https://aio.panphol.com/assets/images/community/4490_ADC8A2.png

MK Restaurant Group กำไร Q1/68 ส่อแววต่ำสุดในรอบ 12 ไตรมาส! FSSIA คงคำแนะนำ "ถือ" ราคาเป้าหมาย 24 บาท

P/E 16.43 YIELD 7.61 ราคา 19.80 (0.00%)


ไฮไลท์สำคัญ: MK Restaurant Group แนวโน้มผลประกอบการ Q1/2568

FSSIA คาดการณ์กำไรสุทธิของ MK Restaurant Group (M) ในไตรมาส 1/2568 จะลดลง 16% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และ 14% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งจะเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 12 ไตรมาส เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ปัจจุบัน SSSG (Same Store Sales Growth) ในเดือนเมษายนยังคงแย่ลงอยู่ที่ -18% ถึง -20% จาก -11% ในไตรมาส 1/2568 แม้ราคาหุ้นจะปรับตัวลง แต่การเติบโตของกำไรยังคงไม่โดดเด่น FSSIA จึงคงคำแนะนำ "ถือ" โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 24 บาท

รายละเอียดผลประกอบการ: คาดการณ์กำไรที่อ่อนแอใน Q1/2568

FSSIA คาดการณ์กำไรสุทธิในไตรมาส 1/2568 จะอยู่ที่ 298 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าและปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่อ่อนแอและการปรับตัวที่ยากลำบากของ M ต่อการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น คาดว่า SSSG ในไตรมาสนี้จะยังคงติดลบต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 6 ติดต่อกันที่ -11% โดยทุกแบรนด์หลักมีการลดลง ได้แก่ MK (-11%), Yayoi (-8%) และ LCS (-14%) นอกจากนี้ ยังมีการปิดสาขาเพิ่มอีก 5 สาขา แม้ว่าแบรนด์ใหม่ Hikiniku To Come จะได้รับการตอบรับที่ดี แต่ก็ยังไม่สามารถผลักดันผลประกอบการโดยรวมได้

ข้อสังเกต: การควบคุมค่าใช้จ่ายและการคาดการณ์ในระยะสั้น

ต้นทุนวัตถุดิบยังคงทรงตัวถึงสูงขึ้นเล็กน้อย แม้ราคาเป็ดและหมูจะคงที่ แต่ราคาอาหารทะเลโดยเฉพาะปลากะพงมีการปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ประมาณการอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 66.8% ลดลงเล็กน้อยจาก 67% ในไตรมาส 4/2567 M พยายามอย่างหนักในการลดค่าใช้จ่าย โดยคาดว่าต้นทุนแรงงานจะลดลงเล็กน้อยเนื่องจากจำนวนพนักงานที่ลดลงและไม่มีการจ้างงานใหม่ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากรายได้ที่ลดลงมากกว่า FSSIA จึงคาดการณ์อัตราส่วน SG&A ต่อรายได้ที่สูงขึ้นเป็น 59.3% จาก 58.2% ในไตรมาส 4/2567 และ 58.9% ในไตรมาส 1/2567

สรุป: ราคาเป้าหมายและการเติบโตในอนาคต

FSSIA คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ไว้ที่ 1.46 พันล้านบาท (ทรงตัวเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว) และราคาเป้าหมายที่ 24 บาท อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสภาวะปัจจุบันที่อ่อนแอ ความเสี่ยงด้านขาลงต่อการคาดการณ์จึงเพิ่มขึ้น FSSIA จึงคงคำแนะนำ "ถือ" แม้ว่าบริษัทจะมีสุขภาพทางการเงินที่แข็งแกร่ง แต่ยังขาดการเติบโตของกำไรและอยู่ในช่วงของการปรับตัวให้เข้ากับการแข่งขันที่สูงขึ้น

วิธีคิดราคาเป้าหมาย: ประเมินจากผลประกอบการและแนวโน้มในอนาคต โดยพิจารณาจาก SSSG, การควบคุมค่าใช้จ่าย, และการเติบโตของแบรนด์ใหม่ รวมถึงความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก

โพสต์ล่าสุด