https://aio.panphol.com/assets/images/community/4690_B121F6.png

ASPS คาด SCGP กำไร Q1/68 ฟื้น! แต่ยังกังวลเศรษฐกิจโลก ให้ราคาเป้าหมาย 25 บาท

P/E 23.56 YIELD 3.57 ราคา 15.40 (0.00%)


ไฮไลท์สำคัญ: ASPS มอง SCGP กำไร Q1/68 พลิกฟื้น

ASPS ประเมิน SCGP กำไรสุทธิ Q1/68 ที่ 900 ล้านบาท พลิกฟื้นจาก Q4/67 ที่ขาดทุน 57 ล้านบาท หนุนจากยอดขายที่เติบโตตามการบริโภคในกลุ่มอาเซียนและต้นทุนเศษกระดาษที่ลดลง รวมถึงไม่มีค่าใช้จ่าย One time เหมือนที่เกิดขึ้นใน Q4/67 ธุรกิจ Fibrous Chain กลับมาเดินเครื่องได้ตามปกติหลังหยุดซ่อมบำรุง

รายละเอียดผลประกอบการและปัจจัยสนับสนุน

กำไรสุทธิ Q1/68 ของ SCGP ดีกว่าที่ ASPS คาดการณ์ไว้ 9% เป็นการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับ Q4/67 ที่ขาดทุนสุทธิ 57 ล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นตามการบริโภคในอาเซียน และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวลดลง โดยเศษกระดาษที่ใช้เป็นวัตถุดิบใน Q1/68 ประมาณ 40% เป็นเศษกระดาษที่ SCGP นำเข้ามาในช่วง Q4/67 มีราคาต่ำกว่า Q3/67 ประมาณ 10-15% QoQ ธุรกิจ Fibrous Chain กลับมาเดินเครื่องได้ตามปกติเต็มไตรมาสหลังมีการหยุดซ่อมบำรุง Boiler ในการผลิต Dissolving Pulp ในเดือนธ.ค 67 ธุรกิจรีไซเคิลมีปริมาณการขายดีขึ้นตามฤดูกาล

อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบกับ Q1/67 SCGP มีกำไรสุทธิลดลง 48%YoY เนื่องจากธุรกิจ Fibrous Chain มีอัตรากำไรลดลงตามราคา Short Fiber Pulp ที่ปรับตัวลง SCGP ต้องรับผลขาดทุนจากบริษัท Fajar เพิ่มตามสัดส่วนการถือหุ้นหลัง SCGP ซื้อหุ้น Fajar เพิ่มจาก 55% เป็น 99% ในเดือนส.ค 67 บวกกับภาระดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นราว 110 ล้านบาท/ไตรมาสจากการกู้ยืมเงินในการทำธุรกรรมดังกล่าว

อัตรากำไรเฉลี่ยไตรมาสนี้ปรับตัวดีขึ้น โดยมี EBITDA margin เฉลี่ยอยู่ที่ 13.1% เพิ่มขึ้นเทียบกับ Q4/67 ที่ทำได้ 9.1% โดยธุรกิจ Integrated Packaging Business มี EBITDA margin 14.5% เพิ่มขึ้นจาก Q4/67 ที่ทำได้ 11.6% มาจากต้นทุนเศษกระดาษที่ปรับตัวลง ส่วนธุรกิจ Fibrous Business มี EBITDA margin 10.6% เพิ่มขึ้นจาก Q4/67 ที่ทำได้ 8.5% มาจากยอดขายเยื่อเคมีละลายน้ำได้ (Dissolving Pulp) ซึ่งเป็นสินค้า margin สูงที่เพิ่มขึ้น

โอกาสและความเสี่ยง

ASPS มองว่าการเลื่อนเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐออกไปอีก 90 วัน เป็นโอกาสทองของผู้ส่งออก โดยเฉพาะเวียดนามที่มีการส่งออกสินค้าสำคัญอย่างสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม และ รองเท้า ฝ่ายวิจัยมองเป็นปัจจัยบวกระยะสั้นต่อ SCGP ที่จะมีโอกาสเพิ่มอัตราการใช้กาลังการผลิตของโรงงาน Fajar ในประเทศอินโดนีเซียจากปัจจุบันมีอัตราการใช้กาลังการผลิตต่ำเพียง 74% เพิ่อป้อนให้กับตลาดในประเทศไทยและเวียดนาม

แผนการพลิกฟื้นผลประกอบการของ Fajar ให้กลับมามี EBITDA เป็นบวกภายใน 2Q68 ยังเดินหน้าตามแผน และเห็นพัฒนาการดีขึ้น โดยงวด 1Q68 Fajar มี EBITDA ติดลบ 55 พันล้านรูปีดีขึ้น

สรุปและคำแนะนำ

ASPS คาดการณ์ผลประกอบการปี 2568 จะมีกำไร 3,873 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 2567 โดยน่าจะมีทิศทางกำไรรายไตรมาสที่ดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามในช่วงสั้นราคาหุ้นยังเผชิญปัจจัยกดดันจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า จึงให้น้ำหนักลงทุน Neutral ประเมินราคาเหมาะสมวิธี DCF ได้ที่ 25.00 บาท

โพสต์ล่าสุด