บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
SAK โชว์ผลงาน Q1 ปี 2568 สินเชื่อโตต่อเนื่อง เดินหน้าขยายสาขา คว้าโอกาสธุรกิจใหม่
P/E 7.82 YIELD 5.36 ราคา 3.36 (0.00%)
SAK โชว์ผลงาน Q1 ปี 2568 สินเชื่อโตต่อเนื่อง เดินหน้าขยายสาขา คว้าโอกาสธุรกิจใหม่
1. **ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):**ในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 SAK มีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีพอร์ตลูกหนี้รวม 14,428 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 1.1% จากไตรมาสก่อนหน้า รายได้รวมของบริษัทอยู่ที่ 826 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.2% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว กำไรสุทธิของบริษัทอยู่ที่ 224 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.1% จากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว
อัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 อยู่ที่ 13.6% และอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) อยู่ที่ 5.6% สาขาของบริษัทมีทั้งสิ้น 1,079 แห่ง ครอบคลุม 47 จังหวัด
SAK ได้รับรางวัลระดับองค์กรหลายรางวัลในไตรมาสที่ 1 รวมถึงเครื่องหมายรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรประจำปี 2568, สถานประกอบการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงานประจำปี 2567, และองค์กรส่งเสริมการจ้างงานผู้พิการปี 2567
2. **โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):**บริษัทเล็งเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มสินเชื่อที่ดิน ซึ่งมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงโอกาสในการเติบโตในตลาดพลังงานทดแทนผ่านบริษัท สยามโซลาร์เอ็นเนอร์ยี ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่ให้บริการด้านการจำหน่ายและติดตั้งหลังคาโซลาร์รูฟ
3. **ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):**SAK เผชิญกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพของพอร์ตสินเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มขึ้นของลูกหนี้ใน Stage 2 ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงรักษาระดับการตั้งสำรองในอัตราที่เหมาะสม เพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
4. **วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):**บริษัทให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการคุณภาพสินเชื่ออย่างใกล้ชิด โดยมีการตรวจสอบและติดตามลูกหนี้อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการปรับปรุงกระบวนการพิจารณาสินเชื่อให้มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ SAK ยังมีการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย
5. **แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):**SAK ตั้งเป้าหมายที่จะขยายพอร์ตลูกหนี้ให้เติบโต 15% ในปี 2568 และรักษาระดับ NPL ให้อยู่ที่ 2.5% บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
6. **ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 28.56]****สาขาที่ขยายในช่วงเดือน 1, 2, 3 ขยายเดือนละกี่สาขา?**
เปิดสาขาในไตรมาสที่ 1 ทั้งสิ้น 50 แห่ง เป็นเปิดในเดือนมกราคม 24 แห่ง, กุมภาพันธ์ 17 แห่ง และมีนาคม 9 แห่ง
**สาเหตุใดจึงตัดสินใจเลิกกิจการ ส.สยาม เมกะโดรน?**
ดำเนินงานมาเกือบครบ 4 ปี มองว่าจะตอบโจทย์เรื่องโดรนเพื่อการเกษตร ใช้สินเชื่อ ส.สยาม ปรากฏว่าโดรนเป็นสินค้าไม่คงทน โดยเฉพาะแบตเตอรี่เสื่อมเร็ว เปลี่ยนมาให้บริการพ่นปุ๋ยโดรน พบว่ามีข้อจำกัดในการจัดการ ต้องใช้บุคลากรภายนอก จึงตัดสินใจนำทรัพยากรไปทำเรื่องอื่น โดยเฉพาะโซลาร์รูฟ
**รายได้อื่นของบริษัทเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 67 และ 68 เติบโตสูงขึ้นเพราะเหตุใด?**
เนื่องจากมีการเปิดบริษัท ส.โซลาร์ ซึ่งเมื่อก่อนเป็นการร่วมทุนกับบริษัทอื่น ทำให้ ส.สยาม เป็นผู้ถือหุ้นส่วนน้อยจึงไม่ได้นำมา consolidat แต่ปี 68 ลงทุนหรือถือหุ้น 100% ทำให้มียอดขายจากโซลาร์รูฟท็อปเป็นส่วนใหญ่
**ผลขาดทุนด้านเครดิตกลับมาเพิ่มเป็น 60 ล้าน และ NPL เพิ่มมาเป็น 2.6% ในภาพรวมเกิดจากอะไร?**
ในส่วนของเครดิตคอส มีส่วนที่ต้องสำรองในเรื่องที่จะปิดบริษัทเมกะโดรนที่ลงทุนไป 35 ล้าน ซึ่งได้ตั้งสำรองผลขาดทุนตรงนี้อยู่ประมาณ 13 ล้านใน P&L ของไตรมาส 1 ส่วนที่เหลือเป็นเรื่องการเพิ่มขึ้นของลูกหนี้สเตจ 2 ทำให้มีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น ทางด้านพอร์ตสินเชื่อก็เป็นเรื่องเพิ่มขึ้นของลูกหนี้สเตจ 2 จากไตรมาสที่ผ่านมา
**จากพอร์ตสินเชื่อที่ดินที่มีการเติบโตอย่างมากในปี 67 บริษัทมีเป้าการเติบโตสินเชื่อที่ดินในปี 68 กี่ %?**
สินเชื่อที่ดินปีที่แล้วเติบโตขึ้นมาประมาณครึ่งหนึ่งของการเติบโตในภาพรวม ในปีนี้คาดว่าการเติบโตนี้จะยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และคงจะไม่น้อยกว่าปีที่แล้ว
**บริษัทมีการถือครองเงินสดมากขึ้นจากไตรมาสที่ 4 เป็น 2 เท่าเนื่องมาจากสาเหตุอะไร และบริษัทมีแนวทางในการจัดการเงินทุนอย่างไรในปี 68?**
สิ้นไตรมาสมีเงินสดอยู่ประมาณ 400 กว่าล้าน เป็นเพราะช่วงต้นช่วงปลายไตรมาสได้วงเงินกู้ จึงได้ทำการเบิกวงเงินกู้เพื่อที่จะเอามาขยายในเดือนเมษายนกับพฤษภาคมในไตรมาส 2 ไม่ได้ถือเงินสดไว้เยอะ เพียงแค่ตอนสิ้นงวดเบิกเงินจากแบงค์มา ในปัจจุบันยังมีแนวทางการกู้จากธนาคารอยู่ และอัตราดอกเบี้ยก็จะเป็นในทิศทางขาลง ก็จะเป็นผลดีในเรื่องของต้นทุนทางการเงิน
**บริษัทมีแนวทางในการจัดการลูกหนี้สเตจ 2 และสเตจ 3 ที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากในไตรมาสที่ 4 อย่างไร และคาดว่า NPL ในไตรมาสที่ 2 ถึงไตรมาสที่ 4 ของปี 68 จะเป็นเท่าไร?**
หนี้สเตจ 2 สเตจ 3 มีการเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ไม่ได้เพิ่มเยอะ เมื่อคิดเป็น % NPL ก็คงจะไม่ได้มากไปกว่าปีที่แล้วทั้งปี และยังสามารถควบคุมได้อยู่ ส่วนหนึ่งที่คิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วอาจจะดูเหมือนสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นบ้างเพราะว่าในไตรมาสที่ 1 พอร์ตสินเชื่อโดยรวมนั้นยังมีการเติบโตขึ้นมาไม่มากนัก เพราะลูกค้าโดยเฉพาะที่เป็นเกษตรกรยังมาใช้บริการน้อยเพราะหมดฤดูเพาะปลูก แต่ตอนนี้ก็เริ่มกลับมาใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 2 โดยเฉพาะตอนที่ฝนเริ่มจะมา วิธีการควบคุมที่ดีคือควบคุมคนที่ ที่จะให้สินเชื่อ โดยบริษัทมีความเชื่อมั่นว่ามีการเพิ่มการควบคุม เพราะว่ามีการมอนิเตอร์เรื่องของ โอกาสที่จะเกิดหนี้เสียสำหรับลูกหนี้แต่ละกลุ่มเพิ่มขึ้นเป็นระยะ มีการระมัดระวังในเรื่องของการบริหารทางด้าน หนี้เสียและกระแสเงินสดที่จะมีโอกาสจะได้รับผลกระทบจากการเกิดเป็นหนี้เสียขึ้นมาด้วย
**ปกติให้ LTV ของสินเชื่อที่ดิน และรถยนต์ประมาณกี่ %?**
สินเชื่อที่ดินให้ไม่เกิน 50% ปกติจะอยู่ที่ประมาณ 30-40% ไม่ได้ให้เต็มมูลค่า ในส่วนของสินเชื่อรถยนต์จะอยู่ที่ประมาณ 80-90% และมีการปรับ rate หรือเพดานที่จะให้สินเชื่อตามมูลค่าที่อยู่ในท้องตลาด
**หลังจากดอกเบี้ยนโยบายลดลง มีโอกาสที่ส่วนต่างดอกเบี้ย NIM ของบริษัทจะเป็นขาขึ้นบ้างไหม?**
NIM อาจจะทรงตัว อาจจะทรงตัวพอๆ กับปีที่แล้ว เพราะว่าเหตุที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลง ไม่แน่ใจว่าจะลดลงไปมากกว่านี้หรือเปล่า เพราะว่าบริษัทก็เริ่มได้รับผลดีจากการที่ได้รับเงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยที่เริ่มจะลดลงบ้าง แต่ว่าสินเชื่อในส่วนที่เพิ่มขึ้นมาในส่วนที่เป็นสินเชื่อที่ดินอัตราดอกเบี้ยเราคงคิดสูงมากไม่ได้ ก็อาจจะเซ็ตตัวไปทำให้ อัตรา สเปรดน่าจะทรงตัวอยู่กับปีที่แล้ว
**ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา สินเชื่อที่เติบโตมากก็จะเป็นที่ดินเป็นหลัก ในขณะที่สินเชื่อจำนำทะเบียนเติบโตน้อยเป็นเพราะอะไร จำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหนในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา NPL และ ECL ที่เพิ่มขึ้นมาจากสินเชื่อกลุ่มไหน?**
สินเชื่อที่ดินกับสินเชื่อทะเบียนรถ ถ้าคิดเป็นเม็ดเงินเติบโตขึ้นมาพอๆ กัน แต่ว่าสินเชื่อที่ดินเริ่มจากฐานที่เล็กกว่า พอคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ก็เลยจะดูเหมือนสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก แต่สินเชื่อทะเบียนรถเติบโตได้น้อยลงก็เพราะอาจจะเป็นเพราะเริ่มอิ่มตัว หรือเปล่า เพราะว่าตอนนี้ประชาชนก็ใช้บริการสินเชื่อกันค่อนข้างจะปกติแล้วค่อนข้างจะเยอะอยู่แล้ว ถ้าเป็นของปีที่แล้วส่วนนึงก็คือเกิดจากคือดอกเบี้ย อ่าถ้าเป็นหนี้แม้แต่เป็นหนี้ที่เพิ่งเข้ามาในระบบอันนี้เราก็ต้องเพิ่ม แต่นPLและECLที่เพิ่มขึ้นอันนี้ก็ผมคิดว่า NPLเราเพิ่มขึ้นมาประมาณ0.1% จากเดิม0.1%ก็ก็ไม่ได้เยอะ บางครั้งก็อาจจะเป็นผลพ่วงมาจากช่วงปีใหม่ก็ดี มันมีการหยุด ในช่วงของเทศกาลเข้ามามากขึ้น ประชาชนก็อาจจะมีการเรียก ว่าทั้งชำระหนี้ ไม่สามารถจะเข้ามาชำระหนี้เพิ่มขึ้นบ้าง ECLที่เพิ่มขึ้นก็อธิบายเมื่อครู่ว่าเนื่องจากสเตท2 แต่ถ้าเกิดเป็นสินเชื่อกลุ่มไหนก็คือส่วนใหญ่ก็ยังมาจากสินเชื่อทะเบียนรถ เพราะว่าเป็น พอร์ตสินเชื่อที่ที่เยอะในในในพอร์ตของเรา
**บริษัทมีส่วนต้นทุนทางการเงินต่อเงินกู้ยืมลดลงในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 อยากทราบว่ามาจากสาเหตุใด แล้วก็บริษัทมองแนวโน้มในอนาคตจะอยู่กี่ %?**
ต้นทุนทางการเงินจะลดลงตอนนี้ก็จะอยู่ประมาณที่ 4.4% ก็มีผลพวงมาจากปีที่แล้ว ก่อนที่ กนง. จะลดดอกเบี้ยเราก็ได้เจรจาปรับลดอัตราดอกเบี้ยกับทางธนาคารก็ได้ รับความร่วมมือธนาคารก็ลดให้ แล้วก็ประกอบกับมีการลดประกอบกับ กนง. มีการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยก็เลยทำให้ต้นทุนของเราลดลง
**ในพอร์ตสินเชื่อทั้งหมดของบริษัท สินเชื่อประเภทใดมี NPL สูงสุดและต่ำสุด?**
สูงสุดเลยจะเป็นสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน ก็คือพวกนาโนไฟแนนซ์ แล้วก็พวก สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อส่วนบุคคลจะอยู่ที่ประมาณ 9% สินเชื่อนนาโนไฟแนนซ์อยู่ที่ประมาณ 8% ในปัจจุบัน ในส่วนที่เป็น NPLต่ำที่สุดน่าจะเป็น น่าจะเป็น ตอนนี้วันนี้ยังเป็น ยังเป็นสินเชื่อ สินเชื่อที่ดิน อาจจะเพราะมันยังใหม่อยู่
**บริษัทใช้นโยบายหรือวิธีการจัดการอย่างไรจึงทำให้สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการบริหารให้ลดลงได้?**
บริษัทมีความเข้าใจคือพยายามมองไปข้างหน้าว่ามันมันภาวะความไม่แน่นอนความผันผวนเรื่องความเป็นอยู่หากินของประชาชนมันจะมีผลกระทบอย่างไรได้บ้าง งั้นเรื่องที่สำคัญเรื่องหนึ่งนะก็คือคือกลับมามองแล้วก็ควบคุมในเรื่องของ ค่าใช้จ่ายคือในไตรมาสที่ 1 เรารู้ว่าค่าใช้จ่ายบางตัวมันจะต้องเพิ่มขึ้นมีค่ามากขึ้น ก็ ก็พยายามจะควบคุมในเรื่องของค่าใช้จ่ายทางด้านการบริหารอื่น ๆ ให้มันอยู่ใน อยู่ในแนวทางที่ที่คิดว่าคือทุกเรื่องที่ทำได้เราก็ทำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าสาธารณูปโภคค่าน้ำมันค่าน้ำค่าไฟต่าง ๆ ประกอบกับ สภาวะเศรษฐกิจเป็นแบบนี้ก็คือทางบริษัทก็มีโครงการเรื่อง คอร์สเซฟวิ่งโปรเจค นะคะ เพื่อที่จะควบคุมเรื่องค่าใช้จ่ายแล้วก็ปรับกระบวนการในการทำงาน
**ควบคุมขาดทุน การขาดทุนที่เกิดจากรถยึดอย่างไร แล้วก็สถานการณ์ในตลาด การขายรถยนต์ที่ยึดมาได้ปัจจุบัน ขาดทุนโดยเฉลี่ยอยู่ที่กี่ %?**
รถยึดใน ในๆๆปีที่แล้ว ข้อมูลรถยึด ถ้า รวมทั้ง ทุกประเภท ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ก็คือ ถึงพัน ถึงพันต้นๆ แล้วก็ปัจจุบันก็มีการจำหน่ายออกไปคือเราจะไม่เก็บไว้พยายามที่จะไป นำๆๆไปจำหน่ายนะเพื่อ ชำระหนี้ ในสิ้นไตรมาสที่ 1 เนี่ยรถ ที่ยังค้างอยู่ก็จะอยู่ที่ประมาณ 200 คัน 200 คันต้นๆ มูลค่าประมาณ 20 ล้านบาท ส่วนนึงก็คือเราไม่ ไม่เก็บไว้พยายามจะเงินออกให้รวดเร็วและก็เจรจา กับลูกหนี้ในการที่จะให้มาชำระ หนี้ในส่วนที่ยังค้างอยู่ ขาดทุนโดยเฉลี่ยอยู่ที่กี่เปอร์เซ็นต์ก็คือ20%ได้มั้ย ขายรถยึดเนี่ยมันจะไม่มีกำไรเพราะถ้ามีกำไรเราก็คือลูกหนี้ จะเหลือแต่เฉพาะเรื่องของ อยู่ที่ประมาณ 14% นะครับ คือขายรถยึดเนี่ยมันจะไม่มีกำไร เพราะถ้ามีกำไรเราก็คือลูกหนี้ จะเหลือแต่เฉพาะเรื่องของขาดทุนมากน้อยเท่านั้นเอง
**ตอน OP Day ข่าว ก่อน บริหารบอกว่า ถ้าแนวโน้มเศรษฐกิจอำนวย นะคะ อาจจะเพิ่ม เฝ้าการเติบโต ของพรอดลูกหนี้ อยากทราบว่า อยากทราบว่าถ้าสภาวะเศรษฐกิจวันนี้ค่ะ ผู้บริหารมีมุมมองต่อการเติบโตหรือว่าต้องเป้าหมายเพิ่มหรือลดลงยังไงบ้าง?**
ขอเรียนสรุปว่าเรามีเป้าหมาย เราก็มองไปที่โอกาสที่จะเติบโตอยู่ตลอดเวลา อันนี้เราก็ดูว่าอย่างสมมุติมีโอกาสใน การที่ในไตรมาสที่ 2 เนี่ยเข้าสู่ฤดูการเพาะปลูกในมาสที่ 3 เนี่ยซึ่งโดยปกติก็ เป็นของทุกปีก็แนวโน้มของทุกปีก็จะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เราก็มีการเตรียม เตรียมเงินทุนแล้วก็เตรียม แคมเปญในการที่จะที่จะทำให้พรอดสินเชื่อนั้นเติบโต แต่ว่าสถานการณ์ ในช่วงนี้ที่ผ่านมา 2-3 ปีเนี่ยมันก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในด้านการ เกิดเป็นหนี้เสียหนี้สูญ นี่ก็ ขอพยายามบาลานซ์ เรื่องของ ความเสียให้ได้ ในขณะเดียวกันก็ เติบโต โดยที่ไม่ไปฝืนในเรื่องของ จะเกิดเป็นโอกาสที่จะเป็นหนี้สูญขึ้นมา
**เหตุใดปีนี้มีการขยายสาขาค่อนข้างน้อย?**
สาขาเดิมที่ขยายเอาไว้ก็เห็นว่ายังสามารถที่จะมีช่องให้ปรับ เพิ่ม เพิ่มศักยภาพของที่มีอยู่ได้ สาขาใหม่ที่เพื่อน เพิ่มขึ้นไปก็คือเพิ่ม รีแบรนด์ไปเพิ่ม เพื่อทำให้ เรียกว่าไปเสริมให้กับ สาขาที่มีอยู่นะในพื้นที่ที่เราเห็นว่าสร้างโอกาสได้เร็วได้เร็ว
**ช่วงที่เหลือของปีนะคะจะกลับมาเติบโตในพอร์ตสินเชื่อไหนบ้างแล้วก็ส่วนต่างดอกเบี้ยนะคะจะเป็นที่เท่าไหร่เมื่อเทียบกับไตรมาส1 ค่ะ?**
ส่วนที่เหลือของปีคิดว่าเรื่องของinterest spreadนี้น่าจะพอๆกัน น่าจะไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงไปมาก
**แนวโน้ม NPL ระยะสั้น ๆ นะคะ น่ากังวลหรือไม่คะ?**
NPL เนี่ยมันจะ เราก็จะพยายามกันมี จะเป็นหนี้เสียนะครับ ใน ในกลุ่มที่เราบริหารไม่ได้ นะเป็นหนี้สูญออกไปแล้วก็เหมือนกันอยู่ทุกเดือนทุกไตรมาสอยู่แล้ว ที่สำคัญก็คือต้องระวังไม่ให้หัวใหม่ เนี่ยมัน มาไหลมาเพิ่ม ไลมาเพิ่มขึ้น ก็โดยการปฏิบัติ ตามมาตรฐานบัญชีอันนี้ก็มีการควบคุมอยู่นะ มีทางผู้สอบบัญชี แล้วก็ก็ทำให้มั่นใจได้ว่าคงไม่ได้ไปเละเทะไป ก็อยู่ที่การควบคุมอย่างไปมาแล้ว การมอนิเตอร์ลูกหนี้ให้ชัดเจน คือมันก็จะมีปรากฏการณ์ที่ว่าอย่างหนี้สเตจ 2 ที่เพิ่มขึ้นก็เป็นเพราะว่าพอเริ่มค้างแล้วนะครับก็จะค้างอยู่ อยู่ที่สเตจ 2 อยู่เป็นระยะเวลาหนึ่ง มันต้องมีระยะเวลาดูใจกันอีก 3 เดือน ที่จะ นะขึ้นมาเป็นสเตจ 1 ได้
**สถานการณ์ NPL ในปีนี้บริษัทมีมุมมองอย่างไร ก็ น่าจะมีการอธิบาย ค่ะ แล้วก็วางแผนตั้งสำรองเครดิต คอร์ส เป็นกี่ %?**
ถ้าถ้าสมมุติว่าดู จํานวนเปอร์เซ็นต์นะคะก็ ให้ดูจากการตั้งประมาณ 2% ของขอดสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นนะคะ
**เหตุใดบริษัทจึงขยายธุรกิจ ไปในพอร์ตสินเชื่อที่ดินค่ะ?**
น่าจะเกิดจากความ ต้องการคือ มีลูกค้าเราเนี่ย ส่วนใหญ่ก็เป็น เป็นเป็นเกษตรกรแล้วก็เป็นลูกค้าที่อยู่ในภูมิภาค บอกประเมินจาก สามารถในการ มาหาได้ในการ เลี้ยง ทำสร้างรายได้นะครับโดยเฉพาะอย่าง ทางด้านของการทำอาชีพเกษตรกรรม ที่ ที่ยังเป็นประมาณ 10 ล้านครัวเรือนเนี่ยก็ยัง ยังคงมีอาชีพนี้อยู่ คิดว่าเราประเมินจากสิ่งที่เป็น ก็ยังเชื่อว่าประเทศไทยยังสามารถผลิต ผลิต ผลผลิตที่เป็นที่ต้องการของ ทั้งในประเทศแล้วก็ของตลาดโลกได้ เลยคิดว่ามีความมั่นใจ ที่จะขยายออกไป แล้วก็ตั้งแต้วเอาไว้ หลาย ๆ ปี 2-3 ปีแล้วก็ อย่างน้อยก็ 15% ก็ปีที่แล้วก็ทำได้เกินกว่านี้ คือต้องเอาไว้นะครับ ก็ยังมีอยู่
**การปรับลด โพลิซีเรทของ แบงค์ชาติ นะคะมี impact ต่อต้นทุนของบริษัทหรือไม่?**
มีผล
**สินเชื่อประเภทใดมี NPL สูงสุด นาโนไฟแนนซ์?**
น่าจะเป็นสินเชื่อบุคคลนะครับ น่าจะสูงกว่านาโนไฟแนนซ์ก็สูงประมาณ 8-9%
**อยากจะสอบถามว่าค่าใช้จ่ายในไตรมาสต่อๆ ไปจนถึงไตรมาส 4 นะคะน่าจะไม่เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 อย่างมีนัยยะใช่ไหมครับ เนื่องจากการขยายสาขาเกิดขึ้นเฉพาะในคิว1?**
ค่าใช้จ่ายสำคัญในช่วงนี้เนี่ย ในเรื่องของทางด้านโอเปอเรชั่นเนี่ยอันนี้เราพยายามควบคุม เรื่องเรามันเป็นสิ่งที่เราพอจะค่อนข้างง่าย แต่ว่าลดลงหรือไม่หลังจากเปิดสงฆ์ขาไปครบแล้ว ก็ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ นะอย่างที่เรียนในการจ่ายในการตั้งคํางานจ่ายในการตัดหนี้สูญนะครับ
**หาก สะ ตั้งเป้าว่าจะให้สัดส่วนสินเชื่อที่ดิน มีกี่เปอร์เซ็นต์ของสินเชื่อรวม แล้วก็ เอ่อ จากรักษามีตาดอกเบี้ย รับ ให้ลดลงไม่มากนักอย่างไร หากจะเติบโตในสินเชื่อที่ดินเป็นหลัก?**
ดอกเบี้ยรับ เนี่ยจริง ๆ แล้วเนี่ยคงจะค่อย ๆ อาจจะค่อย ๆ ทยอยลดลงนะครับ แต่ว่าวอลลุ่มที่เปลี่ยนคิดว่ารายได้ของบริษัทจะมีมากขึ้น
**เหตุใดไตรมาส 1 รายได้มักจะ หงุดหงิดตัวเล็กน้อย Q on Q ครับ?**
ส่วนใหญ่ไตรมาส 1 นะคะ พอร์ตสินเชื่อ ส่วนใหญ่ก็จะมีการทยอย คืน คืน พอร์ตเนาะ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นฤดูเก็บเกี่ยว กัน ไตรมาส 4 ต่อเนื่องไตรมาส 1 พืชหลัก ๆ นะคะ ข้าว โพด อ้อย นะจะอยู่ในช่วงเวลา ขายพอดี
**ไตรมาส 2 ผ่านมาแล้วครึ่งไตรมาส แนวโน้มของ สเตจ 2 เป็นอย่างไร เมื่อเทียบกับ ไตรมาส 1 ค่ะ?**
เล่าเล่าอย่างงี้แล้วกันนะคะก็ ไตรมาสที่ 1 สินเชื่อก็ยังมีการเติบโต นะฮะ เพิ่มขึ้นทุกเดือน แต่ว่ามันยังไม่เป็นไปตามเป้า พอขึ้นไตรมาสที่ 2 เนี่ยก็ ก็ใกล้เคียงนะครับ เป้าหมาย การเติบโตอย่างน้อย 15% ที่ได้ตั้งเอาไว้นะครับ แล้วก็เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แนวโน้มของของเตส 2 ผมคิดว่ายังอยู่ในภาวะที่ควบคุมได้นะฮะ มองไว้ที่ ที่ประมาณไม่เกิน 5% นะครับ
**ราคา สินค้าเกษตรปีนี้จะส่งผล ลบ นะคะต่อการชำระหนี้ของชาวไร่ชาวนาลูกค้าของศัทธ์หรือไม่ค่ะ?**
น่าเป็นห่วงนะครับ คือเทาความในปีที่แล้วเนี่ย มันมีเรื่องของเอวโยเนาะ ช่วงครึ่งปีแรกมาแรงจัด ผลผลิตก็เสียหาย แล้วก็ครึ่งปีหลังนี่ก็น้ำเยอะน้ำท่วมเนี่ย ก่อผลิต ผลิตน้อยแต่ว่าราคาแพงสูง ปีนี้เนี่ย ผลิตน่าจะได้สูงมากกว่าปีที่แล้ว แต่จะมีปัญหาว่าราคาผลผลิตจะตก ทั้งอ้อยทั้งข้าว คือประเทศใหญ่ๆก็ ไม่ได้จำกัดการส่งออกเหมือนอย่างปีที่แล้วนะครับ ก็จะทำให้เริ่มมี มีปัญหาขึ้นมา นี่คือความกังวลนะครับอันนี้ก็ต้องขอเรียนต้องกังวลอยู่ ก็ แล้วก็เข้าใจว่าทาง ทางรัฐบาลก็มีความเข้าใจพยายามนโยบาย รัฐที่ผมหลายข้อผมก็เห็นด้วยโดยเฉพาะในเรื่องของการลดต้น เงินผลิต ในเรื่องของนโยบายทางด้าน ปุ๋ยนะฮะ มันปุ๋ยราคาถูก โครงกร เงินกู้ราคาถูกนะต้นดอกเบี้ยเงินมา ของเราก็คล้าย ๆ กับที่ของเราทำของของของของทําอย่างเรานี่ก็คิดในเรื่องของ โซล่าปั๊มโซล่ารุฟนะครับ มาช่วยลดต้นทุน ในการ ทำอาชีพนะทางด้าน ของ ของเกษตรกรอยู่แล้วนะมัน จะได้มี จะได้มีเรียกว่าส่วน ที่เหลือมากขึ้น
**สรุป**
โดยรวมแล้ว SAK ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี และสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม บริษัทควรให้ความสำคัญกับการควบคุมคุณภาพสินเชื่อ และติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถปรับตัวและรับมือกับความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต