บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
TGH กำไรทรุด 70% ในไตรมาส 1/68! ธุรกิจประกันภัยฉุดไม่อยู่
P/E 7.53 YIELD 0.00 ราคา 0.00 (0.00%)
ไฮไลท์สำคัญ: กำไรสุทธิลดฮวบ แม้ธุรกิจประกันชีวิตยังไปได้สวย
TGH (ไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์) รายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 กำไรสุทธิ 64 ล้านบาท ลดลงถึง 70.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากผลการดำเนินงานที่ ขาดทุน ในธุรกิจประกันภัยและธุรกิจการเงิน แม้ว่าธุรกิจประกันชีวิตยังคงทำกำไรได้ดีตามเป้าหมายที่วางไว้
ภาพรวมอุตสาหกรรม: ประกันชีวิตสดใส รถเช่าองค์กรแผ่ว
ในส่วนของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง:
- ประกันชีวิต: อุตสาหกรรมมีเบี้ยประกันชีวิตรายใหม่เพิ่มขึ้น 11.0% ในขณะที่ TGH สามารถเพิ่มเบี้ยประกันชีวิตรายใหม่ได้ถึง 69.04% ทำให้มีส่วนแบ่งการตลาด 3.36% อยู่อันดับที่ 10
- ประกันวินาศภัย: อุตสาหกรรมมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงเพิ่มขึ้น 4.0% แต่ TGH มีส่วนแบ่งการตลาด 1.9% อยู่อันดับที่ 16
- รถยนต์: ตลาดรถเช่าองค์กรชะลอตัว ยอดขายรถยนต์ในประเทศลดลง 6.4% อย่างไรก็ตาม TGH ยังคงเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมรถเช่า มีรถยนต์ให้เช่ากว่า 23,000 คัน
เจาะลึกผลประกอบการ: รายได้ลด ค่าใช้จ่ายพุ่ง
กำไรสุทธิของ TGH ลดลงอย่างมากจาก 214 ล้านบาทในปีก่อน เหลือเพียง 64 ล้านบาทในไตรมาสนี้ โดยมีรายละเอียดดังนี้:
- รายได้: รายได้รวมลดลงเล็กน้อย 0.07% จาก 3,930 ล้านบาท เป็น 3,904 ล้านบาท เนื่องจากการลดลงของรายได้จากการขายสินทรัพย์ให้เช่า
- ค่าใช้จ่าย: ค่าใช้จ่ายรวม เพิ่มขึ้น 4.5% จาก 3,608 ล้านบาท เป็น 3,769 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าสินไหมทดแทนสำหรับเหตุการณ์แผ่นดินไหวในธุรกิจประกันภัย
- ธุรกิจประกันชีวิต: ผลการดำเนินงานการรับประกันภัยมีกำไร 255 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.0% จากปีก่อน
- ธุรกิจประกันภัย: ผลการดำเนินงานการรับประกันภัย ขาดทุน 27 ล้านบาท ลดลง 112.7% จากปีก่อน
- ธุรกิจการเงิน: ผลการดำเนินงานจากสัญญาเช่ามีกำไร 286 ล้านบาท ลดลง 1.7% จากปีก่อน
ความเสี่ยงและโอกาส: จับตาภัยพิบัติ ขยายตลาด EV
TGH เผชิญกับความเสี่ยงหลายด้าน เช่น การแข่งขันสูงในตลาดรถเช่า, การอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น, ราคารถยนต์มือหนึ่งที่แข่งขันกัน, ปริมาณรถยึดที่สูงขึ้น, และเหตุการณ์แผ่นดินไหวและอุทกภัย
อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสในการเติบโต เช่น การเติบโตของเบี้ยประกันชีวิตรายใหม่, การขยายทีมงานขายและช่องทางออนไลน์, การให้ความสำคัญกับ ESG ในการลงทุน, การพัฒนาธุรกิจบริการรถยนต์เช่าแบบสมาชิกรายเดือน, การให้เช่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้าและการออกผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า, และการให้สินเชื่อกับธุรกิจที่ใช้ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
โดยสรุป ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อรายได้และกำไรในไตรมาสนี้คือ การเพิ่มขึ้นของค่าสินไหมทดแทนจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและอุทกภัยในธุรกิจประกันภัย ซึ่งส่งผลให้ผลการดำเนินงานโดยรวมลดลง แม้ว่าธุรกิจประกันชีวิตยังคงทำกำไรได้ดี และธุรกิจรถเช่ามีการเติบโตในด้านจำนวนรถยนต์ให้เช่า อย่างไรก็ตาม การจัดการความเสี่ยงด้านภัยพิบัติและการควบคุมค่าใช้จ่ายยังคงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ TGH ในการรักษาความสามารถในการทำกำไรในอนาคต