บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
GUNKUL กำไร Q1/68 พุ่ง 22.5% สวนกระแสรายได้หด!
P/E 9.17 YIELD 4.10 ราคา 1.95 (0.00%)
ไฮไลท์สำคัญ
GUNKUL โชว์ผลงานไตรมาส 1 ปี 2568 กำไรสุทธิโต 22.5% แม้รายได้รวมจะลดลง แต่ธุรกิจพลังงานหนุน กำไรจากการดำเนินงานหลัก (Core Profit) ก็ยังเพิ่มขึ้นถึง 23.91%
ผลประกอบการที่น่าสนใจ
บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL รายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 มีรายได้รวม 2,096.62 ล้านบาท ลดลง 21.08% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ที่น่าสนใจคือ กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่กลับเพิ่มขึ้น 22.50% คิดเป็น 366.97 ล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของธุรกิจพลังงาน ทั้งพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน และบนหลังคาที่ทำสัญญากับลูกค้าภาคเอกชน
ถึงแม้รายได้จากการก่อสร้างและให้บริการจะลดลงถึง 46% เนื่องจากปีก่อนมีโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่และสายเคเบิลใต้น้ำ แต่ GUNKUL ยังมี Backlog งานบริการก่อสร้างและงานขายอุปกรณ์ระบบไฟฟ้ากว่า 3,500 ล้านบาทที่รอรับรู้รายได้ นอกจากนี้ รายได้จากการขายไฟฟ้ายังเพิ่มขึ้น 2.21% โดยเฉพาะรายได้จากพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศที่เพิ่มขึ้นถึง 19.97%
นอกจากนี้ GUNKUL ยังได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้จัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) จำนวน 17 โครงการ รวม 832.4 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป
ข้อสังเกตและประเด็นสำคัญ
อัตรากำไรขั้นต้นของ GUNKUL เพิ่มขึ้นจาก 28.10% เป็น 30.48% และอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 11.33% เป็น 17.54% แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าก็เพิ่มขึ้นถึง 152.36% จากผลประกอบการที่ดีขึ้นของกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานลม
อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารก็เพิ่มขึ้น 3.79% เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเปลี่ยนอุปกรณ์ในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ (One-time item) และยังมีผลกระทบจากขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ แม้จะลดลง 54.18% แต่ก็ยังเป็นปัจจัยที่ต้องจับตามอง
สรุปและแนวโน้ม
GUNKUL ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดรวม 1,479 เมกะวัตต์ และตั้งเป้าเติบโต 10-15% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า จาก Backlog ที่มีอยู่ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนจะใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาทในอีก 5 ปีข้างหน้า