บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
PHG สรุป Oppday Q1/2568: ขยายศักยภาพ สู่ความเป็นเลิศด้านการแพทย์
P/E 12.14 YIELD 4.07 ราคา 12.30 (0.00%)
PHG สรุป Oppday Q1/2568: ขยายศักยภาพ สู่ความเป็นเลิศด้านการแพทย์
สวัสดีนักลงทุนทุกท่าน เข้าสู่การสรุป Oppday ไตรมาส 1 ปี 2568 ของ PHG (แพรคซิต เฮลท์แคร์ กรุ๊ป) โดยจะมีการสรุปผลการดำเนินงาน อัปเดตธุรกิจ และตอบคำถามนักลงทุน
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
รายได้รวมจากการประกอบกิจการโรงพยาบาลในไตรมาส 1 ปี 2568 อยู่ที่ 616 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (Q on Q) และ 8.6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว (Year on Year)
- รายได้จาก Self-Pay (เงินสด, ประกัน, สัญญา) อยู่ที่ 342 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.4% จากปีที่แล้ว และ 3.6% จากไตรมาสก่อนหน้า
- OPD (ผู้ป่วยนอก) ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 140 ล้านบาท (ปีที่แล้ว 126 ล้านบาท)
- IPD (ผู้ป่วยใน) เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว จาก 173 ล้านบาท เป็น 202 ล้านบาท
- รายได้จากภาครัฐเพิ่มขึ้น 2.2% YoY และ 22.9% QoQ (274 ล้านบาท)
- รายได้จากประกันสังคมเพิ่มขึ้นจาก 197 ล้านบาท เป็น 217 ล้านบาท
- รายได้จากสิทธิอื่นๆ ลดลง เช่น สิทธิ สปสช. (Cat Lab) ลดลงเล็กน้อย จาก 71 ล้านบาท เหลือ 57 ล้านบาท
กำไรขั้นต้นของแพทยรังสิตเพิ่มขึ้น Gross Margin เพิ่มขึ้น Revenue เพิ่มขึ้นจาก 489 ล้านบาท เป็น 539 ล้านบาท กำไรขั้นต้นจากปีที่แล้วอยู่ที่ 115 ล้านบาท ปีนี้เป็น 130 ล้านบาท Ratio อยู่ที่ 24.1% เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่ 23.6%
กำไรขั้นต้นของโรงพยาบาลแม่และเด็กใกล้เคียงเดิมกับไตรมาส 1 ของปีที่แล้ว Revenue ลดลงประมาณ 1 ล้านบาทเล็กน้อย Gross Margin ยังเท่าเดิมอยู่ที่ประมาณ 25 ล้านบาท Ratio เพิ่มขึ้นจาก 28.9% เป็น 29.4%
EBITDA ในไตรมาส 1 ปีนี้เพิ่มขึ้น จากปีที่แล้ว ปีนี้อยู่ที่ 124 ล้านบาท (20.1%) ไตรมาส 1 ปีที่แล้วอยู่ที่ 107 ล้านบาท (18.9%)
งบแสดงฐานะการเงิน: รายการที่ใหญ่ที่สุดคือ PPE (ที่ดิน อาคาร อุปกรณ์) และสินทรัพย์สิทธิการใช้ ลดลงจาก 31 ธันวาคม 2567 ประมาณ 1.1% เนื่องจากตัดค่าเสื่อมราคาและ Amortize ของตัว ROU จาก 916 ล้านบาทในปีที่แล้ว เหลือ 906 ล้านบาทในมีนาคมปีนี้ ส่วนที่เพิ่มขึ้นหลักๆ คือ เงินลงทุนในตราสารหนี้ เพิ่มขึ้นประมาณ 6.6%
หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น: ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นจากกำไรสำหรับไตรมาส 1
IPD Occupancy Rate (อัตราการเข้าพัก) มีการเติบโตทั้ง Year on Year และ Q on Q อัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 86.7% ของ 270 เตียงใน 3 โรงพยาบาล หลักๆ เพิ่มที่แพทยรังสิต 1 เนื่องจากมีการเพิ่มผู้ประกันตนในเดือนมกราคมที่ผ่านมา
OPD มีแนวโน้มเติบโตตาม IPD ทั้ง Q on Q และ Year on Year อัตราการเข้าใช้บริการ OPD อยู่ที่ 73.1% โรงพยาบาลต้องมองหาแนวทางการขยายเพื่อรองรับผู้ประกันตนที่เพิ่มมากขึ้น
Segment ของผู้ป่วย: สิทธิภาครัฐ (Government) อยู่ที่ประมาณ 60% ของ Visit สิทธิร่วม (Co-Pay) อยู่ที่ประมาณ 19% ที่เหลือเป็น Self-Pay ซึ่งประกอบด้วย เงินสด (Cash) ประมาณ 15%, คู่สัญญา (Contract) 6% โดยแบ่งเป็น บริษัทประกัน และ Corporate
Cash ทรงตัวเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว Corporate Insurance ลดลงพอสมควร Insurance ทรงตัว ลดลง 1% เมื่อเทียบกับ Q1 ปี 2567 ส่วนที่เพิ่มขึ้นคือ Government เพิ่มขึ้น 9.7% YoY จากจำนวนผู้มีสิทธิที่เพิ่มขึ้น Co-Payment เติบโตขึ้น 22.1% YoY
Procedure Highlight: Cat Lab และศูนย์หัวใจที่เปิด 24 ชั่วโมง Advanced Cardiac Surgery Center สามารถทำได้ End-to-End (Minimal Invasive, Open Heart, Cat Lab) มีหมอ CVT Full Time และหมอที่สามารถทำ Cardiac Intervention ได้
Open Heart: ทำไปทั้งหมด 51 Cases โรงพยาบาลเป็นโรงพยาบาลเอกชน Top Top ที่ทำผ่าตัดหัวใจแบบเปิด มี Growth จาก Self-Pay ค่อนข้างเยอะ 73% ของเคสมาจากสิทธิภาครัฐ (Refer จากโรงพยาบาลคู่แข่ง, UC)
Cat Lab: มีความ Drop ลงในช่วง Q1 ปี 2568 แต่ Case Self-Pay ของ Cat Lab มีการเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด 100 กว่าเปอร์เซ็นต์ YoY ลูกค้า Self-Pay มาใช้บริการหัตถการใหญ่ๆ ได้รับความไว้วางใจมากขึ้น
OR (ห้องผ่าตัด): ภาพรวมในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 โตขึ้นทั้ง Q on Q และ Year on Year Growth ของ OR ใน Segment ที่เป็นคนไข้เงินสด (Self-Pay) เพิ่มขึ้น 20% Top Procedure ใน OR: Orthopedics, ส่องกล้อง (Screening, ผ่าตัดแผลเล็ก MIS ในส่วน Gyne, ENT, Ortho (Spine Surgery เพิ่มเข้ามาในไตรมาส 1 ปี 2568)
ยอดคลอด: ดรอปลงค่อนข้างพอสมควรในไตรมาส 1 ปี 2568 (183 Cases) Drop ทั้ง Q on Q และ Year on Year สอดคล้องกับภาพรวมของ Low Birth Rate ในประเทศไทย โรงพยาบาลควรเพิ่ม Service ใหม่ๆ (โรคทางนรีเวช เพื่อ Cover ยอดคลอด OB ที่ลดลง, โรค Pediatric/กุมารเวช)
Spending per billing: OPD เพิ่มขึ้นจากคนไข้ต่างชาติ, การปรับราคาค่าบริการ OPD
Spending per billing: IPD โตขึ้นทั้ง YoY และ QoQ จากคนไข้ต่างชาติที่มาทำหัตถการใหญ่ๆ (OR, Cat Lab)
Revenue per billing สำหรับผู้ประกันตน (มาตรา 33, 39) เพิ่มโควต้าผู้ประกันตนที่โรงพยาบาลเปิดรับในเดือนมกราคม 2568 จาก 156,000 หัว เป็น 170,000 หัว ณ มีนาคม Register แล้ว 169,000 หัว Revenue Per Insurer ใกล้เคียงกับ Q1 ปี 2567
Breakdown รายได้: แบ่งเป็น Self-Pay (ศูนย์ศัลยกรรม, Med, เด็ก, ENT, Checkup, ศูนย์หัวใจ) และ Social Security (ประกันสังคม, สปสช.)
Adjust RW (ประกันสังคม): ยืนยันที่ 12,000 บาท/Adjust RW ในช่วง 6 เดือนแรกของปี Pending รอประกาศของภาครัฐสำหรับ 6 เดือนหลังของปี
Adjust RW (สปสช.): ต่ำกว่าของประกันสังคม (8,500-9,000 บาท/RW) ODS (One Day Surgery): Adjust RW น้อยกว่า 12,000 (9,600-9,800 บาท) 26 โรคเรื้อรัง (Cover ในส่วนผู้ป่วยโรคเรื้อรังทั้ง 26 โรค) Service Base (เบิกอุปกรณ์ส่วนเพิ่ม, ตรวจ HIV, Checkup ประกันสังคม, ทันตกรรม, ฟอกไต)
Self-Pay: 80% ของรายได้ Self-Pay ของโรงพยาบาลมาจาก Med, เด็ก, Ortho/ศัลยกรรม, OB Gyne 20% กระจายตาม BU ต่างๆ ที่ลดลงคือ กุมารเวช, OB Gyne ที่โตคือ Med, Ortho/ศัลยกรรม
Cardio และ Neuro เพิ่มอย่างก้าวกระโดด มี Case ทำ Neuro (เส้นเลือดตีบ/แตกตัน) โดยใช้เครื่อง Cat Lab
ภาครัฐ: Fix Per Head Per Insurer (1,808 บาท/หัว/ปี) เพิ่มขึ้นจาก Quantity หัวของประกันสังคมที่รับเพิ่ม DRG ใกล้เคียงกัน Cat Lab (สปสช.) ลดลง เนื่องจาก Refer น้อยลง มีคู่แข่งที่เปิดเพิ่มขึ้น
PHG จะเปิดแพทยรังสิตโพลีคลินิก (สหคลินิก) ที่ Hub ตรงศูนย์การค้าซีอาร์ เพื่อรองรับผู้ประกันตนและบุคลากร 4 BU จะย้ายจากแพทยรังสิต 1 ไปเปิดที่ Hub: Orthopedics, ศัลยกรรมทั่วไป, สูตินรีเวช, ENT รวม 15 ห้องตรวจ จะใช้ Service คนไข้ประกันสังคมที่มีบัตรนัดเป็นหลัก Timeline: เร่ง Renovate เพื่อเปิดให้ทันใน Week 1 ของ June Approve License ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม
สิ่งที่ PHG จะทำหลังจากย้าย 4 คลินิกไปที่ Hub: เปลี่ยนห้องตรวจ Orthopedics (ประกันสังคม) เป็น Self-Pay OPD สำหรับ General Surgery ขยายห้องตรวจอายุรกรรมที่แน่น Stroke Unit: เริ่ม Stroke ตั้งแต่ปีที่แล้ว Ramp Up ในช่วงต้นปีนี้ Invest เครื่อง Biplane เพื่อทำ Stroke Dedicated Stroke Unit
โปรโมท ESG (Environmental, Social, Governance Impact) Environment: ยึดหลัก 3R (Recycle Plastic Waste, ติดแผงโซล่าเซลล์) Social: จัด Masterclass/คันแม่คุณภาพ (คุณแม่ที่เพิ่งคลอดบุตรใหม่) Onsite ฉีดวัคซีน (ไข้หวัดใหญ่)
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 34.15]
- **ความกังวลใน 1-3 ปีข้างหน้า:**
- กังวลเรื่อง Performance ของโรงพยาบาลแม่และเด็ก ที่ยอดคลอดลดลง
- กังวลเรื่อง Spending Power ของคนไข้ Self-Pay และคู่แข่งที่เปิดเพิ่มขึ้น
- ให้ความสำคัญกับ Safety ของคนไข้ และ Quality of Life
- ให้ความสำคัญกับการเติบโตของคนไข้ Self-Pay และรักษาฐานลูกค้าภาครัฐ
- **ตัวเลข ROIC เทียบกับ WACC:**
- WACC ของกลุ่ม Healthcare อยู่ที่ประมาณ 2.22% (ปี 2566)
- ROIC ของโรงพยาบาลเองอยู่ที่ประมาณ 3% ต้นๆ
- **การเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร:**
- PG ได้รู้จักกับ CEO ท่านใหม่แล้ว มีการประชุมเพื่อ Brief แผนธุรกิจ และ Recap การดำเนินธุรกิจที่ผ่านมา
- CEO ท่านใหม่มี Background ในวงการการแพทย์ คาดว่าจะ Add Value ให้กับแนวทางการขยายของ PG ได้
- **แผนลงทุนในนิคมโรจนะ:**
- การลงทุนโรงพยาบาลขนาด 100 เตียง ใช้เงินลงทุนพอสมควร
- กำลังศึกษา Market Study ในอยุธยา ที่เป็นนิคมอุตสาหกรรม
- ยังไม่มี Timeline ที่แน่ชัด อยู่ในช่วงที่ประเมิน Fees
- Prioritize การขยายตามแผน IPO สำหรับโรง Mix Use และโรงที่จะเพิ่มเตียง IPD
- ข้อเสนอแนะ: ติดต่อ RGH (ราชธานี) เพื่อร่วมทุน/Swap หุ้น
- PG ยังไม่ได้ Contact กับฝ่ายบริหาร/บอร์ดของ RGH
- PG ขอทำ Market Survey อีกสักนิด
- ขึ้นอยู่กับนโยบายของราชธานีด้วย
- การร่วมมือในเชิงการแพทย์ (ส่งเคสระหว่างกัน PG กับ RGH) ตอนนี้ทำอยู่
- **อัตราการเข้าใช้บริการ (Occupancy Rate):**
- OPD จะอยู่ที่เลขประมาณ 73% Q1 (ยังไม่มี Hub)
- ถ้ามี Hub (เพิ่มห้องตรวจ) จะทำให้ OPD ตรงนี้ทุเลาลงได้ในช่วง High Season
- IPD ค่อนข้างแน่นใน Q3 (92%)
- PG มีการบริหารจัดการเตียง (Discharge คนไข้, Share เตียง)
- Q3/2568 เทรนด์น่าจะใกล้เคียงกับ Q3/2567
- **Adjust RW:**
- ประกันสังคมยืนยันที่ 12,000 บาท ในช่วง 6 เดือนแรก
- ช่วง 6 เดือนหลัง ต้องคุยกันอีกที
- ฝ่ายบริหาร Concern ว่า Adjust RW จะ Drop ลงหรือไม่
- Estimate อาจจะ Drop ลงจาก 12,000 เหลือ 9,000-10,000 บาท
- อยู่ใน Process ของการคุยกันอยู่ เพื่อสะท้อนภาพ Financial Performance ทั้งปีที่ดีที่สุด
- **เศรษฐกิจชะลอตัว:**
- โรงพยาบาลเป็น Business ที่เป็น Seasonal
- Seasonal ที่ดีที่สุด: Q3, Q4, Q1, Q2 (Q2 จะ Drop ลงที่สุด)
- Q2 ปีที่แล้วมี Effect ของตัว Adjust RW
- Performance เมษายน 2568 ดีขึ้นกว่าปี 2567
- Top Line โตขึ้นประมาณ 2 Digit
- Flue, Covid ระบาดในเมษายน-พฤษภาคม
- คนไข้ต่างชาติ เพิ่มขึ้นค่อนข้างเยอะ (3-4%)
โดยสรุป PHG มุ่งเน้นการขยายศักยภาพในการบริการทางการแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน Cardio และ Neuro พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการเพิ่มรายได้จาก Self-Pay และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว