https://aio.panphol.com/assets/images/community/4788_D78D39.png

KSS คาด TTW กำไร Q1/68 โต 24% หนุนจากโรงไฟฟ้า แต่แนะ "ถือ" ราคาเป้าหมาย 8.7 บาท

P/E 11.32 YIELD 6.63 ราคา 9.05 (0.00%)


ไฮไลท์สำคัญ:

Krungsri Securities (KSS) คาดการณ์กำไรสุทธิของ TTW ในไตรมาส 1/2568 จะอยู่ที่ 624 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) แต่ลดลง 17% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) โดยมีปัจจัยหนุนจากการเติบโตของกำไรจากโรงไฟฟ้า (CKP) ที่ TTW ถือหุ้นอยู่ 25% อย่างไรก็ตาม KSS ยังคงคำแนะนำ "ถือ" โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 8.7 บาท

รายละเอียดการวิเคราะห์:

KSS คาดว่ากำไรจากธุรกิจน้ำประปาจะลดลงเล็กน้อย 1% YoY แต่จะทรงตัว QoQ ที่ 614 ล้านบาทในไตรมาส 1/2568 แม้ว่าปริมาณการขายน้ำจะเติบโต 4.3% YoY เป็น 77.1 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะลดลง 2.2% เนื่องจากราคาขายที่ลดลงเป็น 10.60 บาท/ลูกบาศก์เมตร สำหรับปริมาณขายนน้ำเกิน 354,000 ลบ.ม./วัน นอกจากนี้ KSS คาดว่าจะรับรู้กำไรสุทธิ 10 ล้านบาทจาก CKP ซึ่งพลิกกลับจากขาดทุน 115 ล้านบาทในไตรมาส 1/2567 โดยมีปัจจัยหนุนจากปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าพลังน้าน้างึม และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้าหลวงพระบาง

ข้อสังเกต:

ผู้ถือหุ้นของ TTW ได้อนุมัติการลงทุน 10% ในบริษัท Luang Prabang Power PCL (LPCL) มูลค่าไม่เกิน 4.6 พันล้านบาท ซึ่ง KSS มองว่าจะทำให้สถานะทางการเงินของ TTW ลดลง โดยเปลี่ยนจากเงินสดสุทธิเป็นสถานะหนี้สุทธิ (0.6 เท่า) ดังนั้น KSS คาดว่ากำไรจะลดลง 1% ในปี 2568 และ 5% ในปี 2569 เนื่องจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น แม้ว่า TTW จะรับรู้ขาดทุนจากการลงทุนในโครงการหลวงพระบางในระยะใกล้ แต่คาดว่าจะมีกำไรในระยะยาว (เมื่อโรงงานเริ่ม COD ในปี 2573)

สรุป:

KSS คงคำแนะนำ "ถือ" สำหรับ TTW โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 8.7 บาท แม้ว่ากำไรในไตรมาส 1/2568 จะเติบโต YoY แต่มีปัจจัยกดดันจากราคาขายน้ำที่ลดลง และการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้าหลวงพระบางที่อาจส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของบริษัทในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม KSS มองว่า TTW ยังมีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาวจากการลงทุนในโรงไฟฟ้า

โพสต์ล่าสุด