บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

ประเด็นสำคัญ

ฟินันเซีย ไซรัส (FSSIA) ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับหุ้นของ บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) โดยปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 49 บาท จากเดิม 48 บาท แม้คาดการณ์กำไรหลักในไตรมาส 1/2568 จะลดลง 7% YoY เหลือ 704 ล้านบาท จากผลขาดทุนของโรงแรมใหม่ในมัลดีฟส์ และผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) จากค่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น

รายละเอียดการวิเคราะห์

FSSIA คาดว่าธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยจะยังคงเติบโตในไตรมาส 2/2568 แม้โรงแรมในกรุงเทพฯ จะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและการชะลอตัวของนักท่องเที่ยวจีน แต่โรงแรมในต่างจังหวัดและโรงแรมในโอซาก้าจะช่วยชดเชยผลกระทบดังกล่าวได้ โดยคาดการณ์รายได้จากโรงแรมในต่างจังหวัดจะเติบโต 8-10% YoY และ RevPAR ของโรงแรมในโอซาก้าจะเพิ่มขึ้น 20-30% YoY จากงาน World Expo ตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน

FSSIA ได้ปรับประมาณการกำไรหลักปี 2568-2569 ขึ้น 10-13% เพื่อสะท้อนอัตรากำไร EBITDA ที่ดีกว่าคาดของธุรกิจโรงแรม หลังจากการปรับปรุงโรงแรมมิราจ พัทยา และ กะรน ภูเก็ต เสร็จสิ้น รวมถึงผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของธุรกิจอาหารร่วมทุน (Shinkanzen Sushi)

ข้อสังเกตและปัจจัยขับเคลื่อน

CENTEL อยู่ในช่วงขยายธุรกิจ โดยเปิดโรงแรมใหม่ 2 แห่งในมัลดีฟส์ในไตรมาส 4/2567 และ 1/2568 นอกจากนี้ ยังได้ปรับปรุงโรงแรม 2 แห่งในปี 2567 (พัทยาและภูเก็ต) และวางแผนที่จะปรับปรุงอีก 2 แห่งในปี 2568 (กระบี่และหัวหิน)

CENTEL ควรได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งคิดเป็น 12% และ 15% ของการจองห้องพักในโรงแรมในประเทศไทยและมัลดีฟส์ตามลำดับ ในปี 2562

FSSIA คาดการณ์การเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งในปี 2568-2569 โดยได้แรงหนุนจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของโรงแรมใหม่ในมัลดีฟส์และโอซาก้า รวมถึง ADR ที่สูงขึ้นของโรงแรมที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ในพัทยาและภูเก็ต

สรุป

FSSIA มองว่า CENTEL มีมูลค่าที่น่าสนใจ โดยซื้อขายที่ P/E ปี 2568 ที่ 18 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 31.8 เท่า โดยราคาเป้าหมายใหม่ที่ 49 บาท มาจากการประเมินมูลค่าด้วยวิธี DCF (Discounted Cash Flow) โดยมี WACC ที่ 8.2%, อัตราการเติบโตระยะยาว (Terminal Growth) ที่ 2.5% และพิจารณามูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) ของกระแสเงินสดอิสระ

ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องพิจารณา: เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เช่น ความวุ่นวายทางการเมืองและภัยธรรมชาติ, อุปทานห้องพักที่สูงขึ้นและการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในธุรกิจอาหาร, และการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ช้ากว่าที่คาด