บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
SKN อนาคตสดใส! สรุป Oppday ไตรมาส 1/2568: โอกาส, ความเสี่ยง และกลยุทธ์ฝ่าวิกฤต
P/E 9.26 YIELD 6.11 ราคา 6.55 (0.00%)
SKN อนาคตสดใส! สรุป Oppday ไตรมาส 1/2568: โอกาส, ความเสี่ยง และกลยุทธ์ฝ่าวิกฤต
สวัสดีครับท่านนักลงทุนทุกท่าน วันนี้เราจะมาสรุป Oppday ของบริษัท SKN ประจำไตรมาสที่ 1/2568 กันนะครับ บริษัท SKN ยังคงผลิตแผ่นไม้ MDF เป็นหลัก โดยสามารถแบ่งได้ตามชนิดความหนาตั้งแต่ 1 มิลลิเมตร จนถึง 30 มิลลิเมตร ตามชนิดของกาว ตามมาตรฐาน Emission ต่างๆ รวมทั้งคุณสมบัติพิเศษ เช่น การกันความชื้น มาตรฐาน FSC และการกันไฟลาม
ผลิตภัณฑ์ของบริษัทจะเข้าไปอยู่ในโครงสร้างต่างๆ ในบ้าน เช่น Built-in, แผ่นพื้น, ผนัง, ประตู และเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ
บริษัทได้รับมาตรฐานต่างๆ มาตั้งแต่เริ่มผลิตจนถึงปัจจุบัน กลุ่มลูกค้าหลักๆ ของบริษัทแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์, รับเหมาก่อสร้าง, นำไปปิดผิวต่อ และกลุ่มค้าส่ง
ในด้านช่องทางการขาย ในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ สัดส่วนการขายไปกลุ่มตะวันออกกลางเพิ่มขึ้นมาค่อนข้างเยอะ จาก 64% ในปีที่แล้ว เป็น 80% ในปีนี้ สัดส่วนของภูมิภาคเอเชียอยู่ที่ 13% ประเทศอื่นๆ 1% และภายในประเทศ 6%
ช่องทางการขายยังคงเป็นการขายตรงเป็นหลัก อยู่ที่ 55% เพิ่มขึ้นมาจาก Q1 ในปีที่แล้วเล็กน้อย แต่ถ้าเทียบกับปีที่แล้วทั้งปีจะดรอปลงมาประมาณ 2%
ข้อมูลการขายส่วนใหญ่เป็นการส่งออกเป็นหลักในทุกๆ ไตรมาสที่ผ่านมา ตั้งแต่เริ่ม Operation โดยใน Q1 ปีนี้ สัดส่วนการส่งออกอยู่ที่ 94%
Incoterm ใน Q1 ปีนี้ สัดส่วนของ FOB เพิ่มขึ้นมาจากทั้งปี ก่อนหน้าอยู่ที่ 13% ในช่วงไตรมาส 1 ของปีที่แล้ว และเฉลี่ยทั้งปีที่ 31% ปัจจุบันเอง Q1 เรามีสัดส่วนของ FOB อยู่ที่ 59%
ในส่วนของโครงการลงทุน Craft and Paper สถานการณ์ก็ยังเป็นเรื่องของการติดตามใบอนุญาตที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเราตั้งเป้าให้แล้วเสร็จภายในปีนี้นะครับ
ในส่วนของการขยายกำลังการผลิตไลน์ที่ 3 ของบริษัท ปัจจุบันก็ยังคง On plan อยู่ และจะเริ่มทยอยทำการติดตั้งเครื่องจักรบางส่วนแล้ว
งบการเงิน
งบการเงินรวมจะประกอบไปด้วย SKN ซึ่งเป็นบริษัทแม่ และบริษัทลูก 2 แห่ง คือ S Kreber ผู้ผลิตกาวและสารเคมี และ SKN Craft & Paper ผู้ผลิตกระดาษ ซึ่งปัจจุบัน SKN Craft & Paper ยังไม่ได้มีการดำเนินงาน แต่ในส่วนของงบแสดงฐานะทางการเงินก็จะมีพวกทรัพย์สินเช่นที่ดินเข้ามาแล้ว และจะมีทรัพย์สิน อาคาร และเครื่องจักรต่างๆ ของบริษัท S Kreber ด้วย ซึ่งแสดงอยู่ในงบการเงินรวม
ถ้ามองเทียบกันในส่วนของงบการเงินรวมกับงบเฉพาะกิจการ จะเห็นได้ว่าปัจจุบันเองตัวทรัพย์สินในส่วนของงบการเงินรวมจะน้อยกว่างบเฉพาะกิจการ ซึ่งสาเหตุก็มาจากตัวของบริษัท S Kreber ที่มีการดำเนินงานแล้ว ในส่วนทรัพย์สินต่างๆ ก็จะมีการทยอยตัดค่าเสื่อมไป ในขณะที่งบเฉพาะกิจการ ตัวบริษัทแม่ก็จะรับรู้เป็นในส่วนของเงินลงทุนในบริษัทย่อย
หนี้สินของงบการเงินรวมในปัจจุบันจะสูงกว่างบเฉพาะกิจการเล็กน้อย สาเหตุหลักก็จะมาจากตัวหนี้สินของบริษัท S Kreber ซึ่งหลักๆ ในปัจจุบันเองตัววงเงินกู้จากธนาคารจะเหลือไม่เยอะแล้ว ส่วนใหญ่ที่แสดงอยู่ก็จะเป็นในส่วนของตัวเจ้าหนี้ทางการค้า
ส่วนของผู้ถือหุ้น งบการเงินรวมจะยังคงต่ำกว่างบเฉพาะกิจการ เนื่องจากว่าในส่วนของบริษัท ย่อยเองยังคงมีขาดทุนสะสมอยู่
ในส่วนของที่เปรียบเทียบของงบการเงินรวมและงบเฉพาะกิจการ ในส่วนของงบเฉพาะกิจการจะอธิบายในหน้าถัดไป ในส่วนของตัวรายได้ ตัวรายได้ทั้งงบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะกิจการจะยังคงเท่ากัน เนื่องจากว่าตัวบริษัทผลิตกาวและสารเคมี ที่ปัจจุบันมีการดำเนินงานและขายแล้ว ก็ยังคงขายกลับมาให้ที่บริษัทแม่ทั้งหมด
Gross profit จะเห็นได้ว่าในส่วนนี้เองตัวบริษัท ย่อยจะมี Gross profit ซึ่งทำให้ตัวงบการเงินรวมจะสูงกว่างบเฉพาะกิจการอยู่เล็กน้อย
กำไรของตัวไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ทั้งตัวบริษัทที่ผลิตกาวและสารเคมี และตัวบริษัทผลิตตัวกระดาษ จะยังคงเป็นขาดทุนอยู่เล็กน้อย
ในส่วนของที่โชว์มาที่จะสูงกว่างบเฉพาะกิจการ จะมาจาก การปรับปรุงค่าใช้จ่ายให้สอดคล้องตามมาตรฐานของการจัดทำงบการเงินรวม
ในส่วนนี้จะแสดงเฉพาะในส่วนของตัวผลการดำเนินงานของ SKN เอง ในช่วงของ Quarter 1/2568 จะเห็นได้ว่าตัวรายได้ถ้าเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วจะลดต่ำลง ปัจจัยหลักๆ เลยก็คือปริมาณการขายที่ลดต่ำลง สาเหตุหลักก็จะมาจาก ในช่วง Quarter 1 ที่ผ่านมา จะมีรายการผลิตที่มี Unplan shutdown เกิดขึ้น ทำให้ตัว Cap ของกำลังการผลิตหายไปส่วนนึง ซึ่งก็จะกระทบกับตัวรายได้จากการขาย
อีกปัจจัยนึงก็จะมาจากตัวการขายในเทอมของ CNF นะคะ ที่จะน้อยลงกว่าช่วง Quarter 1 ของปีที่แล้วนะคะ ก็จะทำให้ตัวรายได้ตัวค่าขนส่งที่จะรับรู้เข้ามาเป็นในส่วนของรายได้เนี่ย ก็จะลดลงไปด้วยเหมือนกันค่ะ ซึ่งก็จะไปเพิ่มขึ้นในส่วนของตัวค่าใช้จ่ายในการขาย อ้อขออภัยค่ะ ซึ่งก็จะไปสะท้อนกับตัวค่าใช้จ่ายในการขายนะคะ ที่ค่าใช้จ่ายในการขายก็จะลดลงเช่นเดียวกัน สาเหตุหลักก็จะมาจากตัวค่าใช้จ่ายใน เอ่อ ค่าสายการเดินเรือค่ะ
ปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องนะคะ ในส่วนของต้นทุนการผลิตนะคะ ต้นทุนการผลิตเนี่ยก็จะลดลงสอดคล้องกับตัวปริมาณการขายที่ลดลงค่ะ
อีกปัจจัยนึงที่จะมีผลกระทบกับต้นทุนการผลิตที่อาจจะเพิ่มขึ้นนะคะ ก็จะมาจากตัวราคาไม้ซึ่งราคาเฉลี่ยของตัว material ไม้เองเนี่ย ในช่วง Quarter 1 ถ้าเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเนี่ยจะสูงขึ้นค่ะ จึงทำให้แหมภาพรวมตัวต้นทุนการผลิตเนี่ยจะลดลงจากปริมาณการขายที่ลดลงไปนะคะ แต่ว่าโดยภาพรวมก็จะไม่ได้ลดลงมากนักนะคะ
ด้วยปัจจัยทั้งหมดนี้ ก็จะส่งผลให้ตัว Gross profit แล้วก็ Net profit นะคะ ในของ Quarter 1 ปีนี้นะคะ ก็จะลดลงมาจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วค่ะ
ในส่วนของอัตราส่วนทางการเงิน อัตราส่วนทางการเงินในส่วนของตัว ROA แล้วก็ ROE เนี่ยจะลดลงจากตัว performance ที่ดรอปลงนะคะ แล้วก็ในส่วนของตัว current ratio นะคะ
ในส่วนนี้เนี่ยถ้าเทียบกับ Quarter 1 ของปีที่แล้วนะคะ จะลดลงนะคะ มาจากในส่วนของตัวเจ้าหนี้ทางการค้าที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยนะคะ แต่ว่าถ้าเทียบกับช่วงของปลายปีที่แล้วนะคะ จะเพิ่มขึ้นนะคะ มาจากในส่วนของตัวหนี้สินที่ลดลงนะคะ แล้วก็จะ อ่าค่ะ ต่อมาค่ะ ตัว DE ค่ะ DE จะลดลงนะคะ เมื่อเทียบทั้งกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วแล้วก็ช่วงของปลายปีที่ผ่านมานะคะ สาเหตุหลักก็จะมาจากตัว asset ที่เพิ่มขึ้นนะคะ ตัว asset ที่เพิ่มขึ้นนี้ก็ส่วนใหญ่ก็จะมาจากตัวการลงทุนสายการผลิตที่ 3 ค่ะ
ความเสี่ยง
ปัจจุบันจะมีอยู่ 4 ด้านหลักๆ ด้วยกัน ก็คือ 1 เลยก็คือเป็นลายการผลิตที่เราอยู่ในโลเคชั่นเดียว
ถัดมาก็จะเป็นเรื่องของตัวมาตรการการค้าระหว่างประเทศ ทางด้านถัดไปก็จะเป็นเรื่องของค่าพลังงานแล้วก็ Exchange rate
ในส่วนของตัวมาตรการการค้าระหว่างประเทศเองนะครับ ปัจจุบันเนี่ยก็ยังมี การไต่สวนอยู่ 2 อันด้วยกัน 1 เลยเนี่ยก็เป็นสำหรับตัวสินค้าที่ส่งออกไปที่ประเทศอินเดีย นอก จากอินเดียแล้วเนี่ยก็จะมีตัวมาเลเซียเอง เอ้ยโทษทีครับไม่ใช่มาเลเซียเป็นเวียดนามนะครับ แล้วก็นอกจาก 2 ประเทศนี้ครับ ล่าสุดก็จะมีอีกหนึ่งประเทศที่เพิ่มเข้ามานะครับ จะเป็นในส่วนของประเทศเกาหลีใต้นะครับ ที่เป็นมาตรการ เอ่อ ทุ่มตลาดไปที่เกาหลีใต้นะครับ ซึ่งทั้งหมดนี้เองเนี่ยทางบริษัทก็ได้ติดตามอยู่นะครับ
ถัดไปก็จะเป็นเรื่องของตัวค่าพลังงานนะครับที่ค่อนข้างมีความสำคัญต่อต้นทุนการผลิตของเรานะครับ ก็เป็นปัจจัยที่ทางบริษัทก็มอนิเตอร์อยู่เช่นกัน
นอกจากนั้นเองก็จะเป็นในส่วนของตัว อัตราแลกเปลี่ยนครับ ที่อัตราแลกเปลี่ยนเนี่ยก็จะค่อนข้างมีแนวโน้มที่จะแข็งตัวในช่วงของไตรมาส 1 แล้วก็ไตรมาส 2 ของปัจจุบันนี้เองนะครับ ที่เราอาจจะเห็นเทรนด์ได้ว่าค่อนข้างจะแข็งขึ้นมานะครับ ก็อันนี้เองอาจจะเป็นปัจจัยที่ เอ่อ เป็นผลกระทบต่อตัว อ่าผลประกอบการของบริษัทได้ในอนาคตนะครับ
สำหรับวันนี้ก็น่าจะมีประมาณนี้ครับผม ส่วนทิศทาง เกี่ยวกับตัว Romaterial นะครับ ก็จะ ในไตรมาสนี้เองที่เราเจออยู่เนี่ยก็จะเริ่มเข้าเกี่ยวกับซีซั่นของหน้าฝนนะครับ ก็อาจจะมีความเป็นไปได้ที่ตัว Romaterial ของตัวไม้เองนะครับ แล้วก็อาจจะมีการปรับขึ้นนะครับ ในส่วนของตัว Romaterial หลักอย่างเช่นกาวเนี่ยก็ยังคงทรงๆ อยู่นะครับ ก็จะประมาณนี้นะครับ ก็ถ้าไม่มีคำถามอะไรเพิ่มเติมแล้วนะครับ ก็วันนี้ก็ต้องขอบคุณท่านมากที่เข้ามาหลับฟังนะครับ แล้วก็ถ้าหลังจากนี้เนี่ย เอ่อมีคำถามอะไรเพิ่มเติมก็สามารถส่งเข้ามาตามช่องทางต่างๆ ของบริษัทได้นะครับ ขอบคุณครับ
ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม นาทีที่ 32:50]
-
Q: สัดส่วนการขายต่างประเทศในตะวันออกกลางเพิ่มขึ้นมาก มีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้สัดส่วนการขายเพิ่มขึ้นมากขนาดนั้น
A: หลักๆ เลยเป็นเรื่องของ Demand ที่ค่อนข้างเยอะ แล้วก็เป็นเรื่องของ Economy ของตะวันออกกลางเองที่ค่อนข้างดี ทำให้ Demand ในการใช้พวกสินค้าพวกนี้ค่อนข้างเยอะครับ
-
Q: จะมีโอกาสในการขยายตลาดไปประเทศอื่นหรือไม่ หรือจะเน้นที่ตะวันออกกลางเป็นหลัก
A: ตะวันออกกลางก็ยังเป็น Key หลักที่เรา Focus อยู่นะครับ แต่ว่าก็ไม่ได้ละเลยที่จะขยายตลาดไปประเทศอื่นๆ ด้วยนะครับ
-
Q: โครงการ Craft and Paper มีความคืบหน้าอย่างไร คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้เมื่อไหร่
A: ตอนนี้อยู่ในช่วงของการรอใบอนุญาตที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการได้ภายในปีนี้ครับ
-
Q: การขยายกำลังการผลิตไลน์ที่ 3 มีแผนการลงทุนและระยะเวลาดำเนินการอย่างไร
A: ยังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้ (On plan) และจะเริ่มทยอยติดตั้งเครื่องจักรบางส่วนแล้ว
-
Q: มีความเสี่ยงด้านต้นทุนการผลิตที่อาจจะสูงขึ้นจากราคาไม้ที่สูงขึ้น มีแผนการจัดการความเสี่ยงนี้อย่างไร
A: เรามีการบริหารจัดการต้นทุนอย่างต่อเนื่อง และพยายามหาแหล่งวัตถุดิบที่หลากหลายเพื่อลดผลกระทบจากราคาไม้ที่สูงขึ้น
-
Q: อัตราแลกเปลี่ยนมีแนวโน้มที่จะแข็งตัว จะมีผลกระทบต่อผลประกอบการอย่างไร และมีแผนรับมืออย่างไร
A: อัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งตัวอาจมีผลกระทบต่อรายได้จากการส่งออก เรามีการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน และพยายามเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตเพื่อลดต้นทุน
-
Q: ทิศทางราคา Romaterial ในไตรมาสหน้าจะเป็นอย่างไร และมีผลกระทบต่อบริษัทอย่างไร
A: ในไตรมาสหน้าอาจมีแนวโน้มที่ราคา Romaterial บางตัว เช่น ไม้ จะปรับขึ้นเนื่องจากเข้าสู่ช่วงหน้าฝน ส่วน Romaterial หลักอย่างกาว ยังคงทรงตัว เรามีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และปรับกลยุทธ์ตามความเหมาะสม
-
Q: การที่รายได้จากการขายลดลงในไตรมาสนี้ มีสาเหตุหลักมาจากอะไร และมีแผนแก้ไขอย่างไร
A: สาเหตุหลักมาจากการมี Unplan shutdown ในสายการผลิต ทำให้กำลังการผลิตหายไปส่วนหนึ่ง และการขายในเทอม CNF ลดลง เรามีแผนที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และขยายตลาดเพื่อเพิ่มยอดขาย
-
Q: ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการขายที่ลดลง มีสาเหตุมาจากอะไร และมีผลกระทบต่อบริษัทอย่างไร
A: ค่าใช้จ่ายในการขายที่ลดลงมาจากค่าสายการเดินเรือที่ลดลง ทำให้บริษัทมีต้นทุนในการขนส่งลดลง
สรุปใจความสำคัญ
บริษัท SKN ยังคงมุ่งเน้นการผลิตและส่งออกแผ่นไม้ MDF เป็นหลัก โดยมีตลาดตะวันออกกลางเป็นตลาดหลัก และกำลังขยายไปยังตลาดอื่นๆ บริษัทกำลังเผชิญกับความเสี่ยงด้านมาตรการการค้าระหว่างประเทศ, ราคาพลังงาน, และอัตราแลกเปลี่ยน แต่ก็มีแผนการจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม บริษัทกำลังดำเนินการขยายกำลังการผลิตและลงทุนในโครงการใหม่ๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเติบโตในอนาคต