บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
ASP อนาคตสดใส! สรุป Oppday เอเซีย พลัส ปี 2568 โอกาสและความท้าทายในตลาดทุนผันผวน
P/E 16.74 YIELD 7.81 ราคา 1.99 (0.00%)
ASP อนาคตสดใส! สรุป Oppday เอเซีย พลัส ปี 2568 โอกาสและความท้าทายในตลาดทุนผันผวน
สวัสดีครับท่านนักลงทุนและสื่อมวลชนทุกท่าน วันนี้เป็นโอกาสสำคัญที่กลุ่มบริษัท เอเซีย พลัส ได้มาพบกับทุกท่านอีกครั้ง เพื่ออัปเดตภาพรวมธุรกิจ ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา และวิสัยทัศน์สำหรับอนาคต ในนามของคณะผู้บริหาร ผมขอขอบคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุนเรามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นพลังสำคัญที่ทำให้เอเซีย พลัส เติบโตอย่างมั่นคง ในฐานะกลุ่มธุรกิจการเงินครบวงจร เรามุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยความเป็นมืออาชีพ โปร่งใส และมีมาตรฐานสูงสุด ปัจจุบันเรตติ้งของบริษัทอยู่ที่ระดับ A ซึ่งเราเป็นบริษัทหลักทรัพย์เดียวที่ไม่มีธนาคารถือหุ้นใหญ่ที่ได้เรตติ้งสูงถึงเรตติ้ง A โดย Fitch Rating ซึ่งสะท้อนถึงสถานะการเงินที่แข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือในระดับสากล
โครงสร้างธุรกิจของเราครอบคลุมครบทุกมิติของตลาดทุน ซึ่งเราถือหุ้นอยู่ 99.99% ผ่าน 3 บริษัทหลัก ได้แก่:
- บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด: ผู้ให้บริการในหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และ Wealth Management โดยให้ความสำคัญของการกระจายรายได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
- บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน Asset Plus จำกัด: ธุรกิจบริหารจัดการทรัพย์สิน ดูแลและบริหารกองทุนรวมหลากหลายประเภท ทั้งในและต่างประเทศ
- บริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด: บริการให้คำปรึกษาทางการเงินทุกรูปแบบอย่างมืออาชีพ ทางด้านการระดมทุน IPO การควบรวมกิจการ และการปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อให้ลูกค้าประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย
เอเซีย พลัส ไม่ได้เป็นเพียงที่ปรึกษาทางการเงิน แต่เป็นพันธมิตรที่พร้อมเดินเคียงข้างนักลงทุน และบริษัทต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนความสำเร็จในระยะยาว บริษัทของเรามีผลิตภัณฑ์ทางการเงินครบวงจร เป็น One-Stop Investment Service ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า เราให้คำปรึกษาด้านการเงิน ตั้งแต่การจัดโครงสร้างบริษัท เตรียมความพร้อมก่อนเข้า IPO รวมถึงการระดมทุนผ่าน Private Placement และ Private Equity ซึ่งหลังการ IPO เราช่วยบริหารสินทรัพย์ ออกหุ้นกู้ และกระจายการลงทุนตามกลยุทธ์ของผู้บริหาร
นอกจากนี้ เรายังมีบริการ Wealth Management และการลงทุนในหลักทรัพย์ทั้งในไทยและต่างประเทศ เพื่อรองรับการเติบโตของลูกค้าอย่างครบวงจร จุดแข็งของเอเซีย พลัส คือความสามารถในการดูแลลูกค้าแบบครบวงจร เรามีผลิตภัณฑ์ทางการเงินและการลงทุนที่หลากหลาย ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของนักลงทุน เราพร้อมให้คำปรึกษาด้านการเงิน เริ่มตั้งแต่การจัดโครงสร้างบริษัท เตรียมความพร้อมเข้าตลาดหลักทรัพย์ ระดมทุนผ่าน Private Placement และ Private Equity ซึ่งหลังการ IPO เราช่วยบริหารสินทรัพย์ ออกหุ้นกู้ และกระจายการลงทุนตามกลยุทธ์ของผู้บริหาร นอกจากนี้ เรายังมีบริการ Wealth Management และการลงทุนในหุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศ รวมถึงการกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์อื่นๆ ที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลาและสภาพตลาด ณ ช่วงเวลา นั้นๆ
นี่คือ One-Stop Investment Service ที่เราภาคภูมิใจ และเรายังคงพัฒนาให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกช่วงจังหวะของการลงทุนอยู่เสมอ เราเชื่อว่าการลงทุนที่ดีไม่มีสูตรสำเร็จเดียวสำหรับทุกคน แต่ต้องออกแบบให้สอดคล้องกับเป้าหมาย ช่วงเวลา และระดับความเสี่ยงของแต่ละบุคคล เอเซีย พลัส จึงให้บริการแบบ Tailor-made หรือการออกแบบกลยุทธ์การลงทุนเฉพาะตัว เพื่อให้ตรงกับเป้าหมายทางการเงินของลูกค้ามากที่สุด พร้อมทั้งยังเปิดโอกาสสู่การลงทุนใน Private Equity, Venture Capital และ Startup ที่เราลงทุนจริง คัดเลือกจริง และเติบโตไปพร้อมกับลูกค้าอย่างแท้จริง
วันนี้ เอเซีย พลัส ยังคงขับเคลื่อนผ่าน 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ที่รองรับการเติบโตของตลาดทุน:
- ธุรกิจหลักทรัพย์ Brokerage: เราปรับตัวรับแนวโน้มของอุตสาหกรรม ด้วยการขยายบริการการลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ เช่น ตลาดต่างประเทศ และเพิ่มรายได้จากผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เช่น Structured Note อย่าง FCN, ELN เป็นต้น เพื่อลดผลกระทบจากค่าคอมมิชชั่นที่ลดลง ซึ่งบริษัทเราก็มีแพลตฟอร์มให้ทำการซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศได้เอง หรือจะติดต่อให้เจ้าหน้าที่การตลาดของเราช่วยดูแล เพื่อทำการซื้อขายหุ้นต่างประเทศได้เช่นเดียวกัน
- ธุรกิจการลงทุน Investment: เราลงทุนในหุ้นทั่วโลก หรือพวกตราสารหนี้ กองทุนต่างประเทศ รวมถึง Private Equity, Venture Capital รวมถึง Startup โดยมุ่งเน้นธุรกิจด้านเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น AI, Quantum Computing, Smart City Solution และ Cyber Security เป็นต้น
- ธุรกิจบริหารสินทรัพย์กองทุนรวม Asset Management: เราบริหารกองทุนทั้งในและต่างประเทศ ที่เน้นความหลากหลายและผลตอบแทนระยะยาว
- ธุรกิจวานิชธนกิจ Investment Banking: เราให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ ทั้งในด้านโครงสร้างทางการเงิน การควบรวมกิจการ และการระดมทุนผ่าน IPO ตราสารหนี้ และกองทุนต่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพทางธุรกิจ
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายใต้แนวคิดที่ว่า เอเซีย พลัส ไม่ใช่แค่ผู้ให้บริการทางการเงิน แต่คือพาร์ทเนอร์ของนักลงทุนและพร้อมเติบโตไปด้วยกันอย่างมั่นคง ผมเชื่อเสมอว่าโอกาสใหม่ๆ กำลังรออยู่ข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นในโลกของเทคโนโลยี การลงทุนระดับโลก หรือผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ เอเซีย พลัส พร้อมเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคงด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทีมงานมืออาชีพ และความเชื่อมั่นจากทุกท่าน ผมขอบคุณที่ทุกท่านวางใจให้เอเซีย พลัส เป็นส่วนหนึ่งในเป้าหมายทางการเงินของท่าน ไม่ว่าท่านจะเป็นนักลงทุนรายย่อย รายใหญ่ หรือองค์กร เราพร้อมเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
ลำดับถัดไป ผมขอเชิญ CFO ของเรา คุณพิทยเยน อัศวนิก มาแบ่งปันข้อมูลด้านการเงินของบริษัทให้ทุกท่านทราบ
สวัสดีครับท่านนักลงทุน วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่เรามาพบกันอีกครั้งหนึ่ง ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 ท่านคงจะได้ดูวิดีทัศน์ ซึ่ง ดร. ก้องเกียรติ ท่านคงได้บรรยายในเรื่องของข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเรียบร้อยหมดแล้ว ผมขอรับหน้าที่ในการที่จะมาเล่าให้ฟังเรื่องของตัวผลประกอบการของบริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)
อันแรกคือ ถ้าท่านฟังมาตลอดหรือท่านที่เพิ่งเข้ามาใหม่ก็จะเห็นว่า เราแบ่งธุรกิจออกเป็น 4 สาขาธุรกิจ ได้แก่:
- นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์
- Asset Management หรือว่าบริหารสินทรัพย์
- วานิชธนกิจ IB หรือ Capital Markets
- การลงทุน Investment
จะเห็นว่าในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 หรือ 2025 นี้ Q on Q เทียบกันแล้วจะเห็นว่า มันมีรายได้ทั้งหมดที่ต่ำกว่าของไตรมาสที่แล้วใน ของปี ไตรมาส 1 ของปีที่แล้วกับปีนี้เมื่อเทียบกัน โดยที่นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เนี่ย 166 ล้านบาท ซึ่งยังต่ำกว่าของปีที่แล้ว ในไตรมาสเดียวกัน เดี๋ยวรายละเอียดเนี่ยเดี๋ยวจะมีการพูดถึง ในหน้าถัดไป บริหารสินทรัพย์ เท่าเดิมนะครับ 250 ล้านบาท วานิชธนกิจ 70 ล้านบาท ใกล้เคียงมากครับกับปีที่แล้ว ไตรมาส 1 ปีที่แล้วที่ 69 ล้านบาท การลงทุน 20 ล้านบาท ต่ำกว่าปีที่แล้วในไตรมาสเดียวกันอย่างมีนัยยะสำคัญ คือปีที่แล้วอยู่ที่ 172 ล้านบาท อันนี้ก็จะเป็นสาเหตุหลักๆ ที่ ที่ที่ทำให้รายได้รวมของบริษัทในไตรมาสที่ 1 เนี่ยลดลง
ถ้าเราดูสัดส่วนในกราฟด้านล่างนะครับ ก็จะเห็นว่า สีเขียวเนี่ยก็คือตัวนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เนี่ยนะครับ ก็คือ 33% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี จาก จากปีที่แล้วในไตรมาสเดียวกัน สีเหลืองเนี่ยก็คือ บริหารสินทรัพย์นะครับ ก็คือเพิ่มขึ้นจาก 36 มาเป็น 49% ในสัดส่วนเมื่อเทียบกับรายได้ทั้งหมดนะครับ สีส้มนะครับ IB and Capital Markets นะครับ ก็คือเพิ่มขึ้นจาก 10% เป็น 14% แล้วก็ Investment ก็จะเห็นว่า สัดส่วนเนี่ยก็เป็นอะไรที่ ที่มีการปรับเปลี่ยนไปตาม ตาม ตามว่ารายได้ของ สาขาธุรกิจไหนที่มันเพิ่มขึ้นหรือลดลงยังไง ก็รวมกันก็เป็น 100% นะครับ ก็จะเป็นประมาณนั้น
Financial Ratio นะครับ ในไตรมาสที่ 1 ปี 2025 อยู่ที่ 4 ล้านบาท นะฮะ ปีที่แล้ว เอ่อ 2024 ก็อยู่ที่ 146 ล้านบาท อันนี้ก็ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญนะครับ ก็หลักๆ อย่างเมื่อกี้ที่แจ้งนะครับ ถ้าเกิดท่านเห็นเมื่อกี้เนี่ยก็คือตัว Investment เนี่ยมีการลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญนะฮะ ก็เนื่องจากจริงๆ แล้ว คงจะเป็น เอ่อ เอ่อ ทุกท่านน่าจะทราบดีอยู่นะครับ ว่าในไตรมาสที่ 1 เนี่ยมันมีความผันผวนมากนะครับ โดยเฉพาะ เอ่อ นโยบายภาษีของ ของ ของ ของ เอ่อ สหรัฐอเมริกาที่ ที่ เอ่อ ประกาศออกมาแล้วก็ในไตรมาสที่ 1 แล้วทำให้เกิดการสั่นคลอนไปทั่วโลกนะครับ ซึ่งจริงๆ แล้วเนี่ย Position ของ เอ่อ การลงทุนของ บริษัทเราเนี่ยมันก็จะมี การลงทุนในสหรัฐอเมริกาค่อนข้างเยอะนะครับ ก็คือประมาณ ครึ่งหนึ่งของการลงทุนต่างประเทศทั้งหมดนะครับ แล้วก็ถ้าเทียบสัดส่วนแล้วเนี่ย ของการลงทุนทั้งหมด ต่างประเทศทั้งหมดเนี่ยอยู่ประมาณ 60% ของการลงทุนของทั้งหมด นะฮะ เรามีทั้งไทยและเทศนะครับ เอ่อ ต่างประเทศเนี่ยเราลง เอ่อ โหลดมากกว่าไทยด้วยซ้ำ ก็คือประมาณ 60% ไทยประมาณ 40% นะครับ ซึ่งในนั้นน่ะ ก็คือครึ่งหนึ่งก็จะเป็นของ ของ สหรัฐอเมริกา ซึ่งแน่นอนผลกระทบอันเนี้ยมันก็เลยค่อนข้างจะเยอะหน่อยนะครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ส่วนใหญ่ของผลกระทบนั้นน่ะ เอ่อ เกิดจาก เอ่อ Mark to Market หรือการ เอ่อ เปรียบเทียบราคาตลาดนะครับ ซึ่ง เป็นทาง เอ่อ การบัญชีนะฮะ ที่เวลาที่เราบุ๊ค เอ่อ ราคา ไอ้ มูลค่าของการลงทุนน่ะ แล้วก็ต้องบุ๊ค กับตัว Fair Value หรือมูลค่า ตลาดนะครับ ซึ่ง มูลค่าตลาดในไตรมาส 1 เนี่ย ก็คงจะ จะ ลดลงแน่นอน ใน ของต่างประเทศ โดยเฉพาะของสหรัฐอเมริกา ซึ่งก็มีผลกระทบต่อแผนการ เอ่อ เอ่อ ผลประกอบการของการลงทุนในประเทศไทย เอ้ย ของ ของ เอเชีย พลัส ของเรานะครับ ซึ่งจริงๆ แล้วเนี่ย เอ่อ ถ้าเกิดทุกอย่างพอจะคลี่คลายขึ้นมาได้เนี่ย มันก็อาจจะดีขึ้นนะครับ เอ่อ ผมเห็นแล้วใน ใน เอ่อ เดือน เมษายน เนี่ย ที่ ที่ ที่ถึงเนี่ยนะครับ ก็เริ่มจะดีขึ้นแล้วนะครับ เนื่อง จากว่าทาง ทาง สหรัฐเนี่ยก็ได้มีการ เอ่อ มีการผ่อนปรน 90 วันนะครับ พอหลังจากที่มีการปลดล็อก มีการผ่อนปรนเรื่อง เรื่องภาษี 90 วันเนี่ย เอ่อ ทุกอย่างก็เทิร์นอัพขึ้นมาอย่างรวดเร็วเลยนะครับ ขึ้นมา ค่อนข้างมีนัยยะสำคัญเช่นกัน ในเดือนเมษายนนะครับ ซึ่งอันนี้ก็จะ เอ่อ เรียนให้ท่าน ผู้ลงทุนทราบว่า เอ่อ ส่วนใหญ่เนี่ยจะมาจาก Mark to Market หรือการ เอ่อ เอ่อ วัดผลจาก เอ่อ ราคาตลาดของเงินลงทุนของเรานะครับ ซึ่งอันนี้มันยังไม่ได้ ยังไม่ได้ realize อะไรเป็นไหน ซึ่งเมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลายขึ้นมาดีเนี่ย ทุกอย่างก็จะเทิร์นกลับขึ้นมาเหมือนกันนะครับ อันนี้ก็เป็น สิ่งที่อยากจะ เอ่อ แจ้งให้ทาง เอ่อ นักลงทุนทราบนะครับ
เส้นขวามือนะครับ เป็น Net Profit Margin นะครับ Net Profit Margin ก็อยู่ที่ 0.9% นะครับ ปีที่แล้วอยู่ที่ 21.3% นะครับ Return on asset หรือ ROA นะครับ อยู่ที่ 0.1% ปีนี้อยู่ที่ 4.2% ROE นะครับ ก็คือผลตอบแทนจาก เอ่อ เอ่อ ทุนนะครับ ก็คือ 0.4% ปีที่แล้ว 11.7% เอ่อ เมื่อกำไรไม่ดี เอ่อ เรโชของสองตัวนี้ก็จะไม่ดีด้วยเช่นกันนะครับ รวมทั้ง Net Profit Margin ด้วยนะครับ ก็เป็น เอ่อ เรื่องที่ต่อเนื่องกันนะฮะ ทีนี้ผมขออนุญาต เอ่อ เข้าไปถึง แต่ละราย รายธุรกิจสาขานะฮะ เรามีอยู่ 4 ธุรกิจสาขาที่เรา Grouping เอาไว้จริงๆ เรามี Product มากมายมีธุรกิจมากมายอยู่ในบริษัทแต่ว่าเรา อยากให้ นักลงทุน เอ่อ เข้าใจง่ายๆ นะฮะ เราก็เลย Grouping เอ่อ หรือว่ารวมกลุ่ม ธุรกิจสาขาที่มีลักษณะใกล้เคียงกันเข้ามาอยู่ด้วยกัน เลยเป็น 4 สาขาอย่างที่แจ้งไปแล้วในเบื้องต้นนะครับ
ภาพที่เห็นอันนี้ก็คือ ในแง่ของการเข้าถึงนะครับ เอ่อ นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ก็จะมีหลายๆ แบบนะครับ เราสามารถเปิดบัญชีออนไลน์ได้ เราเข้าถึง เอ่อ จาก Facebook LINE Telegram นะฮะ Instagram ได้หมดนะครับ อันนี้ก็จะเป็นหน้าตา เอ่อ เล็กน้อย ที่จะให้ทางนักลงทุนทราบว่า เราสามารถที่จะมี Application นะครับ ทั้ง เอ่อ Apple ทั้ง ทาง Android นะครับ สามารถเข้าไปแล้วก็ทำการซื้อขาย หาข้อมูล หาบทวิจัย ได้หมดนะครับ ถ้าดู เอ่อ Environment หรือว่า เอ่อ สิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นของธุรกิจนี้นะฮะ จะเห็นได้ว่า ตลาด นะฮะ SET ก็คือเซต ก็คือตลาด เนี่ย year to date เนี่ยอยู่ที่ 39,844 ล้านบาท แล้วก็ เอเชีย พลัส เองอยู่ที่ 1,334 ล้านบาท ซึ่งอันนี้เนี่ย เอ่อ as of เอ่อ 15 พฤษภาคม นะฮะ ของปีนี้นะครับ ผมทำตัวเลขมา เพราะฉะนั้นไตรมาส 1 เนี่ยอยู่ที่ประมาณเฉลี่ยที่ประมาณ 41,163 แล้วก็ เอ่อ ASP เนี่ยอยู่ที่ เอ่อ 1,370 นะครับ ซึ่งจริงๆ แล้วเนี่ยการที่ เอ่อ ค่า คอม เนี่ย เอ่อ รายได้จาก จากคอมมิชชั่นตกลงไปเนี่ยก็แน่ๆ ก็คือตลาดก็ลงด้วยนะฮะ 42,625 มาเป็น 41,163 ล้านบาทนะฮะ ซึ่ง เอ่อ แต่จริงๆ เนี่ย ถ้าดูทาง เอ่อ เอ่อ ไอ้ตัวของ เอเชีย พลัส เองเนี่ยก็สูงขึ้นเล็กน้อย แต่ว่าสิ่ง ที่มันเกิดขึ้นก็คือค่าคอมเนี่ยมันมีการตกลงเหมือนกันนะครับ ตกลงเล็กน้อย ซึ่งทำให้ เอ่อ รายได้ค่าคอมมิชชั่นมันเลยลดลงนะครับ อันนี้ก็จะเป็นสาเหตุเหมือนกันนะฮะ
ลองดูที่ตัว Average Commission นะฮะ ก็จะเห็นว่าด้านซ้ายมือสีส้มอะ จะเห็นว่า เอ่อ ตัว เอ่อ ของ เอเชีย พลัส เองเป็นแท่งสีส้มนะฮะ จาก 0.1241 กลายเป็น 0.1116 อ้า เนี่ยครับ ก็อันนี้ก็เป็นคำตอบของหน้าเมื่อกี้นี้ว่าทำไม เอ่อ เรายังคง Market shares ได้อยู่แต่ว่า เอ่อ เอ่อ รายได้เราลดลงนะฮะ ก็เกิดจาก ไอ้ตัวค่าคอมมิชชั่นเรทที่ ที่มีการแกว่งลดลงเช่นกันนะฮะ แต่ แน่นอนการลดลงอ่ะ เราก็จะลดลงสอดคล้องกับตัว Industry นะฮะ แต่เราก็ยังมี Gap อยู่นะฮะ ท่านจะเห็นว่าเราอ่ะมี Gap อยู่ประมาณสัก สัก เอ่อ 3 3 Basis Point 3-4 Basis Point โดยทั่วไปอยู่แล้วนะครับ ที่ ที่เราทำได้เหนือกว่าตลาดเนื่องจากว่า เราไม่มีการแข่งขันทางด้านการ เอ่อ ชาร์จคอมมิชชั่น ให้กับลูกค้านะครับ เราก็ อาศัย Service Product ที่ดีนะฮะ เสิร์ฟลูกค้านะฮะ ลูกค้าก็ยอมจ่ายนะครับ เพราะฉะนั้นน่ะ ถ้าท่านเห็นตลอดมาเนี่ย เราก็ไม่เคยต่ำกว่าอุตสาหกรรมนะฮะ จะสูงกว่าประมาณ 3-4 Basis Point มาตลอดนะครับ เส้นสีแดงเนี่ยจะเป็นเส้นอุตสาหกรรมนะฮะ ที่ 0.0811% นะครับ ของเราอยู่ที่ 0.11 16 นะฮะ อันนี้ก็เป็นการตอบโจทย์ว่า เอ๊ะ เมื่อกี้ทำไม เอ่อ เอ่อ วอลุ่มยังได้อยู่แต่ว่า รายได้มันลดลงก็เป็นเพราะตรงนี้นะครับ Market Share นะครับ เอ่อ ส่วนใหญ่เนี่ยเป็นของรีเทลแน่นอนนะครับ 95.55% นะฮะ
ต่อไป เอ่อ ผมขอเข้าสู่ เอ่อ ธุรกิจที่ 2 นะครับ คือ Investment ก็คือ หรือการลงทุนนะฮะ การลงทุนอันเนี้ย ผมแกะมาให้ดูเลย ท่านก็จะได้เห็นชัดเจนว่ามันเกิดจากอะไรนะฮะ ผมแกะมาให้ดู 2 ส่วนในการลงทุนนะฮะ ส่วนแรกก็จะเป็นเรื่องของตัวเงินลงทุนจริงๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องของ Equity นะครับ ตราสารหนี้ ตราสารทุนแล้วก็ตราสารอนุพันธ์นะฮะ อันเนี้ยท่านจะเห็นว่า ปีที่แล้วในไตรมาส 1 เนี่ย เอ่อ 131 ล้านบาท ปีเนี้ยฮวบลงมาเลย -29 ล้านนะครับ อันนี้ก็ไม่น่าแปลกใจอะไรนะฮะ เนื่องจากเมื่อกี้ที่ผมอธิบายให้ฟังนะครับ เรื่องของตัว เอ่อ เอ่อ มาตรการภาษีของสหรัฐอเมริกานะฮะ อันนี้ก็จะเป็นอะไรที่ เอ่อ มีความไม่แน่นอนสูงนะฮะ ในควอเตอร์ 2 เนี่ยเราก็ยังเฝ้าดูอยู่เหมือนกันว่า เอ๊ะ เอ่อ เมื่อพ้น 90 วันแล้วจะเป็นยังไง หรือว่า เอ่อ ตัวประเทศไทยเองนะฮะ เอ่อ จะได้รับ เอ่อ คิวเข้าไปคุยกันเมื่อไหร่ แล้วก็ผลออกมาจะเป็นยังไงนะฮะ อันนี้ก็จะเป็นอะไรที่ต้อง เค้าเรียกว่าเล็งกันแล้วก็เดากันไปตลอดทางนะฮะ ความผันผวนมีสูงนะครับ เพราะฉะนั้นเนี่ย เอ่อ รายได้ทั้งหมดเนี่ยก็ เป็น 20 ล้านนะฮะ สิ่งที่มาช่วยก็คือเรื่องของตัว ดอกเบี้ยแล้วก็ตัวของ ตัว Dividend หรือเงินปันผลที่ ที่เราถืออยู่นะฮะ ก็มาช่วยซึ่งจริงเนี่ยเงินปันผลท่านดูก็จะสูงกว่าปีที่แล้วนะฮะ 49 ล้านบาท ปีที่แล้ว 41 ล้านบาทนะครับ ก็อันนี้ก็จะเป็นว่า 20 ล้านบาทเกิดจากอะไรบ้างนะครับ
มาดู เอ่อ สาขาธุรกิจที่ 3 นะครับ สาขาธุรกิจที่ 3 เนี่ยมันคือ Asset Management หรือบริหารสินทรัพย์นะครับ บริหารสินทรัพย์เนี่ย เอ่อ เรามีกองทุนมากมายนะฮะ ก็มีกองทุนเปิด นะฮะ Asset Plus มี ASP Mixed Thai ESGX นะฮะ อันนี้ก็เป็นตอบรับกับนโยบายของรัฐบาลที่จะมี เอ่อ ตัว Thai ESGX เข้ามาเราก็มีเหมือนกันนะครับ เอ่อ ASPDEQ Thai ESGX นะฮะ แล้วก็มีเปิดขึ้นมาอีกเช่นกันนะฮะ IPO Period เนี่ยท่านจะเห็นว่าก็คือจากวันที่ 2-8 พฤษภาคมนี้ เอ่อ ทั้งคู่นะฮะ ก็คือไปแล้วนะฮะ มีไปแล้วนะครับ เอ่อ จะมี อันที่ 3 ก็จะมีเรื่องของตัวคริปโตนะฮะ ที่เราก็จะมี ไปเกี่ยวด้วยนะฮะ กับเรื่องคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งตอนหลังๆ เนี่ยคริปโตเคอร์เรนซีเริ่มกลับมาค่อนข้างจะบูมนะฮะ เราก็จะมีตัวนี้ไว้รองรับพันกับลูกค้าเช่นกันนะครับ แล้วก็ที่เหลือก็จะเป็นเรื่องของตัวตามภูมิภาคนะฮะ เช่น Japan, India, Vietnam เราก็มีรองรับทั้งหมดนะฮะ ตัว Hot Hot หน่อยแล้วก็จะมีตัวของ Millenium นะฮะ ที่เรามีอยู่นะฮะ ก็คือตัว ตัว ASP Millenium UI นะครับ ก็จะเป็นตัวที่เป็น เอ่อ ไปพัวพันกับเรื่อง Hedge Fund นะฮะ เอ่อ เป็นตัวที่ไปถือในกอง Hedge Fund นะครับ ของต่างประเทศนะครับ ซึ่ง เอ่อ ตัวนี้เนี่ยที่ลูกค้ามองว่าดีเพราะว่า มันสร้างผลตอบแทนเป็นบวก บวกตลอดมา 33 ปี จากทั้งหมด 34 ปีมีแค่ปีเดียวที่ ที่ ที่เป็นลบนะครับ แล้วก็ตัว Return เนี่ย ตั้งแต่ Inception คือตั้งแต่เปิดกองมาเลยเนี่ยอยู่ที่ประมาณสัก 13.59% นะฮะ ซึ่งอันนี้เป็นกองที่ น่าสนใจทีเดียวนะครับ ก็ อันนี้ เอ่อ คุณ อิสราเอล เองแลนเดอร์นะครับ Chairman and CEO ผู้ร่วมก่อตั้ง Millenium Management ก็ ก็เป็นคนที่ เอ่อ ช่วยดูแลตรงนี้ด้วยนะครับ เอ่อ ที่เหลือเมื่อกี้อย่างผมเรียนนะฮะ มี Vietnam, Euro, China นี่ตามภูมิภาค นะครับ อันนี้ก็เป็นช่องทางที่ว่า เอ่อ เอ่อ บลจ. เรามีอะไรบ้างนะครับ ผมก็ขอข้ามไปละ นะครับ มาดูที่ผลประกอบการเลยแล้วกันนะฮะ AUM นะฮะ ตอนนี้เนี่ย เอ่อ 65,000 กว่าล้านนะฮะ ประกอบด้วย 2 ส่วนด้วยกันก็คือส่วนที่เป็นสีน้ำเงินก็คือส่วนที่เป็น Mutual Fund หรือกองทุนรวมนะครับ 45,321 ล้าน แล้วก็ กองทุนส่วนบุคคลด้านบน 20,671 ล้านบาทนะครับ เอ่อ กองทุน รวมสีน้ำเงินเนี่ยลดลงนะฮะ 66,000 กว่า เหลือ 45,000 กว่า ก็จริงๆ สาเหตุหลักๆ เลยก็เกิดจาก เอ่อ ถ้าเทียบปีต่อปีเนี่ย ก็จะมีกองทุน 1 ก็คือ D Plus ที่เราปิดไปนะครับ ก็ทำให้ส่วนเนี้ยลดลงไปประมาณสัก 20,000 กว่าล้านแล้วก็เราก็ เอ่อ มีพยายาม เปิดกองใหม่ เอ่อ ไม่ใช่เปิดกองใหม่ครับ เรามี ASP Daily นะฮะ ซึ่งเป็นตัวที่คล้ายๆ กับตัว ASPD Plus แล้วก็พยายามให้ลูกค้ามาถือกองนี้แทน ซึ่งก็มีการ Switching จากตรงนั้นน่ะ มาตรงนี้ค่อนข้าง อ่า ทยอยมาเรื่อยๆ นะครับ ก็เลยทำให้ต่ำไปกว่าประมาณสัก 20,000 กว่าล้านนะครับ เอ่อ แต่ปีนี้เราก็พยายามบูสต์กอง ASP Daily เนี่ยให้มันขึ้น มา ให้ได้นะครับ ก็ประมาณนี้ ส่วนด้านบนสีเขียวเนี่ยที่เป็น Private Fund เนี่ย หรือว่ากองทุนส่วนบุคคลเนี่ยส่วนใหญ่ก็เป็นพวก กอง Provident Fund ส่วนใหญ่ นะครับ ก็จะมีมีประมาณของ เอ่อ ทั้งสำนักงานประกันสังคมแล้วก็อื่นๆ นะครับ รายได้นะครับด้านขวามือ ในไตรมาสที่ 1 นะฮะ ก็จะเห็นว่าไตรมาสที่ 1 เนี่ย เอ่อ รายได้ 250 ล้านบาท เทียบเท่ากับปีที่แล้วเลย 250 ล้านบาท นะฮะ ถ้าท่านลอง ลองดูว่า เอ๊ะ เอ่อ AUM หายไปตั้ง ตั้งเยอะ แต่ว่ารายได้เนี่ยยัง ยังเท่ากันเลยนะฮะ ท่านจะเห็นว่าเราก็พยายาม Pass ลูกค้าไปยังกองอื่นๆ ที่มี เอ่อ ที่มี เอ่อ ผล ผลตอบแทนที่ดีแก่ลูกค้าแล้วก็ตัวทาง ทั้ง ทั้งของบริษัทด้วยนะครับ ก็อันนี้เป็นกลยุทธ์ในการที่เราจะจัด Port นะฮะ จัดวิธีการจัดกองทุนหรือว่าวิธีการที่จะดูว่าลูกค้าควรจะลงกองทุนไหนให้กับบริษัทด้วยนะครับ
ต่อไปนะครับ จะเป็นเรื่องของตัว Investment Banking หรือ IB นะฮะ ก็จะเห็นว่า IB ในปีนี้เนี่ย เอ่อ เรามี เอ่อ 10 Deals นะฮะ in pipeline นะฮะ นะอันนี้คือ as of 31 มีนาคม อ่า 2568 หรือ 2025 นะฮะ ก็ 10 Deal เนี่ยจะประกอบด้วย 8 IPO แล้วก็ แล้วก็ 2 Advisory นะครับ ซึ่งจริงๆ เนี่ย เอ่อ ใน 10 Deal ใน 8 IPO เนี่ยไม่ใช่ว่า เราจะมา เอ่อ มี IPO ในปีนี้ทั้งหมดนะครับ คงไม่ใช่ขนาดนั้นนะฮะ แต่ว่าอันนี้ อันนี้คือ คือ pipeline หมายความว่า เอ่อ เราได้มีการมี FA กับลูกค้านะครับ แล้วก็มีการ เอ่อ filing กับลูกค้านะครับ แต่ว่า เทรนด์ที่จะ เอ่อ เอ่อ เป็น IPO จริงๆ เนี่ยภายในปี 2025 หรือ 2568 เนี่ย มัน หนึ่งอะ มันขึ้นอยู่กับความพร้อมของลูกค้านะครับ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์แวดล้อมนะฮะ ที่ว่าเราสามารถที่จะมี IPO ได้อย่างเหมาะสมหรือไม่ หรือว่าลูกค้าพร้อมแล้วใช่ไหมนะครับ ซึ่งจริงๆ เอ่อ เรามองไว้ว่าในปี 2025 อย่างน้อย อย่างน้อยก็คือ 1 IPO ก่อนนะครับ นะฮะ แล้วก็จาก 8 นะฮะ แล้วก็ในปี 2026 เนี่ยอาจจะเป็น เอ่อ 7 อันอาจจะ Pass ไปที่นู่นเพราะว่า เนื่องจากสถานการณ์ตอนนี้ก็ ก็ ก็ไม่ค่อยดีสำหรับตลาดทุน ไทยเท่าไหร่นักนะฮะ อาจจะไม่ได้จังหวะที่ดี ก็เลยจะอาจจะมีสัก 1 IPO ก่อนอันนี้คือเราพยายามจะ จะคลอดออกมาให้ได้นะครับ เอ่อ แล้วก็ 2 Advisory นะฮะ
ส่วนด้านขวามือ ด้านรายได้นะครับ เอ่อ 70 ล้านบาทนะครับ ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ปีที่แล้วที่ 69 ล้านบาทนะฮะ ซึ่งจริงๆ ก็จะมี recurring ของตัว FA Income นะ เป็น fees เข้ามาหรือเป็นค่าธรรมเนียมในการที่ปรึกษาทางการเงินเข้ามานะฮะ ก็พยายาม พยายามหาส่วนนี้เพิ่มขึ้นซึ่งจริงๆ แล้วเนี่ยเราก็พยายามจะหาเรื่องของตัว M&A นะฮะ Merger and Acquisition นะครับ อ่า เพิ่มขึ้นมาเป็นสิ่งทดแทนนะฮะ เนื่องจากว่า เอ่อ ตัว IPO เนี่ยมันค่อนข้างจะลำบากใน ใน ในปี 2565 เหมือนกันนะครับ
อันนี้ก็เป็นเรื่องของตัว เอ่อ สิ่งอื่นนะฮะ เอ่อ ที่ ที่เราได้ทำนะฮะ ก็คือเรื่องของตัว Governance นะฮะ เราได้ เราได้ เอ่อ ระดับ อ่า 5 ดาว ดีเลิศเลยนะฮะ 5 ดาวต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 5 นะฮะ ในแง่ของการเป็น Governance เอ่อ ที่ดีนะครับ นะฮะ เราก็เป็นสมาชิกของ CAC ด้วยต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 แล้วนะครับ อันนี้เรื่องของตัว Social and Education ก็คือเราก็มีส่วนร่วมในการพัฒนานะครับ พัฒนา อ่า ความรู้นะฮะ การศึกษานะครับ ให้กับ เอ่อ ผู้ลงทุนแล้วก็พนักงานของเราเองนะครับ ก็จะมีการจัดอบรมนะฮะ ด้านซ้ายมือก็จะเห็นว่าเราก็มีการ จัด จัดอบรมนะ ให้กับลูกค้านะครับ ให้กับผู้ Partner นะฮะ ด้านขวามือแล้วก็อาจจะมีการไป อ่า ไปเปิดสัมมนา นะครับ ให้กับลูกค้านะครับ อ่า ก็จะเป็นแบบนี้นะฮะ ทั้ง Research เรา พวก เอ่อ เอ่อ นักวิเคราะห์อะไรก็จะไปพูดตามที่ต่างๆ ให้กับหลายๆ ที่ ให้กับ เอ่อ นักลงทุน ทราบนะครับ
หลักๆ นะฮะ ก็ผลประกอบการของบริษัทก็จะเป็นประมาณนี้นะฮะ ก็อยากจะเรียนให้ท่านทราบว่า เอ่อ ตอนนี้มันภาวะของโลกนี่ผันผวนจริงๆ นะครับ แล้วก็ยังมีความไม่แน่นอนใน ในตลาดทุนไทยเช่นกันนะครับ ทั้ง ปัจจัยในแง่ การเมืองนะครับ เอ่อ ทั้งในและต่างประเทศเลยตอนนี้นะฮะ ก็จะอาจจะเป็นภาวะที่ ที่ ที่ยากลำบากนิดนึงนะครับ ในการที่จะ จะ จะดำเนิน อ่า ทางธุรกิจนะครับ ถ้าเกิดท่านมอง ผมอยากจะเล่าให้ฟังนิดนึงว่าในภาพที่ผลกระทบจริงๆ ของ มาตรการภาษีนะครับ ของสหรัฐเนี่ยที่ กระทบต่อเราเนี่ยนะครับ เอ่อ จริงๆ แล้วเนี่ย เอ่อ ตอนนี้เรายังรอคิวที่จะคุยกันอยู่เลยว่า ว่าเราจะได้คิวเมื่อไหร่ นะครับ แต่ตอนนี้เนี่ย เอ่อ ได้มีการประเมิน เอ่อ ผลกระทบนะฮะ เอ่อ แน่นอนสภาพัฒน์เนี่ย เอ่อ ท่านได้ เอ่อ เปิดมาแล้วเหมือนกันว่า GDP เนี่ย เอ่อ เอ่อ อาจจะปรับ เอ่อ ลดลงมา 1% จาก 2.8% ทั้งปีของปีนี้เหลือ 1.8% นะครับ นะฮะ เอ่อ ทั้งนี้ทั้งนั้นเนี่ย เอ่อ ก็ขึ้นอยู่กับว่าผลกระทบเหล่านั้นน่ะจะมาถึงเราขนาดไหนนะฮะ คือจริงๆ แล้วเนี่ยจะบอกว่า ค่ากลางจริงๆ เนี่ยของ GDP ในปีนี้ มันอาจจะอยู่ประมาณสัก สัก สัก 1.8% นะครับ แต่ทีนี้ถ้าเกิดโดน เอ่อ ผลกระทบเต็มๆ สมมุติว่าถ้าเกิดว่า เอ่อ ตามที่สภาพัฒน์บอกนะฮะ ก็ถ้าเกิดว่า เอ่อ 3.6% เอ้ย 36% ของภาษีเนี่ยเราอาจจะ GDP เราอาจจะเหลือแค่ 1.3 นะครับ แล้วก็ เอ่อ แต่ถ้าโดน 10% นี่คือดี ดีค่อนข้างเยอะละ นะฮะ ก็คือ 10% เท่าที่โดนเท่าที่โดนทุกวันเนี้ย เราอาจจะไปได้ถึงประมาณ 2.3% นะครับ อันนี้คือ Gap ที่ ที่ ที่จะได้เห็นว่าสิ่งที่เราเกิด ขึ้นกับเราคืออะไรแน่นอน ถ้าเกิดผลกระทบจาก ภาษีเนี่ย มันเป็นที่ 36% หรือว่า หรือว่าอาจจะน้อยกว่านั้นเล็กน้อยเองอะไรอย่างเงี้ย คือใน ประเทศไทยหรือตลาดทุนไทยเนี่ยคงจะได้รับผลกระทบไม่น้อยเนื่องจากว่า เอ่อ ธุรกิจเรา เราก็มีพึ่งพาการส่งออกเยอะนะครับ เพราะฉะนั้นเนี่ยมันก็กระทบรวมทั้งโลจิสติกส์ของธุรกิจเหล่านั้นด้วยนะฮะ มันก็จะลงตามกันมาซึ่ง เอ่อ มันก็เป็นที่น่ากังวลว่า เอ่อ ตลาดทุน เอ่อ ของไทยเองก็อาจจะได้รับผลกระทบแล้วก็ เอ่อ เอ่อ พอสมควรนะครับ จากตรงนั้นนะฮะ เอ่อ ที่เหลือก็ ก็ ก็ น่าจะเป็นเรื่องของ เอ่อ รัฐบาลนะฮะ ที่ เอ่อ อาจจะต้องมีแนวทางในการที่จะ เอ่อ เอ่อ แก้ไขปัญหาเหล่านี้นะครับ ว่า เอ่อ ถ้าเกิด ผลกระทบแบบที่ 1 แบบที่ 2 เกิดขึ้นแล้ว เราจะมีมาตรการช่วยเหลือกันแบบไหนอย่างไรอันนั้นก็เป็นเรื่องของทางนโยบายที่ เอ่อ ถ้ามีผล ถ้าเกิดมีนโยบายเหล่านั้นเข้ามาช่วยเนี่ยมันก็จะช่วยได้เยอะพอสมควรนะครับ
ขอมาถึง Q&A แล้วกันนะฮะ Q&A จะเห็นว่า บริษัทมีความกังวลอะไรบ้างในระยะ 1-3 ปี นะครับ ข้อ 2 บริษัทมี recurring income ไหม จากอะไรครับ ขอเรียนอย่างนี้แล้วกันครับ ความกังวลใน 1-3 ปีก็แน่นอนนะครับ คงเป็นเรื่อง เรื่อง เรื่องภาษี ของ 2 เรื่องหลักๆ แล้วกันนะครับ ข้อ 1 เรื่องของภาษีของสหรัฐนะฮะ อันนี้เป็นหลักนะครับ เพราะว่าการเจรจาของ ของทรัมป์เองเนี่ย คือทุกท่านคงทราบนะฮะ ความไม่แน่นอนสูงมากนะครับ วันนี้บอกว่าดี พรุ่งนี้บอกว่าไม่ดีนะครับ วันนี้เอ่อ 90 วันถามว่าหลังจาก 90 วันเนี่ยจะเกิดดีขึ้นไหม นะฮะ บอกว่าเจรจากับจีน นะฮะ ถามว่าวันนี้จีนพร้อมจะคุยด้วยไหมนะฮะ ซึ่งจริงๆ แล้วเนี่ยด้วยสถานการณ์ตึงเครียดแบบนี้เนี่ยคงไม่ได้ง่ายๆ ที่ ที่จะได้มีการ เอ่อ คุยกันนะครับ อาจจะ อาจจะผ่อนวิ่งรอสักพักนึงนะฮะ ซึ่งจริงๆ แล้วเนี่ยต่อให้คุยกัน แล้ว บอกว่าโอเค เอ่อ เราจะทำกันแบบนี้ระหว่างจีนกับสหรัฐ นะ อันนี้เป็น เป็นข้อสังเกตนะฮะ แต่ปรากฏว่า พอ implement จริงๆ หรือทำไปจริงๆ มันอาจจะมี ก๊อก 2 อีกว่า อ้า ที่ตกลงกันไปทำไม่ได้ นะฮะ ซึ่งพอทำไม่ได้เสร็จปุ๊บสิ่งนี้เกิดขึ้นคืออะไรมันก็จะกลับมาอีกทีว่า ไอ้ผลของภาษีเหล่านี้มันก็จะ คงคา กันไปอยู่อย่างงี้นะฮะ อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ ที่ เกิดความไม่แน่นอนหรือผันผวนขึ้นค่อนข้างอย่างมีนัยยะสำคัญนะครับ เลยจะบอกว่าข้อกังวลเนี่ยก็คือ ก็คือเป็นเรื่องนี้ก็จะเป็นข้อกังวลหลักนะครับ ซึ่ง ซึ่งไม่รู้จะจบเมื่อไหร่ นะฮะ เพราะว่า สิ่งที่เรามองว่าดีหรือ การเจรจาจะเป็นไปได้ดีเนี้ยอย่างที่ผมเรียนมันอาจจะไม่ ไม่ถึงจุดหมายก็ได้แล้วสุดท้ายจะเป็นยังไง นะ สุดท้ายถ้ายังเป็นอย่างนั้นต่อไปทุกคนไอ้สถานการณ์มันก็จะเลวร้ายแล้วก็ต่างคนต่างก็จะทำสงครามการค้าแล้วก็ภาษีก็จะคงมีอย่างงี้ต่อไปนะครับ อันนี้คือข้อ 1 ข้อ 2 ที่กังวลก็คือเรื่องของปัจจัยภายในประเทศนะฮะ เอ่อ ปัจจัยทางการเมืองนะฮะ ซึ่งเสถียรภาพทางการเมืองเนี่ยก็เป็นสิ่งสำคัญในประเทศนี้นะฮะ ซึ่ง เอ่อ ถ้าเกิดว่ายัง เอ่อ มีข้อกังวลในแง่ของเสถียรภาพทางการเมืองเนี่ยเราก็ เราก็กังวลด้วยนะครับ ใน 1-3 ปีนี้นะฮะ โดยเฉพาะอายุรัฐบาลเหลืออีกประมาณสัก 2 ปีก็ ก็อยู่ในข่าย 1-3 ปีนี้ครับว่า เอ่อ เอ่อ อยากจะให้มีเสถียรภาพนะครับ แล้วก็จริงๆ อีกอันนึงที่สำคัญก็คือในแง่ของตัวนโยบายของรัฐบาลเองที่ช่วย Support นะฮะ ในแง่ของปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นนะฮะ ซึ่งจริงๆ แล้วเนี่ย เอ่อ คิดว่ามันจะมี เอ่อ พระราชกำหนด เอ่อ เงินกู้พิเศษ ที่ผมเห็นรัฐบาลเขามองไว้เหมือนกันนะฮะ ประมาณ 5 แสนล้านที่จะทำให้ ให้ ให้กู้ ได้นะครับ แต่ ผลพวงที่จะเกิดขึ้นคือ เอ่อ ตัว เอ่อ หนี้สาธารณะมันก็อาจจะเพิ่มขึ้นมาอีกนะฮะ ตอนนี้เพดานขึ้นมา 70% ตอนนี้เราอยู่ที่ประมาณ 68 ก็ใกล้เต็มทนนะครับ ก็ ปัญหานึง เอ่อ ถูก แก้ อีกปัญหานึงก็จะขึ้นมาอีกเหมือนกันนะ ก็เพดานไปขึ้นไป ไม่ ไม่ได้ ไม่ ไม่ได้สูงมากนะครับ ก็นี่ก็เป็นปัญหาอีกตัวนึงที่ว่า เอ่อ เรามีปัญหาเรื่องทางหนี้สาธารณะค่อนข้างสูงนะครับ แล้ว เราจะไปต่อยังไง ถ้าเราต้องการ เอ่อ เม็ดเงินที่จะเข้ามาในประเทศนะครับ อันนี้ก็จะเป็นเรื่องอีกเรื่องหนึ่งนะ และแน่นอนทั้ง 2 ปัญหามันก็จะกระทบกระทบกับ เอ่อ ตลาดทุนของ ของ ของประเทศไทยนะครับ
ขอตอบคำถามข้อ 2 ที่บอกว่าบริษัทมี recurring income ไหม จากอะไร เอ่อ recurring income ของบริษัทจริงๆ แล้วมันมี 2 ส่วนหลักๆ นะฮะ ส่วนแรกก็เป็นจริงๆ มันเป็นส่วนของค่าคอมมิชชั่นนี่แหละนะฮะ เพราะว่า เอ่อ รายได้หลักอ่ะก็จะมาจากตัวในหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งจริงๆ recurring มาจากค่า ค่าคอมมิชชั่นนะฮะ ซึ่งจริงๆ แล้วเนี่ยส่วนเนี้ยมันลดลงไป แต่ แต่เราก็ยังถือว่าเป็น recurring อยู่ เพราะว่าทุกวันมันก็มีรายการซื้อขายหลักทรัพย์นะ เป็น transaction base อยู่ทุกวันเราก็จะได้ค่าคอมตรงเนี้ยเข้ามาในบริษัทตลอดเวลานะครับ อันนี้ก็เป็น recurring ตัวนึงนะฮะ ส่วนที่ 2 ที่เป็น recurring ก็คือก็จะมาจากตัว เอ่อ ตัวค่าฟรีนะฮะ Management fees นะฮะ ของตัว เอ่อ เอ่อ Asset Management หรือตัวบริหารสินทรัพย์นะครับ ซึ่งเราก็จะได้มา ตราบใดก็ตามที่ AUM หรือ Asset under management หรือว่าสินทรัพย์ที่เราบริหารให้เนี่ยยังคงอยู่กับเรานะฮะ เราก็จะมีค่า ตัว ฟรี Management fees ตัวเนี้ยอยู่ตลอดเวลานะฮะ 2 ส่วนเนี้ยก็จะเป็นส่วนหลักแล้วกันนะฮะ จริงๆ เรามีอีกส่วนนึงนะฮะ เอ่อ เอ่อ แต่ยังไม่ได้โตมากนักก็คือในส่วนของตัว ตัว Bond rep นะฮะ อ่า หรือผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้อันนี้ก็เป็นค่า fees เหมือนกัน ซึ่ง ซึ่งตัวนี้เนี่ยเราก็ถือว่าเป็น recurring เช่นกันนะฮะ แล้วก็ เพราะว่า Deal ที่ได้มาเนี่ยมันจะมี 2 ปีบ้าง 3 ปีบ้างซึ่งนั้นเราก็จะ ได้ค่าฟรีตลอดระยะเวลาเป็นปีๆ ไปตาม เอ่อ อายุหุ้นกู้เหล่านั้นนะครับ ก็จะมี 3 ส่วนหลักๆ นะ 2 ส่วนจะเป็นส่วน เอ่อ ใหญ่หน่อยบอรล นี่ก็พยายามที่จะ จะ เอ่อ ทำให้มันโตขึ้นนะครับ เอ่อ 3 ส่วนหลักนะครับ มีคำถามเข้ามาอีกนะครับ บอกว่าอยากสอบถามคำแนะนำว่า กลยุทธ์การลงทุนในปี 2025 ควรเลือกแบบใดครับนะฮะ ก็แน่นอนนะครับ เอ่อ เอ่อ คงพูดมา หลายๆ Session ของตรงนี้ให้ เอ่อ เทคนิคสำคัญคือต้องกระจายการลงทุนนะครับ เอ่อ กระจายการลงทุนให้เหมาะสมนะฮะ ทั้งในประเทศต่างประเทศนะฮะ ต่างประเทศที่ไหนบ้างนะครับ หรือว่าอาจจะมีสักส่วนนึงทองคำนะฮะ เอ่อ ได้ไหมก็ ก็ได้นะครับ ก็ทุกอย่างคือการกระจายทั้งหมดนะฮะ หลักการสำคัญคือเราอย่าไปกระจุกกับ ที่ใดที่หนึ่งนะฮะ เพราะว่าเมื่อเกิดเกิดความเสียหายปั๊บเนี่ยมันก็จะเกิดความเสียหายค่อนข้างหนักนะครับ ถามว่าหุ้นไทยมีโอกาสโตไหม ก็มีโอกาสนะฮะ เพราะจริงๆ แล้วเนี่ยผมเพิ่งตรวจสอบดู เอ่อ หุ้นไทยในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเนี่ยก็มี โอ้โห เยอะเลยนะครับ ที่ยังต่ำกว่า Book Value ด้วยซ้ำไปนะครับ แล้วไปหุ้น หุ้นตัวดีๆ ก็มีเยอะแยะนะครับ ซึ่งจริงๆ ตรงนั้นเนี่ยเรายังไป เอ่อ สืบหาได้นะครับว่า ว่าตัวไหนที่ Under Value อยู่นะครับ แล้วก็ ธุรกิจเนี่ยมีความเจริญก้าวหน้าและมีโอกาสเติบโตนะ หรือหุ้นที่มี เอ่อ เอ่อ ทั้ง