บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
COCOCO Opportunity Day Q1/2568 : ฝ่าวิกฤตเอลนีโญ มุ่งสู่การเติบโตที่ยั่งยืน
P/E 25.16 YIELD 5.94 ราคา 5.05 (0.00%)
COCOCO Opportunity Day Q1/2568 : ฝ่าวิกฤตเอลนีโญ มุ่งสู่การเติบโตที่ยั่งยืน
สรุป Opportunity Day ไตรมาส 1 ปี 2568 ของบริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้:
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2568 COCOCO ได้รับผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบ โดยมีปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบดังนี้:
- **ยอดขายรวม (Total Revenue):** อยู่ที่ 1,551 ล้านบาท ลดลง 11.71% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (Q on Q) แต่เพิ่มขึ้น 10.94% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว (Year on Year)
- **รายได้จากการขายและบริการ (Revenue from Sales and Service):** อยู่ที่ 1,532 ล้านบาท ลดลง 11.26% (Q on Q) แต่เพิ่มขึ้น 11.58% (Year on Year)
- **อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin):** อยู่ที่ 18% เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 0.4 จุด (Q on Q) แต่ลดลง 8.67 จุด (Year on Year)
- **กำไรสุทธิ (Net Profit):** อยู่ที่ 65 ล้านบาท ลดลง 22.51% (Q on Q) และลดลง 68.15% (Year on Year)
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบเชิงลบคือต้นทุนวัตถุดิบมะพร้าวที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Niño) ทำให้เกิดภัยแล้งและผลผลิตมะพร้าวลดลง นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยด้านฤดูกาล (Low Season) ที่ส่งผลให้ยอดขายในไตรมาส 1 ลดลงเป็นปกติ
ในส่วนของปัจจัยเชิงบวก COCOCO ยังคงสามารถบริหารจัดการต้นทุนวัสดุและกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวที่ยังคงรักษาระดับ Gross Profit (GP) ให้อยู่ในเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ได้ นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ (Pet Food) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์น้องใหม่ของบริษัท ก็ยังคงมียอดขายเพิ่มขึ้นทุกปีและมีระดับ GP ที่อยู่ในเกณฑ์ดี
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
COCOCO มองเห็นโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญในหลายด้าน:
- **การขยายตลาดต่างประเทศ:** โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย (จีน, เกาหลี) และตะวันออกกลาง (UAE) ซึ่งมีความต้องการผลิตภัณฑ์มะพร้าวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- **การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ (New S-Curve):** เช่น น้ำมะพร้าว PET, น้ำมะพร้าวผสมวุ้นมะพร้าว, โยเกิร์ตมะพร้าว, และทองม้วน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย
- **การเติบโตของธุรกิจอาหารสัตว์ (Pet Food):** โดยมุ่งเน้นการขยายช่องทางการจำหน่ายผ่าน Pet Shop และ E-commerce ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
- **การลงทุนในต่างประเทศ:** โดยเฉพาะการตั้งโรงงานในฟิลิปปินส์ เพื่อลดต้นทุนวัตถุดิบและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
COCOCO ตระหนักถึงความเสี่ยงและความท้าทายที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ:
- **ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ:** โดยเฉพาะมะพร้าว ซึ่งได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศและปัจจัยภายนอกอื่นๆ
- **การแข่งขันที่รุนแรง:** ทั้งจากผู้ผลิตรายใหญ่และรายใหม่ ที่เข้ามาในตลาดผลิตภัณฑ์มะพร้าว
- **ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบและการค้า:** เช่น การเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษีและการกีดกันทางการค้า
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
COCOCO มีแผนการดำเนินการและกลยุทธ์ในการแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ:
- **การบริหารจัดการต้นทุน:** โดยการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต, การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย, และการจัดหาวัตถุดิบจากแหล่งที่หลากหลาย
- **การสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง:** โดยการทำการตลาดและสร้าง Brand Awareness ในตลาดเป้าหมาย, การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและแตกต่าง, และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
- **การกระจายความเสี่ยง:** โดยการขยายตลาดไปยังภูมิภาคต่างๆ, การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย, และการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
COCOCO มีวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำในตลาดผลิตภัณฑ์มะพร้าวระดับโลก โดยมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว บริษัทมีแผนที่จะลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ และนวัตกรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในอนาคต
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 47:53]
* **ภาษีของอเมริกาที่เพิ่มขึ้น:** * **คำถาม:** ภาษีของอเมริกาที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 10% ส่งผลให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้นในอเมริกาหรือไม่ และมีผลต่อกำลังซื้อน้ำมะพร้าวในอเมริกาลดลงหรือไม่ * **คำตอบ:** ในไตรมาส 2 ยังมีออเดอร์เรียกเข้ามาปกติ และอยู่ในขั้นตอนการเจรจา คาดว่าแนวโน้มจะกลับมาแค่ 10% ผู้ซื้อยังคงมีออเดอร์มาอย่างต่อเนื่อง เพราะใกล้ฤดูกาลขายแล้ว * **การส่งสินค้าไปอเมริกาเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี:** * **คำถาม:** หากต้องการส่งสินค้าไปยังอเมริกาเพื่อไม่ให้กระทบกับ Tariff ในวันที่ 9 กรกฎาคม จะต้องส่งออกในช่วงใด และแนวโน้มการส่งสินค้าไปอเมริกาจนถึงไตรมาส 3 เป็นอย่างไร * **คำตอบ:** ผู้นำเข้าเร่งให้ส่งมอบสินค้าอย่างต่อเนื่อง เพราะเกรงว่าจะโดนภาษีตอบโต้ ทำให้บริษัทต้องผลิตอย่างเร่งด่วน * **สาเหตุที่ยอดขาย Q on Q ลดลง:** * **คำถาม:** สาเหตุที่ Q on Q ลดลงคืออะไร และเป็นปัจจัยชั่วคราวหรือไม่ หรือมีแนวโน้มต่อเนื่อง * **คำตอบ:** Q1 เป็นช่วง Low Season เป็นเรื่องปกติที่ออเดอร์จะลดลง แต่เมื่อเทียบกับปีที่แล้วยังสูงขึ้น การลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 เป็นเพราะฤดูกาล และประเทศจีนหยุดยาวในช่วงตรุษจีน ทำให้ออเดอร์ลดลง แต่ก็ยังเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว * **GP ของผลิตภัณฑ์กะทิจะฟื้นตัวในไตรมาสใด:** * **คำถาม:** GP ของผลิตภัณฑ์กะทิจะเริ่มฟื้นตัวในไตรมาสใด * **คำตอบ:** เอลนีโญทำให้เกิดปัญหาต้นทุนวัตถุดิบสูง แต่บริษัทได้ไล่ปรับราคากับลูกค้าแล้ว คาดว่าในไตรมาส 2 GP จะสูงขึ้น * **ปรากฏการณ์เอลนีโญในประเทศไทย:** * **คำถาม:** ในประเทศไทยช่วงไตรมาส 1 ไม่น่าจะมีเอลนีโญ ช่วยอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับภัยแล้ง * **คำตอบ:** เอลนีโญเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยคาดว่าจะกระทบแค่กลางปี แต่มีการลากยาวของการขาดแคลนวัตถุดิบ ทำให้ไตรมาส 1 ประสบปัญหา บริษัทต้องซื้อของราคาแพงเข้ามาเพราะออเดอร์ไม่ลด ช่วงต้นปีจึงขาดแคลนวัตถุดิบ แต่มีการปรับราคาลูกค้าไปแล้ว ทำให้ GP ดีขึ้น * **แผนการขายสินค้าเข้าซูเปอร์มาร์เก็ตในอเมริกาและจีน:** * **คำถาม:** มีแผนการขายสินค้าเข้าซูเปอร์มาร์เก็ตในอเมริกาหรือจีนเพิ่มเติมหรือไม่ * **คำตอบ:** ในอเมริกามีเพิ่มเติมใน Albertsons และ Kroger ส่วนในจีน ตอนนี้หยุดรับออเดอร์เพราะออเดอร์เยอะมาก * **จำนวนประเทศที่ส่งออกเพิ่มขึ้น:** * **คำถาม:** ปีนี้และปีถัดไป คาดว่าจะมีจำนวนประเทศที่ส่งออกไปเพิ่มขึ้นประมาณกี่ประเทศ * **คำตอบ:** ปัจจุบันมี 100 กว่าประเทศแล้ว ประเทศสำคัญ ๆ ค่อนข้างเพียงพอ ตอนนี้กำลังเจาะลึกในแต่ละซูเปอร์มาร์เก็ตและประเทศ และมีช่องทางจัดจำหน่ายมากขึ้น * **ความคืบหน้าของโรงงานฟิลิปปินส์:** * **คำถาม:** ความคืบหน้าของโรงงานฟิลิปปินส์ที่เข้าไปลงทุนถึงขั้นตอนไหนแล้ว * **คำตอบ:** ได้เซ็น MOU กับทางนิคมอุตสาหกรรมแล้ว จัดตั้งบริษัทเรียบร้อย กำลังเซ็นสัญญาในการเริ่มก่อสร้าง มีการไปสำรวจวัตถุดิบต่าง ๆ และซัพพลายเออร์ * **ประโยชน์ของการสร้างโรงงานที่ฟิลิปปินส์:** * **คำถาม:** การสร้างโรงงานที่ฟิลิปปินส์มีประโยชน์ด้านใดบ้าง * **คำตอบ:** ฟิลิปปินส์มีมะพร้าวมากกว่าไทย 20 เท่า ทำให้วัตถุดิบถูกกว่าไทย 1 ใน 3 มีปริมาณเหลือเฟือ และมีการยกเว้นภาษีจากทางยุโรป และการเก็บภาษีตอบโต้ของสหรัฐอเมริกาก็น้อยกว่า * **ต้นทุนแรงงานในฟิลิปปินส์:** * **คำถาม:** ต้นทุนแรงงานที่ฟิลิปปินส์เป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับไทย * **คำตอบ:** ต้นทุนแรงงานที่ฟิลิปปินส์ประมาณ 300 บาท ถูกกว่าของไทยที่เกือบ 400 บาท * **ระบบการขนส่งในฟิลิปปินส์:** * **คำถาม:** ระบบการขนส่งหรือเรือที่ขนส่งไปยังลูกค้าของ COCOCO ในฟิลิปปินส์เป็นอย่างไร * **คำตอบ:** ที่ตั้งโรงงานห่างจากท่าเรือแค่ 1 กิโลเมตร มีเรือไปทั้งอเมริกา ยุโรป และเอเชีย ราคาใกล้เคียงกันมาก * **เป้าหมาย Net Profit Margin ของโรงงานกะทิในฟิลิปปินส์:** * **คำถาม:** เมื่อเปิดดำเนินการโรงงานกะทิที่ฟิลิปปินส์แล้ว ตั้งเป้า Net Profit Margin ไว้ประมาณเท่าไหร่ และคาดว่าจะเปิดดำเนินการเมื่อไหร่ * **คำตอบ:** จะเปิดดำเนินการประมาณต้นปี คาดว่าจะเปิดได้ในไตรมาส 1 ส่วน Net Profit Margin ประมาณ 30% * **เหตุผลที่เลือกลงทุนในฟิลิปปินส์แทนอินโดนีเซียหรือเวียดนาม:** * **คำถาม:** ทำไมถึงไปลงทุนที่ฟิลิปปินส์ แทนที่จะเลือกลงทุนที่อินโดนีเซียหรือเวียดนาม * **คำตอบ:** ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่เหมาะสมที่สุด เวียดนามมีมะพร้าวเท่าไทยคือ 2 ล้านลูก ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับฟิลิปปินส์ และฟิลิปปินส์ไม่สามารถส่งมะพร้าวลูกออกนอกประเทศได้ * **แนวโน้มการขยายตลาดอาหารสัตว์แบรนด์ Moochie:** * **คำถาม:** อาหารสัตว์มีแนวโน้มที่จะขยายตลาดแบรนด์ Moochie ไปยังประเทศอื่น ๆ เพิ่มเติมไหม * **คำตอบ:** ปีหน้าจะมีอีกประมาณ 3-4 ประเทศที่กำลังตั้งเป้าอยู่ ปัจจุบันมี 26 ประเทศแล้ว และได้รับการตอบรับค่อนข้างดี * **แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจอาหารสัตว์ปี 2568:** * **คำถาม:** แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจอาหารสัตว์ปี 2568 เป็นอย่างไรบ้าง หลัง Q1 ทำได้ดี * **คำตอบ:** ปีที่แล้วโตถึง 92% ปีนี้ตั้งเป้าอย่างน้อย 60-70% คาดว่าจะแตะใกล้ ๆ พันล้านบาท * **สถานการณ์ต้นทุนมะพร้าวราคาแพง:** * **คำถาม:** ดร. เคยเผชิญสถานการณ์ต้นทุนมะพร้าวราคาสูงเช่นนี้มาก่อนหรือไม่ * **คำตอบ:** เคยเจอมาแล้วอย่างน้อย 4-5 หน คือ 5 ปีเกิด 1 หน ซึ่งเป็น Cycle ของเอลนีโญลานินญา แต่ปีนี้เป็นปีที่ค่อนข้างลากยาว ทำให้บริษัทต้องปรับตัวอย่างมาก * **สต็อกวัตถุดิบที่มีอยู่:** * **คำถาม:** สต็อกวัตถุดิบที่มีอยู่ สามารถรองรับได้ถึงช่วงไหนของปี * **คำตอบ:** ตอนนี้ยังสต็อกอยู่ รองรับได้ประมาณไตรมาส 2 เชื่อมไตรมาส 3 * **แผนการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายอาหารแช่แข็ง:** * **คำถาม:** บริษัทมีแผนขยายช่องทางการจัดจำหน่ายอาหารแช่แข็งไปยังประเทศอื่น ๆ หรือตลาดใดเพิ่มเติมในปีนี้ไหม * **คำตอบ:** มีไปอเมริกา ไปยุโรป 2-3 ประเทศ ในเอเชีย และในออสเตรเลีย คาดว่าจะขยายได้อีกหลายประเทศ * **ยอดขาย Thai Premium Food ที่เปิดตัว:** * **คำถาม:** Thai Premium Food ที่เปิดตัว คาดว่าจะมี ยอดขายประมาณเดือนไหน * **คำตอบ:** เดือนหน้าจะมีการส่งมอบแล้ว * **การสต็อกวัตถุดิบล่วงหน้า:** * **คำถาม:** มีการสต็อกวัตถุดิบในส่วนของมะพร้าว เนื้อมะพร้าวล่วงหน้ากี่เดือน * **คำตอบ:** สต็อกไว้ล่วงหน้าประมาณ 6 เดือน แต่สถานการณ์ค่อนข้างทำให้มันลากยาวไป ค่อนข้างจะไม่ค่อยเพียงพอ ต้องเริ่มสต็อกใหม่เข้ามาโดยสรุปแล้ว COCOCO ยังคงมุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน โดยการบริหารจัดการความเสี่ยง, การคว้าโอกาสทางธุรกิจ, และการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป บริษัทเชื่อมั่นว่าจะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคต