะโตมากๆ
เราถือแบรนด์ที่สําคัญอยู่ 2 แบรนด์ คือ Link American cabling ซึ่งเราเป็น authorized Exclusive distributor ของเอเชียเลย ไม่ใช่ขายเฉพาะในประเทศไทย แต่ปัจจุบันเราเน้นในประเทศไทยอยู่ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุดในประเทศไทย แล้วถ้าเราออก New Product ภายใต้แบรนด์ Link มาเป็น opportunity หมดเลย อีกอันนึงก็อย่างที่ผมเรียนแล้วคือ 19 นิ้วเยอรมัน Export Rack กราฟสีฟ้าคือสายแลนด์ กราฟสีทองหรือสีส้ม คือ Fiber Optic กราฟสีแดงคือ Solar ผมให้เห็นทั้งตัวรายได้และกําไร แล้วก็มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ปีนี้เราตั้งใจว่าเราจะขายสายสัญญาณในยามภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี แต่เรามี New Product ที่จะมาเพิ่มเยอะแยะ เราตั้งใจว่าเราจะเติบโตจากปีที่แล้วประมาณ 10% เราตั้งยอดไว้ว่าจะขายสักประมาณ 3,400 กว่าล้าน บน Profit คือทุกคนบอกว่ารายได้ดี ต้องมีกําไรนะ เพราะคุณเป็น Dividend Stock แน่นอนครับ เราตั้งใจว่าเราจะทำ Net Profit ให้ไม่น้อยกว่า 9% ซึ่งเราทําได้ดีมาโดยตลอด อย่างที่ผมฉายสไลด์แรกว่าเราเป็น Dividend Stock อีกธุรกิจนึงคือทางด้าน Turn Key Engineering ซึ่งผมเรียนว่าธุรกิจตัวนี้ เป็นธุรกิจที่มีความผันผวนสูงมาก บางทีก็มีงานบางทีก็ไม่มีงาน แต่ถามว่าเรามีความชํานาญยังไง? อย่างที่ผมเรียน ผมจบทางด้านวิศวกรรมไฟฟ้า เรามีความชํานาญทางด้านสาย Submarine cable เรามีความชํานาญทางด้านสาย Underground cable เรามีความชํานาญทางด้าน Transmission Line Project สายส่งไฟฟ้าแรงสูง เรามีความชํานาญทางด้านการสร้าง sub station ก็ต้องเรียนว่าเรามีความชํานาญ และคนอื่นก็มีความชํานาญ ตลาดนี้แข่งขันกันสูง แต่ต้องเรียนว่าตัว iPower หรือธุรกิจวิศวกรรม หรือ EPC ของ ILINK ก็ถือว่ามีความโดดเด่น เพราะว่าเราได้ทํางานโครงการขนาดใหญ่จนเป็นที่ประจักษ์ ทำให้หน่วยงานราชการเป็นที่ยอมรับ เรายังไม่ได้หลบไปทําเอกชนเลย เรายังทําอยู่ในหมวดของราชการ แล้วก็ปัจจุบันเราก็ไปเจอว่าเรามีความชํานาญสายเคเบิลใต้น้ำแรงสูงที่เก่งกว่าคนอื่นเลย เราคอนเซนเตรท ในขณะที่เราคอนเซนเตรทสายเคเบิลใต้น้ำที่เรามีความเก่งกว่าคนอื่น เรามีโอกาสมากกว่าคนอื่น เรามีพันธมิตรที่เรียกว่าเก่งกว่าคนอื่นในทั่วโลก แต่งานมีไม่เยอะ ในระหว่างที่เรารองาน เราก็ไปเก็บเรียกว่าไปเก็บรายได้จากธุรกิจนู้น ธุรกิจนี้ ก็เลยตั้งเอาไว้ในยอดว่าปีนี้เราตั้งเป้าเอาไว้ ปีนี้อาจจะเป็นปีที่เราลองานอยู่เยอะเหมือนกัน คือ เราตั้งเป้าเอาไว้แค่ปีละ 900 ล้าน แต่บนกำไรไม่น้อยกว่า 9% เราจะไม่รับงานแล้วมาสร้างผลขาดทุน ตอนนี้ Backlog เรามีอยู่ประมาณ 400 กว่าล้าน แล้วงานที่จะเข้ามางาน 100 200 ล้าน ปีนี้เราก็คิดว่าเราสามารถ Target ได้ 900 ล้าน บน Net Profit ที่ 9% แต่ยังมาไม่ถึงเวลา ยังมีไตรมาส 2 3 และ 4 ในขณะเดียวกันเรารออะไร? เรางานใหญ่ เรางานใหญ่ที่เราประมูลชนะไปแล้ว แต่ยังไม่ประกาศให้เรา เข้าเซ็นสัญญา เพราะว่ามีการฟ้องร้องมีการร้องเรียนกันมาเยอะเลย เราชนะงานของ Submarine cable ที่เกาะสมุยประมาณ 1,800 กว่าล้าน แข่งขันกันอยู่ 3 เจ้าแล้วเราชนะมาแล้ว เราว่าศาลตัดสินลงมาอย่างไร แล้วก็เปิดโอกาสให้หน่วยงานของภาครัฐเรียกเราไปเซ็นสัญญาได้ ปีนี้ ภายในปี 2568 เราคงได้มีเริ่มงานกัน เกาะสมุย 1,800 กว่าล้าน ชนะเเล้ว เราทําไปเเล้ว ในขณะเดียวกันก็ยังมีงานที่เรียกว่าเป็นงานที่ท้าทาย เกาะสมุยมีการท่องเที่ยวที่ดีมาก ไฟฟ้าไม่เคยพอ ในขณะที่รองานล่าช้าเนื่องจากการฟ้องร้อง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 1,800 กว่าล้านที่ ILINK ชนะเเล้ว แต่ยังไม่ประกาศให้เป็นผู้ชนะ เราก็เลยจําเป็นต้องมีงานเดินไฟฟ้าเพิ่ม เพราะตอนนี ไฟฟ้าในเกาะสมุยไม่พอ EGAT เองเขาก็จะมีโครงการในการป้อนสายแรงสูงๆ กว่าการไฟฟ้าภูมิภาคเข้าไป จะทําให้เกาะสมุยเป็นส่วนหนึ่งที่มี Infrastructure ทางด้านพลังงานไฟฟ้าที่แข็งแรง เพื่อจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทย เขาก็มีโครงการจะวางสายเคเบิลใต้น้ำไปเกาะสมุย ในขณะที่ความแรงดันสูงกว่าการไฟฟ้าภูมิภาค โครงการนี้ผ่าน ครม. ละ มีงบประมาณ 10,000 ล้านบาท ILINK มีศักยภาพไปทําตรงนี้ไหม? ต้องเรียนว่าในสาย Submarine cable เชื่อว่าในประเทศไทยเนี่ย ไม่มีใครเก่งกว่าเราอีกแล้วนะ ไม่ใช่คุยนะ ดูจากผลงาน เรายังมีพันธมิตรที่ดี เราติดตามเขาอยู่ ติดตาม EGAT ว่าจะออก TOR เมื่อไหร่ จะเปิดขายแบบเมื่อไหร่ ก็คิดว่าปีนี้คงเห็นภาพว่า EGAT เปิดประกวดราคา ILINK ตั้งใจเอาไว้ว่า First Step ขอให้เราเข้าได้ก่อน ขอให้เรามีความสามารถที่จะเข้าได้ ชัยชนะครั้งที่ 1 ส่วนได้งาน ไม่ได้งาน เดี๋ยวค่อยดู
เมื่อกี้เล่าเรื่องหัวใจให้ฟังแล้ว หัวใจห้องที่ 4 ที่บอก Interlink Number One ทําอะไรต้องทําให้ดีที่สุด เพราะฉะนั้นในงานประมูลของ EGAT หมื่นล้าน ผมมั่นใจว่าผมจะทําดีที่สุด ได้ ไม่ได้ เราถือว่าเราจะต้องทําอย่างดีที่สุด ถ้าได้มา ลองจินตนาการงานประมาณสักหมื่นล้าน อาจจะต้องหุ้นกับพันธมิตร อาจจะคนละครึ่ง เราก็รับงาน 5,000 ล้าน ในโอกาสที่เราทํางาน 3 ปี เพราะฉะนั้นรายได้ที่เราตั้งใจว่าเราจะมีรายได้ปีละ 1,000 ล้าน ผมว่าไม่ใช่เรื่องที่ที่ ไกลตัว ในขณะที่เรายังมีเกาะสมุยที่เราประมูลชนะไปแล้ว 1,800 ล้าน ผมก็มั่นใจว่าสิ่งที่ผมวางเอาไว้ ถ้ามันเกิดขึ้น 3-5 ปีข้างหน้า ตัวธุรกิจวิศวกรรมจะเดินไปได้อย่าง Smooth แต่สำคัญที่สุดต้องมีกำไร เราจะไม่รับงานเยอะๆ แล้วทำงานไม่มีกำไร เข็ดแล้วครับ ต้องบอกตรงๆ ในขณะเดียวกันเราก็ยังมีงานที่จุกจิก จุกจิก ที่จะเข้ามา แต่ก่อนงาน 100 200 ล้าน เราถือว่าเป็นงานใหญ่เรานะ แต่พอเราขึ้นสเกลไปประมูลงานเป็น 1,000 ล้าน จะไปขึ้นสเกลเป็นหมื่นล้าน มองงาน 100 กว่าล้านไป ก็คือมองเป็นงานเล็ก แต่จริงๆ เราไม่ได้แบ่ง คือทั้งเล็กทั้งใหญ่เราเอาหมด ถ้าเป็นงานที่เรามีประสบการณ์และชํานาญ ให้เรียนว่าใน Pipeline เราที่ทํางานอยู่ตอนนี้ ก็มีทํางาน sub station, Transmission Line, Submarine Cable Underground cable อยู่ อันนี้เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมก็เอาภาพมาให้ฉาย อาจจะไม่ลงรายละเอียด ถ้าใครอยากฟังผมละเอียด ลงเจาะลึกทุกๆ จุดเลย ผมเปิดโอกาสครับ ผมจะมีงานเรียกว่า Company Visit ท่านสนใจเจาะลึกลึกๆ เลย ท่านมาเถอะครับ ผมจะให้ข้อมูลละเอียดเลย
ถัดไป ธุรกิจหนึ่งคือ Interlink Telecom มีเสน่ห์ คือเขามีธุรกิจเรียกว่า Recurring รายได้ตลอดเวลา ซึ่งมาจากตัว Data Service, Data Center แล้วก็มาจาก เป็นธุรกิจใหม่ คือทางด้าน Health Tech และอีกอันนึงที่เขามีธุรกิจเรียกว่า Installation คือต่อยอดจากธุรกิจของ Data Service เขา คือ คนมาเช่าสายสัญญาณเขาแล้ว เราจําเป็นต้องเดินไปในตึก เดินไปใน Area บางอย่าง หรืออย่างงาน USO เรามีโครงข่ายใหญ่อยู่แล้ว แล้วรัฐบาลก็มีงบประมาณลงมาหลายพันล้าน ให้เดินไปตามบ้านของคนที่อยู่ชายขอบมั่ง ชายแดนมั่ง แล้วก็ต่อยอดจากธุรกิจที่เรามีโครงข่ายอยู่แล้ว ก็เดินไป เราเรียกงานพวกนี้ว่า Installation ถามว่าทุกคนทำได้ไหม? ทํายากถ้าไม่มีโครงข่ายอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการแข่งขันก็น้อยลง อันนี้คือธุรกิจของโทรคม ถามว่าเขามีศักยภาพแค่ไหน? ภายใต้การบริหารงานของคุณ ณัฐนัย ซึ่งเขาเป็นเด็กรุ่นใหม่ แล้วก็ไปเรียนหนังสือต่างประเทศมา องค์ความรู้เยอะ มาขับเคลื่อนธุรกิจโทรคม กับ Data Center ก็มั่นใจ ILINK Telecom ปีนี้ตั้งรายได้ 2,800 ล้าน ก็งานของเขาดีเลย์มาเยอะ แต่ต้องเห็นโอกาสของเขา ตอนนี้งานของเขา Pipeline ในฐานะที่เราเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ปัจจุบัน iTel เป็นบริษัทลูก เราไปถือหุ้นใหญ่ต้องเห็นโอกาสว่าเขามีโอกาสอะไร iPower ว่า เออเดี๋ยวเขาจะมีโอกาสที่ประมูลงาน submarine cable ขนาดใหญ่ แล้วก็จะประมูลมา แล้วมีกําไรสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ iTel เหมือนกัน ตอนนี้รอ Uso 3 ผ่านประสบการณ์ที่ว่าล้มลุกคลุกคลานจาก Uso 1, 2 แต่ยังกําไร แต่เก็บเงินช้า เป็นปัญหา เป็นชะงัก ติดหลังเขามา แต่ตอนนี้ทุกอย่างคลี่คลายหมดละ กำลังจะประมูล USO 3 เราเคยมี Data Center ไปลงหุ้นกับ Data Center ปัจจุบันถ้าเรามี Data Center จะขายได้เฉพาะ Data Center ของเรา ก็เรียนรู้มาว่า Data Center การจะขายธุรกิจเนี่ย จะเกิดประโยชน์แล้ว ก็ควรจะเป็นยังไง แทนที่จะขายของเขา คนเดียว ตอนนี้เขาก็เปลี่ยนตัวเองมาคือขายธุรกิจ Data Center ของ iTel ไป แล้วมีกําไรมาละ เรียนรู้ธุรกิจมาแล้ว ตอนนี้เขาผันตัวเองมาเป็น Cloud Cloud อะไร เขาเรียกว่า Cloud อะไรนะ Cloud Implementer คือเขาสามารถจะขายโซลูชั่นของ Data Center ให้ Hyperscale ที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยทั้งหมดได้ ก็จะเป็นโอกาสอย่างมโหฬาร Uso 3 กําลังจะมา งานของ Hyperscale Data Center เขาก็มีสิทธิ์จะไปขาย ขายเฉพาะของเราคนเดียว แล้วก็มีรายได้ประมาณปีนึง 100 200 ล้าน ตอนนี้ไปขายได้กับทุกที่เลย ซึ่งจะมีเข้ามามากมาย เเละการเข้าไปขาย และความที่เรามีประสบการณ์ตัวของ Data Center เนี่ยทำให้เขาสามารถจะเชื่อมต่อทุกๆ Data Center เข้าหากัน ด้วยโครงข่ายของเขา ผมไม่รู้ว่าเขาเคยพูดรึเปล่าว่า อันเนี้ยเป็นอานิสงส์อีกอันนึง เเละถ้าเกิดตัว Hyperscale Data Center หรือเป็น AI Hyperscale Data Center ที่จะเกิดขึ้น การเชื่อมต่อจะมโหฬาร เพราะฉะนั้นเขาจะได้ Transaction จากการวิ่งผ่านสายของเขา แล้วเขายังสามารถขายบริการที่ใน Data Center ซึ่งเขาไม่ได้เป็นเจ้าของ แต่เขาสามารถจะไปประสานงาน เพราะเขามีประสบการณ์ อันนี้ก็เป็น อีก opportunity หนึ่ง รวมทั้งตัวของ USO 3 เรียนไปแล้วว่าเราเคยเป็นเจ้า USO 1 2 แล้วเดี๋ยว USO 3 จะออกมา ก็เป็น opportunity เพราะโปรเจคพวกนี้ก็เป็นโปรเจคขนาดใหญ่ ออกมาทีนึง 4-5 พันล้าน แล้วก็กินยาวๆ คือหลังจากที่เปิดประมูลเสร็จ พอเราได้เนี่ยมันจะมีการ recurring เพราะว่าตัวสัญญาณทั้งหมดก็จะมาวิ่งในโครงข่ายของเรา เป็นการเก็บรายได้อย่าง Recurring ผมหันไปมองบริษัทลูกเนี่ย เขามี opportunity อยู่เยอะ ใครอยากจะฟังรายละเอียด เพราะเขายังมีสตอรี่อะไรเยอะแยะที่เขาไปทำ แล้วก็เป็นเรื่องของเทคโนโลยีทั้งนั้น เป็นกระแส ก็ติดต่อเขา หรือเข้าไปฟัง ในโอกาสที่เขามี Company Visit ก็จะเห็นว่า ใน 3 ธุรกิจของกลุ่ม ILINK ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจจัดจำหน่าย ยังไงก็โต เศรษฐกิจยังไง ด้วยการที่เราออก Product ใหม่ยังไงเราก็โต ธุรกิจวิศวกรรม ก็ต้องเรียนว่าทุกวันนี้ พองานมันมีการเข้ามาบ้าง ไม่เข้ามาบ้าง เพราะมันไม่แน่นอน เรายังมีความหวังงานใหญ่มากๆ เรียกงานอภิ อภิโปรเจค ซึ่งเราได้แช่ตัวเองเข้าไปแล้ว ชนะการประมูลไปแล้วอันนึง อีกอันนึงก็ถือว่า ถ้าเราเข้าไปแข่งได้ ก็ถือว่าเก่งแล้ว ระดับโลก เพราะว่าหมื่นล้านงาน Submarine cable ชาตินี้ ถ้า Interlink ได้มีโอกาสเข้าไปมูล ถือว่าเก่งแล้ว ถ้าเกิดประมูลได้ ท่านไม่ต้องจินตนาการเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น เป็นโอกาส ในขณะเดียวกันเราก็ยังเก็บกินอย่างทุกอย่างไป ILINK Telecom ก็อย่างที่ผมเรียน ที่ผมหยิบมาให้ 2-3 เรื่อง เป็น opportunity รวมกันก็จะเห็นกราฟสีทองอย่างที่ผมเล่าให้ฟังเเล้ว อันนี้เป็น target เราตั้งไว้ ธุรกิจจัดจำหน่ายสีฟ้า 3,400 ล้าน ธุรกิจ iPower 900 ล้าน ธุรกิจ iTel 2,800 ล้าน ก็จะทำให้เรามีรายได้ 7,120 ล้าน ในปี 2565 อย่างไรก็ตาม ILINK จะไม่มุ่งเน้นในที่จะมีเฉพาะรายได้ เราเน้นกำไร เพราะเราเป็น Dividend Stock เราถึงขนาดคุยกันว่า ถ้าเราไม่มีรายได้ หรือเรามีรายได้ แต่ไม่มีกำไร ยอมไม่มีรายได้ ดีกว่า เพราะเราต้องการกำไร แต่ผมมั่นใจครับ ในฐานะที่ผมเป็นประธานของกลุ่ม ว่าเราเดินได้ในตัวเลขนี้ ท้ายที่สุดอย่างที่บอกว่า Dr.ชลิดา เนี่ยก็ทุ่มเทที่จะทำ ESG ทำ ESG ก็ต้องขอบคุณ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปีนี้จัดเกรดให้เราว่าอยู่ในกลุ่ม Technology เป็นระดับ A ทำให้หุ้น ESG เนี่ยสามารถลงทุนใน ILINK และ iTel ได้ อันนี้ก็อย่าลืมนะครับ อยากรู้ละเอียดมา Company Visit 17-18 เดี๋ยวคอยติดตาม พอเปิดปุ๊บเรียกว่าเต็มทันทีเหมือนกัน เราเปิด 2 วันก็เต็มทั้ง 2 วัน ขอบคุณครับ
ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [นาทีที่ 50:52]
คำถามที่ 1: บริษัทมีความกังวลใน 1-3 ปี มีแผนรับมืออย่างไรบ้าง * ตอบ: เรียนว่าผมก็แชร์ประสบการณ์กับผมมาเยอะมากๆ ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ทุกวันนี้เจออุปสรรคเยอะ เรามีทางแก้ไว้ มีการเตรียมการไว้ คำถามที่ 2: บริษัทให้ความสำคัญกับสิ่งใดมากที่สุด * ตอบ: ให้ความสําคัญกับสิ่งที่สัญญากับนักลงทุน คือเติบโตต่อเนื่องและยั่งยืน คำถามที่ 3: สอบถามตัวเลขของ ROIC เปรียบเทียบกับ WACC * ตอบ: ตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน การตอบแทนของผู้ถือหุ้น สิ้นปี ROIC 6.15 WACC 5.53 ROIC สูงกว่า WACC บริษัทสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนที่ลงทุนได้สูงกว่าต้นทุน ในเชิงของตลาดหลักทรัพย์ **สรุป:**ILINK มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนและต่อเนื่อง โดยมีหัวใจ 5 ห้องเป็นหลักยึดในการดำเนินธุรกิจ มีการปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจ และให้ความสำคัญกับการสร้างผลกำไรเพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับ ESG และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต