บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
TTB ไร้ปัจจัยหนุนใหม่! Maybank ปรับลดคำแนะนำเป็น "ถือ" ราคาเป้าหมาย 2.00 บาท
P/E 9.16 YIELD 6.73 ราคา 1.98 (0.00%)
รายละเอียดการวิเคราะห์และเหตุผล
Jesada Techahusdin, CFA นักวิเคราะห์จาก Maybank ปรับลดประมาณการกำไรปี 2568-2569 ลง 7% เพื่อสะท้อนการเติบโตของสินเชื่อและ NIM ที่ลดลง แม้ว่า TTB จะมุ่งเน้นการปรับปรุง ROE (Return on Equity) ให้เพิ่มขึ้น โดยกลยุทธ์การขยายสินเชื่อแบบเลือกสรรจะช่วยให้คุณภาพสินเชื่อดีขึ้นและความสามารถในการทำกำไรสูงขึ้นในระยะยาว อย่างไรก็ตาม Maybank คาดว่ากำไรจะเติบโตช้าในระยะสั้นจากแรงกดดันของ NIM และการหดตัวของสินเชื่อ
Maybank มีมุมมองเป็นกลางจากการประชุมกับ CEO ของ TTB โดยธนาคารจะยังคงเน้นรักษาคุณภาพพอร์ตสินเชื่อ และควบคุมทั้งค่าใช้จ่ายและต้นทุนความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อ (credit cost) เพื่อลดผลกระทบจากการหดตัวของสินเชื่อและ NIM ในปีนี้ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ Maybank คาดว่าสินเชื่อจะหดตัว -5% จากการชะลอตัวของสินเชื่อธุรกิจ SME และเช่าซื้อ
ข้อสังเกตและปัจจัยที่ต้องพิจารณา
TTB ยังคงยึดมั่นเป้าหมาย ROE ที่ 10% ภายในปี 2569 โดย CEO ตั้งเป้าว่าจะมีการจ่ายปันผลในอัตราที่สูงรวมถึงการซื้อหุ้นคืน และการเติบโตแบบ Inorganic Growth ผ่านการควบรวมกิจการ (M&A) เพื่อหนุนการเติบโตของ ROE โดยมีอัตรา CET1 ที่แข็งแกร่งอยู่ที่ 16% และอยู่ที่ 18.2% ณ ไตรมาส 1/2568 ซึ่ง Maybank คาดว่า TTB จะใช้วงเงิน 7 พันล้านบาททั้งหมดในการซื้อหุ้นคืน
กำไร 1Q68 ลดลง 4% YoY จาก NIM ที่ลดลง สินเชื่อลดลง 2% QoQ จากการหดตัวของสินเชื่อเช่าซื้อธุรกิจ และ SME ขณะที่ NIM ลดลง 11bps QoQ เหลือ 3.16% จากผลกระทบของการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
สรุป
Maybank ปรับลดคำแนะนำสำหรับ TTB เป็น "ถือ" โดยมีราคาเป้าหมาย 2.00 บาท เนื่องจากคาดการณ์การเติบโตของสินเชื่อและ NIM ที่ต่ำกว่าที่คาดไว้ อย่างไรก็ตาม TTB ยังคงมุ่งมั่นที่จะปรับปรุง ROE และมีแผนการจ่ายปันผลและการซื้อหุ้นคืนที่น่าสนใจ
KBANK (ราคาล่าสุด 148.50 บาท, คำแนะนำ “ซื้อ”, ราคาเป้าหมาย 180 บาท) และ KKP (ราคาล่าสุด 55.75 บาท, คำแนะนำ “ซื้อ”, ราคาเป้าหมาย 65 บาท) ยังคงเป็นหุ้นเด่นของ Maybank สำหรับกลุ่มธนาคาร