https://aio.panphol.com/assets/images/community/4694_93DC95.png

INVX มอง PTTGC ฟื้นตัว! คาด Q1/68 ขาดทุนลดลง คงคำแนะนำ "OUTPERFORM"

P/E -100.00 YIELD 2.46 ราคา 20.30 (0.00%)


ไฮไลท์สำคัญ: INVX คงคำแนะนำ OUTPERFORM สำหรับ PTTGC

INVX ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อ PTTGC แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับตัวลดลง 27% YTD จากแรงกดดันของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี มองว่า Valuation ปัจจุบันมีส่วนลดค่อนข้างมาก โดย PBV (ปี 2568) เพียง 0.3 เท่า และ PBV (หลังหักค่าความนิยมและสินทรัพย์ไม่มีตัวตน) ที่ 0.6 เท่า คาดการณ์ผลประกอบการจะฟื้นตัวในปี 2568 จากต้นทุนวัตถุดิบที่แข่งขันได้มากขึ้น และคงคำแนะนำ OUTPERFORM โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 29 บาท/หุ้น

คาดการณ์ผลประกอบการ Q1/68: ขาดทุนลดลง

INVX คาดการณ์ว่าผลประกอบการของ PTTGC ใน Q1/68 (ประกาศ 9 พ.ค.) จะยังคงขาดทุนสุทธิ 2.9 พันล้านบาท แต่ดีขึ้นกว่า Q4/67 ที่ขาดทุนสุทธิ 1.17 หมื่นล้านบาท ปัจจัยหนุนหลักมาจากผลประกอบการที่ดีขึ้นของธุรกิจโอเลฟินส์และโพลิเมอร์ รวมถึงธุรกิจ performance chemicals คาดว่าปริมาณวัตถุดิบอีเทนที่เพิ่มขึ้น (~38% ของวัตถุดิบทั้งหมดสำหรับโรงโอเลฟินส์แครกเกอร์) จะช่วยหนุนให้ EBITDA margin ของธุรกิจโอเลฟินส์และโพลิเมอร์ปรับตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่ผลประกอบการของธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันจะอยู่ในระดับทรงตัว

ข้อสังเกต: ปริมาณขายที่สูงขึ้นของ allnex ช่วยหนุนธุรกิจ Performance Chemicals

INVX คาดว่าปริมาณขายที่สูงขึ้นที่ allnex จะช่วยสนับสนุนกำไรของธุรกิจ performance chemicals โดยอุปสงค์ที่อ่อนแอตามฤดูกาลใน Q4/67 จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้ปริมาณขายเติบโต 4% QoQ ใน Q1/68 นอกจากนี้ ปริมาณขายที่สูงขึ้นยังจะช่วยให้ EBITDA margin กลับสู่ระดับปกติที่ >10% คาดว่าผลขาดทุนจาก Vencorex จะลดลง เนื่องจากการปรับปรุงโครงสร้างทางธุรกิจในชั้นศาลตามกฎหมายของประเทศฝรั่งเศสคาดว่าจะแล้วเสร็จใน Q2/68

สรุป: คงคำแนะนำ OUTPERFORM ด้วยราคาเป้าหมาย 29 บาท

INVX คงคำแนะนำ OUTPERFORM สำหรับ PTTGC ด้วยราคาเป้าหมาย 29 บาท อ้างอิง PBV 0.5 เท่า เนื่องจากคาดว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวในปี 2568 จากมาร์จิ้นที่ดีขึ้นของธุรกิจโอเลฟินส์และโพลิเมอร์ และกำไรที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจ performance chemicals INVX มองว่า Valuation ปัจจุบันสำหรับปี 2568 ที่ EV/EBITDA 5.7 เท่า และ PBV 0.3 เท่า (0.6 เท่าหลังหักค่าความนิยมและสินทรัพย์ไม่มีตัวตน) ดูน่าสนใจเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดภูมิภาค

ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่ ราคาน้ำมันดิบและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ผันผวน, ต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น, รายการด้อยค่าของสินทรัพย์, และการเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง

โพสต์ล่าสุด