TFG โชว์ผลงาน Q1/2568 สุดปัง! โอกาสเติบโตสูง พร้อมขยายสาขา Fresh Market สู่ 600 แห่ง

P/E 3.78 YIELD 6.42 ราคา 4.66 (0.00%)

TFG โชว์ผลงาน Q1/2568 สุดปัง! โอกาสเติบโตสูง พร้อมขยายสาขา Fresh Market สู่ 600 แห่ง

บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG จัดงาน Opportunity Day นำเสนอข้อมูลผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 และแนวโน้มธุรกิจในอนาคต โดยมีผู้บริหารระดับสูงร่วมให้ข้อมูล ได้แก่ คุณเพชร นันทวิสัย (ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ), คุณศิริลักษณ์ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ (ประธานเจ้าหน้าที่บัญชีและการเงิน), คุณสุกัลย์ ธรรมผล (ผู้บริหารส่วนงานธุรกิจไก่), และคุณภูชงค์ พรหมชาติ (ผู้บริหารส่วนงานสุกร)

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

  • ธุรกิจหลักของ TFG คือ ธุรกิจครบวงจรด้านไก่และสุกร มีโรงงานอาหารสัตว์และช่องทางการจัดจำหน่ายเป็นของตนเอง
  • เป็นผู้ผลิตอันดับ 3 ในส่วนของไก่, สุกร, และอาหารสัตว์ในประเทศไทย และเป็นอันดับ 3 ของธุรกิจสุกรในประเทศเวียดนาม
  • รายได้รวมใน Q1/2568 อยู่ที่ 18,000 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 45,000 ล้านบาท
  • มีระบบจัดการฟาร์มที่แข็งแกร่ง เป็นระบบ EVAP 100% หรือระบบปิด ทั้งในส่วนของฟาร์มของตนเองและ Contact Farming
  • สินค้ามีคุณภาพสูง (High Quality) ได้มาตรฐานในระดับการส่งออก

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

  • ธุรกิจค้าปลีก (Retail Shop): มีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง และมีสินค้าของกลุ่ม TFG เองถึง 70-80%
  • การเติบโตในเวียดนาม: ตลาดสุกรในเวียดนามยังคงมีศักยภาพในการเติบโต ทั้งในด้านราคาและปริมาณ
  • การส่งออกไก่: มีโอกาสในการขยายตลาดส่งออก โดยเฉพาะในยุโรปและจีน

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

  • ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ภายนอก (External Factors): เช่น Trade War, ภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics), และการเมืองภายในประเทศ
  • การแข่งขัน: การแข่งขันในตลาดไก่และสุกรที่สูงขึ้น
  • ความเสี่ยงด้านการเงิน (Financial Risks): ต้องมีการบริหารจัดการอย่างรอบคอบ

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

  • ลดความเสี่ยงทางการเงิน (Financial Risks): โดยการลดหนี้สินและบริหารจัดการกระแสเงินสด
  • ขยายธุรกิจไปยัง Sector ที่มีความแน่นอนมากขึ้น: เช่น ธุรกิจค้าปลีกและอาหาร (Food)
  • ปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานภายใน (Internal Efficiency): เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มกำไร

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

  • TFG ตั้งเป้าเติบโตของรายได้ 15% ในปี 2568 โดยมีเป้าหมายยอดขายใกล้เคียง 75,000 ล้านบาท
  • GP ใน Q1/2568 ดีขึ้นมาก และน่าจะใช้เป็น Guideline ในการประมาณการกำไรในปีนี้ได้
  • วางแผนงบลงทุน 2,500-3,000 ล้านบาท โดยเน้นลงทุนใน Retail Shop
  • คาดว่าจะมีสาขา Thai Foods Fresh Market ถึง 600 สาขาภายในปีนี้ และมีเป้าหมายขยายถึง 1,000 สาขาภายใน 5 ปี
  • คาดการณ์ Same Store Sales Growth ที่ 15% ในปี 2568

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 43.00 ]

  1. เป้าหมายการเติบโตของยอดขายและ GP Margin ปี 2568 และงบลงทุนในการขยายสาขา
    • ผู้ถาม: ขอ Guideline การเติบโตยอดขายและ GP Margin ของ TFG ในปี 2568 และคาดว่าจะใช้งบลงทุนสำหรับการขยายต่อสาขาประมาณเท่าไหร่
    • คุณเพชร นันทวิสัย:
      • ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ขั้นต่ำ 10%
      • จากผลประกอบการ Q1 และแนวโน้ม Q2 คาดว่าจะขยับเป้าเป็น 15%
      • ยอดขายปีนี้น่าจะแตะใกล้ 75,000 ล้านบาท (จาก 65,000 ล้านบาทในปีที่แล้ว)
      • GP Margin ดีขึ้นเมื่อเทียบกับ Q1 ปีก่อนและ Q4 และสามารถใช้เป็น Guideline ในการประมาณการกำไรปีนี้ได้
      • งบลงทุนประมาณ 2,500 - 3,000 ล้านบาท เน้นลงทุนที่ Retail Shop
  2. จำนวนสาขา Thai Foods Fresh Market ที่คาดว่าจะเปิดและขนาดของสาขา
    • ผู้ถาม: สาขาของ Thai Foods Fresh Market ทั้งปีคาดว่าจะเปิดกี่สาขาและขนาดประมาณเท่าไหร่
    • คุณสุกัลย์ ธรรมผล:
      • Target อยู่ที่ 600 Shop
      • อยู่ใน Pipeline ที่มีพื้นที่เรียบร้อย
  3. Same Store Sales Growth ทั้งปี 2568
    • ผู้ถาม: Same Store Sales Growth ทั้งปี 2568 คาดว่าจะเป็นประมาณเท่าไหร่
    • คุณสุกัลย์ ธรรมผล:
      • ประเมินไว้ที่ประมาณ 15%
  4. ความกังวลในช่วง 1-3 ปี และแผนรับมือ
    • ผู้ถาม: บริษัทมีความกังวลใดๆ ใน 1-3 ปีหรือไม่ และมีแผนรับมืออย่างไร
    • คุณเพชร นันทวิสัย:
      • External Factors ค่อนข้างมีความไม่แน่นอนสูง (Trade War, Geopolitics, การเมืองในประเทศ)
      • พยายามจัดการในส่วนของ Internal Factors และ Strategy ของตนเอง
      • ลด Financial Risks
      • เข้าสู่ Sector ที่เป็น Retail หรือ Food มากขึ้น เพื่อให้มีความแน่นอนในการทำกำไรมากขึ้น
  5. สิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญมากที่สุดในการดำเนินธุรกิจ
    • ผู้ถาม: บริษัทให้ความสำคัญกับสิ่งใดมากที่สุดในการดำเนินธุรกิจ
    • คุณเพชร นันทวิสัย:
      • เน้นผลตอบแทนที่ให้กับผู้ถือหุ้นเป็นหลัก
      • ลูกค้าหรือ Stakeholder อื่นๆ ต้องอยู่ใน Mutual Benefit (Win-Win Situation)
      • พนักงานต้องอยู่ในสภาพการทำงานที่ดี ได้รายได้ที่เหมาะสม และมีการประเมินผลที่เหมาะสม
      • เปลี่ยนจาก Production Driven Company เป็น Market Driven มากขึ้น
      • เข้าสู่ธุรกิจ Retail หรือ Food มากขึ้น มีการส่งออกมากขึ้น มี Value Added มากขึ้น เพื่อให้การเติบโตเป็นไปอย่างยั่งยืน
  6. ตัวเลข Return on Investment Capital (ROIC) เทียบกับ Weighted Average Cost of Capital (WACC)
    • ผู้ถาม: ขอสอบถามตัวเลข Return on Investment Capital เทียบกับ WACC
    • คุณศิริลักษณ์ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์:
      • ROIC ของบริษัทปีนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 20%
      • WACC ของบริษัทน่าจะอยู่ที่ประมาณ 6-7%
      • น่าจะ Maintain ตรงนี้ไปเรื่อยๆ
  7. แนวโน้มเรื่องไข้หวัดนก
    • ผู้ถาม: อยากชวนทางพี่เพชรแชร์ข้อมูลในส่วนของเทรนด์ แนวโน้ม หรือทิศทางเรื่องไข้หวัดนก
    • คุณเพชร นันทวิสัย:
      • เน้นไปเรื่องการตลาดมากขึ้น และเป็น Market Driven มากขึ้น
      • การเติบโตของ Thai Foods Fresh Market หรือร้าน Retail Store
      • Other Income (Rebate, ค่าเช่า, ค่าโฆษณา) ตั้งเป้า 300 ล้านบาท
      • การส่งออก ค่อนข้างมั่นใจว่าจะทำ Record High
  8. ขยายความ Rebate ของธุรกิจ Fresh Market
    • ผู้ถาม: ฝากทางพี่เพชรขยายความรีเบตของธุรกิจ Fresh Market หมายถึงอย่างไรบ้าง
    • คุณเพชร นันทวิสัย:
      • ในอดีตเริ่มจากขายหมูขายไก่ของตนเอง แต่ปัจจุบันสัดส่วน Non-TFG มี 25% ของรายได้ Thai Foods Fresh Market
      • Dry Grocery ปีนี้มียอดซื้อขายเกือบ 8,000 ล้านบาท
      • Volume Discount ได้แน่นอน หากถึงเป้า
      • Push DC Charge หรือค่า Logistics บางส่วน (จัดการได้ดีกว่า Vendor)
      • Social Media หรือ Shelf ต่างๆ, การซื้อ Shelf, การทำ Co-Promotion
  9. คาดการณ์การเติบโตที่เวียดนามปี 2568-2569 และการแข่งขัน
    • ผู้ถาม: คาดการณ์การเติบโตที่เวียดนามค่ะ ปี 2568 - 2569 เป็นอย่างไรบ้าง และการแข่งขันที่เวียดนามเป็นอย่างไรค่ะ
    • คุณภูชงค์ พรหมชาติ:
      • ขายหมูปีที่แล้ว 900,000 ตัว ปีนี้น่าจะจบ 1,400,000 ตัว ปีหน้าน่าจะ 1,700,000 ตัว
      • ธุรกิจหมูที่เวียดนามไม่ได้โตมากเหมือนก่อน (30-40%) จะยืนให้ได้ 10% ต่อปี
      • ราคาขายที่เวียดนามยังยืนสูง (70,000 ดอง)
      • ฟาร์มในเขตชุมชนทยอยโดนปิด (Ho Chi Minh)
      • ราคาจะยังยืนดีช่วง Q3-Q4
      • กำลังมองธุรกิจอื่นเข้ามา Manage เรื่องของตัว Risk ในอนาคต (ธุรกิจไก่)
  10. ผลกระทบจากทรัมป์ทั้งทางบวกและทางลบ
    • ผู้ถาม: บริษัทคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากทรัมป์ในด้านประเด็นด้านใดบ้าง ขอ ขอทั้งทางบวกและทางลบค่ะ
    • คุณเพชร นันทวิสัย:
      • (ลบ) Push สินค้าที่เป็นโปรตีน (เนื้อหมู, เนื้อวัว, เครื่องใน) มาไทย
      • (ติดประเด็นเรื่องความปลอดภัยทางด้านอาหารของสินค้าที่มาจากสหรัฐอเมริกา)
      • (บวก) นำเข้าข้าวโพด, นำเข้ากากถั่วเหลือง ทำให้ต้นทุนการผลิตปศุสัตว์ดีขึ้น
      • (ส่งผลบวกในแง่ของ PM2.5, การแข่งขันในตลาดส่งออกของไก่)

โดยสรุป, TFG มีผลประกอบการที่แข็งแกร่งใน Q1/2568 และมีโอกาสในการเติบโตอีกมากในอนาคต โดยเฉพาะในธุรกิจค้าปลีกและตลาดต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม, บริษัทยังคงต้องเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายต่างๆ ซึ่งต้องมีการบริหารจัดการอย่างรอบคอบเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้

โพสต์ล่าสุด