https://aio.panphol.com/assets/images/community/4423_E34166.png

YUANTA มอง SCGP กำไรผ่านจุดต่ำสุด! คาด Q1/68 ฟื้นตัว คงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายใหม่ 15 บาท

P/E 23.56 YIELD 3.57 ราคา 15.40 (0.00%)


ไฮไลท์สำคัญ: SCGP เข้าสู่ช่วงฟื้นตัว

บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด วิเคราะห์ว่า SCGP ได้ผ่านพ้นช่วงที่ยากลำบากที่สุดไปแล้ว และกำลังเข้าสู่ช่วงของการฟื้นตัว โดยคาดการณ์ว่ากำไรในไตรมาส 1/2568 จะเริ่มฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) แม้ว่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (YoY) กำไรอาจจะยังลดลงอยู่บ้าง

คาดการณ์กำไร Q1/68: ฟื้นตัวเด่น QoQ แต่ยังลดลง YoY

หยวนต้าคาดการณ์กำไรปกติในไตรมาส 1/2568 ที่ 715 ล้านบาท ซึ่งเป็นการฟื้นตัวอย่างโดดเด่นถึง 1,979% QoQ จากฐานที่ต่ำในไตรมาสก่อนหน้า ปัจจัยหนุนหลักมาจากการฟื้นตัวของปริมาณขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ Packaging Paper ที่กลับมาอยู่ที่ระดับ 1.0 ล้านตัน (+7% QoQ, -1% YoY) รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ (IPC) ที่คาดว่าจะฟื้นตัวกลับมาที่ระดับ 16.6% จาก 15.0% ใน 4Q24 อย่างไรก็ตาม คาดว่ากำไรปกติจะยังคงลดลง 58% YoY เนื่องจากถูกกดดันจากอัตรากำไรขั้นต้นรวมที่ลดลง และต้นทุนทางการเงินที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น

เหตุผลที่กำไรปกติลดลง YoY: เศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวช้า ทำให้การปรับราคาขายเพื่อสะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้นทำได้จำกัด และต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นจากการกู้ยืมเงินเพื่อเพิ่มสัดส่วนการลงทุนใน Fajar (ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ในอินโดนีเซีย) เป็น 100%

ปรับประมาณการปี 2568-69: สะท้อนความเสี่ยงจากสงครามการค้า

หยวนต้าได้ปรับประมาณการกำไรปี 2568-69 ลง 21% เป็น 2,916 ล้านบาท (-25% YoY) และ 3,411 ล้านบาท (+17% YoY) ตามลำดับ เพื่อสะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจจีนและอินโดนีเซียที่มีโอกาสฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้า (ผลจากสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น) โดยกำไรที่ลดลง YoY ในปี 2568 มีสาเหตุหลักมาจากการรับรู้ผลขาดทุนจาก Fajar เพิ่มเติมหลังการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนแบบเต็มปี อย่างไรก็ตาม คาดว่ากำไรปกติจะสามารถกลับมาเติบโตได้ในปี 2569 หลังคาดว่า Fajar จะสามารถพลิกจากขาดทุนเป็นกำไรได้ในช่วง 1Q26

คงคำแนะนำ "ซื้อ" ปรับราคาเหมาะสมลง: มองราคาหุ้นสะท้อนความเสี่ยงไปแล้ว

หยวนต้าได้ปรับราคาเหมาะสมของ SCGP ลงเป็น 15.00 บาท/หุ้น (จากเดิม 22.00 บาท) แต่ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" โดยมองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลง 16% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ได้สะท้อนความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้นจากสงครามการค้าไปบางส่วนแล้ว ขณะที่กำไรปกติคาดว่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 4Q24 และอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับการลงทุนระยะยาว

วิธีคิดราคาเหมาะสม: ปรับลด EV/EBITDA ที่ใช้ประเมินมูลค่าลงเป็น 7.7 เท่า (ค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ทั้งในและต่างประเทศ) จากเดิมที่ระดับ 9.3 เท่า

โพสต์ล่าสุด