บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
KGEN ขาดทุนบาน! รายได้โตสวนทาง ต้นทุนพุ่ง ฉุดกำไรทรุดหนัก
P/E -100.00 YIELD 0.00 ราคา 1.39 (0.00%)
ไฮไลท์สำคัญ: KGEN รายได้พุ่งกว่า 32% แต่ขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้นเกือบ 94% เหตุต้นทุนบานปลาย เตรียมขยายสู่ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า หวังพลิกฟื้นสถานการณ์
KGEN หรือ บริษัท คิง เจน จำกัด (มหาชน) รายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 มีรายได้จากการให้บริการ 217.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.69% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า จากการเริ่มดำเนินธุรกิจของบริษัทย่อยด้าน Logistic อย่างไรก็ตาม บริษัทประสบผลขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 37.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 93.80% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากต้นทุนการให้บริการ ค่าเช่ารถ ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มสูงขึ้น
สถานการณ์ธุรกิจ: แข่งขันสูง ต้นทุนพุ่ง KGEN เร่งหาทางออก
ธุรกิจหลักของ KGEN คือการให้บริการรถบัสและรถตู้โดยสารไม่ประจำทาง บริการรถรับส่งนักเรียน พนักงาน บริการรถเช่าทั่วไป รวมถึงบริการขนส่งและขนถ่ายสินค้า ซึ่งเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากผู้ประกอบการรายใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับต้นทุนค่าขนส่งที่สูงขึ้นจากค่าเชื้อเพลิง ค่าจ้างแรงงาน และค่าใช้จ่ายในการลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพงานขนส่ง ทำให้ KGEN ต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาความสามารถในการทำกำไร
เพื่อแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว KGEN มีแผนที่จะขยายการลงทุนไปยังกลุ่มธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวข้อง โดยจะร่วมทุนกับ Chery Automobile Co., Ltd. ("CHERY") ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์รายใหญ่ในประเทศจีน ภายใต้แบรนด์ OMODA และ JAECOO โดยจะลงทุนในบริษัทร่วมทุนผ่านบริษัท คิงเจน ออโต้ จำกัด ("KGA") ซึ่งเป็นการลงทุนในธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง
วิเคราะห์ตัวเลข: รายได้เพิ่ม แต่ต้นทุนฉุดไม่อยู่
- รายได้: เพิ่มขึ้น 32.69% จากการเริ่มดำเนินธุรกิจของบริษัทย่อยด้าน Logistic
- ต้นทุนการให้บริการ: เพิ่มขึ้น 39.33% จากปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นของบริษัทและบริษัทย่อย
- ค่าใช้จ่ายในการบริหาร: เพิ่มขึ้น 5.23% จากการขยายการประกอบธุรกิจ
- ผลขาดทุนสุทธิ: เพิ่มขึ้น 93.80% จากต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
สรุป: KGEN เดินหน้าลงทุนธุรกิจใหม่ หวังพลิกสถานการณ์
การเพิ่มขึ้นของรายได้ไม่สามารถชดเชยการเพิ่มขึ้นของต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้ ทำให้ KGEN ประสบกับผลขาดทุนสุทธิที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม การลงทุนในธุรกิจใหม่และการร่วมทุนกับ CHERY ถือเป็นความหวังในการสร้างการเติบโตและลดความเสี่ยงในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าที่มีแนวโน้มเติบโตสูงในอนาคต