TRU Oppday สรุปผลประกอบการปี 2567: โอกาสและความท้าทายในอุตสาหกรรมยานยนต์

P/E 5.76 YIELD 9.26 ราคา 3.24 (0.00%)

TRU Oppday สรุปผลประกอบการปี 2567: โอกาสและความท้าทายในอุตสาหกรรมยานยนต์

สวัสดีค่ะ ท่านนักลงทุนและนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ทุกท่าน ในวันนี้ทางบริษัท ไทยรุ่ง ยูเนียนคาร์ จำกัด (มหาชน) จะนำเสนอผลการดำเนินงานประจำปี 2567 โดยมีผู้บริหารเข้าร่วมให้ข้อมูลดังนี้:

  • คุณสมพงษ์ เผอิญโชค กรรมการผู้จัดการใหญ่
  • คุณวงษ์วริศ เผอิญโชค ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่
  • คุณภควัต สุวรรณมาโจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ CFO
  • ดิฉัน (เนยานา ประโชติรัตนกุล) ดูแลงานด้านนักลงทุนสัมพันธ์

Agenda ในวันนี้ประกอบด้วย:

  1. Company Overview
  2. Auto Industry Update
  3. Financial Results
  4. Business Update Outlook และ Q&A

ขออนุญาตเริ่มต้นในส่วนของภาพรวมของบริษัท ไทยรุ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2510 โดยท่านวิเชียร เผอิญโชค ซึ่งถือว่าเป็นผู้บุกเบิกตลาดรถดัดแปลงอเนกประสงค์ของเมืองไทยเป็นเจ้าแรกๆ บริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในปี 2537 และได้มีการก่อตั้งบริษัทย่อย บริษัทร่วมทุนต่างๆ มาหลายบริษัท ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ ชิ้นส่วน และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องอื่นๆ

ปัจจุบันบริษัทมี Location อยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 ที่:

  • กรุงเทพฯ (หนองแขม): สำนักงานใหญ่ของไทยรุ่ง และบริษัทที่ทำทางด้านแม่พิมพ์ชิ้นส่วน
  • ระยอง (นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้): โรงงานปั๊มชิ้นส่วน และบริษัท Joint Venture กับ Delta Spring ทำชิ้นส่วนที่เกี่ยวกับสปริง
  • CCR (นิคมอมตะ): ให้เช่ากับบริษัทที่เป็นผู้ผลิตรถยนต์ รถยนต์ไฟฟ้าจากจีน
  • ชลบุรี (นิคม WHA): ให้เช่ากับบริษัทโลจิสติกส์
  • สมุทรปราการ: บริษัท Joint Venture กับทางกลุ่ม Toyota ที่ทำธุรกิจพวกติดตั้งอุปกรณ์พิเศษให้กับรถ Toyota

ในภาพรวมของไทยรุ่ง เราเป็นผู้ประกอบการคนไทยที่ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างครบวงจร เป็น One-Stop Service โดยเรามีงาน สามารถมีศักยภาพในการทำ Body and Engineering R&D ออกแบบวิจัยต่างๆ รวมถึงการทำการ Design การทำ Prototype ต่างๆ และเราก็มีโรงงานที่สามารถทำแม่พิมพ์และอุปกรณ์จับยึด ซึ่งจะเป็นต้นน้ำสำหรับการที่เราจะนำไปปั๊มชิ้นส่วน

ในส่วนของงานชิ้นส่วน เราก็มีทั้งที่เป็นเหล็ก และก็เป็นในส่วนที่เป็นพลาสติกบางส่วน เราก็สามารถทำได้ เรามีบ่อ EDP ก็คือเป็นบ่อจุ่มสีกันสนิมขนาดใหญ่ สามารถนำรถปิกอัพทั้งคันลงไปจุ่มได้เลย แล้วก็รับจ้างจุ่มสี EDP แล้วก็พ่นสีให้กับลูกค้าทั่วไปด้วย รวมถึงเรายังมีการพัฒนารถอเนกประสงค์เฉพาะทางของเรา เป็นรถ TR Transformer ที่มีขนาด 11 ที่นั่ง รวมทั้งการ After Sales Service ด้วย

จากธุรกิจต่างๆ ข้างต้น ทางบริษัทได้ Grouping รายได้ออกมาเป็น 3 Business Unit ด้วยกัน:

  1. Business Tooling and OEM Part: ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการปั๊มชิ้นส่วนในส่วนที่เป็น Body แล้วก็งานที่เป็น แชสซี และก็ช่วงล่างต่างๆ ของกลุ่มรถปิกอัพ และก็รถยนต์ประเภทต่างๆ รวมถึงงานที่เป็นงานแม่พิมพ์แล้วก็ถังน้ำมันรถมอเตอร์ไซค์ Premium ที่เป็น Big Bike ต่างๆ เช่น พวก Triumph Kawasaki อะไรต่างๆ
  2. งานรับจ้างประกอบและพ่นสี: ลูกค้าหลักๆ ของเราก็จะเป็นกลุ่มที่เป็น Industrial Machinery เป็น Cabin ห้องโดยสารของรถขุดตัก เช่น Komatsu Kobelco Yanmar ซึ่งตรงนี้ก็จะมีผลิตที่ทั้งในประเทศไทยแล้วก็ส่งออกต่างประเทศด้วย นอกจากนี้เราก็มีงานรับจ้างประกอบรถต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรถ EV Tuk-Tuk หรือว่า มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าต่างๆ เราก็มีรับจ้างในส่วนตรงนี้ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้เราก็ยังเป็นผู้ริเริ่มในการผลิตกระบะพื้นเรียบ ที่เราเรียกว่า Flat Deck เนี่ยไปติดตั้งบนรถปิกอัพ ของยี่ห้อต่างๆ ใน ในไทยแล้วก็มีบางส่วนที่เคยส่งออกประเทศด้วย
  3. รถยนต์อเนกประสงค์: TR Transformer ซึ่งปัจจุบันนี้เราก็มีลูกค้าเนี่ย 3 กลุ่ม กลุ่มแรกเนี่ยก็จะเป็นลูกค้าที่เป็นผู้ใช้งานทั่วไป แล้วก็กลุ่มที่ 2 ก็จะเป็นพวกหน่วยงานราชการต่างๆ แล้วก็กลุ่มที่ 3 ก็จะเป็นลูกค้าที่เราส่งออกไปต่างประเทศ

ซึ่งจากรายได้ข้างต้นของเรา ถ้าเรามาแยกตาม Business Unit จะเห็นว่าในรายได้ของปี 2567 ที่ผ่านมา รายได้หลักของเราเนี่ยจะอยู่ที่กลุ่ม งาน Tooling และ OEM ประมาณ 54% แล้วก็อยู่ในกลุ่มของงาน Contract Assembly และ Printing เนี่ยประมาณ 32% แล้วก็อยู่ในกลุ่มของรถอเนกประสงค์เนี่ย 14%

แต่เมื่อเรานำกลุ่มประเภทลูกค้า มาลองแบ่งดูเนี่ย จะพบว่าปัจจุบันนี้รายได้จากกลุ่มที่เป็น Automotive และมอเตอร์ไซค์ เราอยู่ที่ 66% นะคะ แล้วก็กลุ่ม Industrial Machinery 33% ซึ่งตรงนี้เนี่ยก็เป็นถือว่าเป็นการ diversify เป็นการกระจายความเสี่ยงให้กับธุรกิจของเรานะคะ ซึ่งในอดีตเนี่ยธุรกิจของเราจะพึ่งพาในกลุ่มของ Auto เนี่ยค่อนข้างมาก ถึงประมาณ 80% การที่เรา diversify ไปที่ธุรกิจอื่นๆ เนี่ย ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในกรณีที่ในบางช่วงที่อุตสาหกรรมยานยนต์เนี่ยมันชะลอตัวลงด้วย

ในส่วนต่อไปนะคะ ก็ขออนุญาตมาที่ภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ ในปี 2567 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมียอดผลิตรถยนต์อยู่ที่ประมาณ 1.47 ล้าน คัน ลดลงจากปี 2566 เนี่ยประมาณ 20% โดยลดลงในเกือบจะทุก segment เลย อันนี้หลักๆ ก็คือเนื่องจากข้อจำกัดของความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน เนื่องจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง แล้วก็ความ ไม่ค่อย คือเศรษฐกิจยังไม่ค่อยดี กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง โดยเฉพาะในกลุ่มของปิกอัพเนี่ยจะลดลงค่อนข้างเยอะ รวมถึงมีการนำเข้ารถจากจีนมากขึ้น ก็ทำให้ยอด ผลิตในไทย ชะลอตัวลงด้วยเช่นกัน

โดยสำหรับปี 2568 นี้ สภาอุตสาหกรรมคาดการณ์ว่าจะมีการผลิตรถยนต์อยู่ที่ประมาณ 1.5 ล้านคัน ถ้าเทียบกับปีที่แล้วก็ถือว่าเพิ่มขึ้นประมาณ 2% โดยแบ่งเป็นการผลิต เพื่อขายในประเทศประมาณ 500,000 คัน แล้วก็เป็นการส่งออกประมาณ 1 ล้านคัน

กราฟด้านซ้ายจะเป็นยอดขายในประเทศ ซึ่งยอดขายในประเทศเนี่ยก็จะมีส่วนหนึ่งที่ผลิตในประเทศ แล้วก็อีกส่วนหนึ่งก็คือเป็นการนำเข้ารถจากต่างประเทศด้วยเช่นกัน ในปี 2567 ที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์ในประเทศเราเนี่ย อยู่ที่ 573,000 คัน ลดลง 26% โดยกลุ่มที่ลดหลักๆ ก็จะเป็นในส่วนของกลุ่มรถปิกอัพ ลดลงมากถึง 38% ซึ่งกลุ่มนี้เนี่ยก็จะเป็นลูกค้าหลักของเราด้วย

ถ้าเราดูย้อนหลังไปในอดีตเนี่ย ยอดผลิตเพื่อขาย เอ่อ ยอดขายรถยนต์ในประเทศเราเนี่ยจะอยู่ที่เฉลี่ยประมาณ 700,000-800,000 คัน แล้วก็ถ้าย้อนไปในช่วงที่มีโครงการรถยนต์คันแรกเนี่ย ยอดขายในประเทศเราจะสูงถึงประมาณ 1 ล้าน คัน ถ้าปัจจุบันนี้อยู่ที่ประมาณ 500,000 คันก็ถือว่าลดลงมาค่อนข้างมาก สำหรับกราฟทางขวา จะเป็นยอดส่งออก ยอดส่งออกในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 1.2 ล้านคัน ลดลงมาประมาณ 9% แล้วก็ในปี 2568 ก็คาดการณ์ว่าประมาณ 1 ล้านคัน ก็เนื่องจาก ความไม่แน่นอนทางด้านสงคราม การประเทศต่างๆ แล้วก็เรื่องสงคราม ด้วย อันนี้ก็จะเป็นภาพกว้างๆ ของอุตสาหกรรมยานยนต์

Section ต่อไปจะเป็นสรุปผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2567 บริษัทมีรายได้จากการขายอยู่ที่ 2,272 ล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 16% หรือมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 380 ล้านบาท ถ้าเทียบกับปีที่แล้วแล้ว กำไรสุทธิก็เพิ่มขึ้น 108% ถ้ามาดูโครงสร้างรายได้ของเรา รายได้จาก ชิ้นส่วนแล้วก็ tooling ลดลงประมาณ 15% ก็ผลกระทบจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลิตรถปิกอัพเนี่ย ดรอปลงไปประมาณ 20-30% รวมทั้งข้อจำกัดในการให้สินเชื่อของธนาคาร ส่วนรายได้จาก Contact Assembly ลดลงประมาณ 6% ส่วนหนึ่งเองก็จากเป็นโปรเจคพ่นสีตามสัญญาที่หมดลงไปตั้งแต่ปี 2566 ซึ่งในปี 2567 รายได้ในส่วนนี้ก็ไม่มีลดลงไป

อีกทั้งลูกค้าก็ระงับการสั่ง ซื้อรถตุ๊กๆ ของเราไป แต่ยังไงก็ตามเราก็มีความแข็งแกร่งในด้าน ส่งออกและผลิตแผง ห้องโดยสารรถขุดตัก ซึ่งรายได้ส่วนนี้เองก็มาชดเชยรายได้จาก พ่นสี ส่วนอีกส่วนหนึ่งที่เป็นถือว่าดีสำหรับบริษัทเราในปี 2567 ก็คือยอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเนี่ย 70% ก็มาจากโครงการส่งออก โครงการพิเศษไปที่มาเลเซีย ทางด้านของกำไรและ Flow ของบริษัทนี้ก็ค่อนข้างที่จะแข็งแกร่ง เนื่องจากว่าในปีนี้เองเนี่ยอัตรากำไร ขั้นต้นของเราเนี่ยปรับขึ้น 1% จาก Product ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะเราขายรถยนต์เพิ่มขึ้น ซึ่งรถยนต์ก็มีอัตรากำไรค่อนข้างที่จะดี รวมทั้งปีนี้เองเราก็มีการให้ มีการเช่า ให้เช่าโรงงาน 2 แห่ง ซึ่งทำให้ Flow เราแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไป อีกทั้งปีนี้ก็มีรายการพิเศษ มีการขายที่ดิน เปล่า ซึ่งเราก็จะมีกำไรจากการขายที่ดินเพิ่มขึ้น ปีนี้ที่มีกำไรที่ดีขึ้นอีกส่วนหนึ่งก็คือเรามีการปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงาน ทำให้อัตรากำไรสุทธิของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 7.6% ไปอยู่ที่ 11% 11% นี้ยังไม่รวมรายการใดพิเศษ ซึ่งก็มาจากปัจจัยที่เรามีการปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงานและก็เพิ่มผล ผลิตรวมทั้งบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้ดี

ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัท Joint Venture นะครับ บริษัท Joint Venture ทั้งหมดของเราเนี่ยมีกำไรทุกบริษัทนะครับก็สร้างรายได้ให้กับบริษัทไทยรุ่งในปีนี้ 53 ล้านบาท และก็ถ้าเทียบกับปีที่แล้วเนี่ยเรามีกำไรในส่วนนี้เพิ่มขึ้น หรือรายได้ในส่วนนี้เพิ่มขึ้น 60% กราฟต่อไปแยกเป็นสองฝั่ง ฝั่งซ้ายจะเห็นเราเทียบรายได้เทียบตามธุรกิจของบริษัท ตามที่ได้เรียนเบื้องต้นไปแล้วว่า เรามีรายได้ปี 2567 อยู่ที่ 2,272 ล้านบาท ลดจากปีที่แล้วประมาณ 6% ถ้าแยกรรายละเอียดก็จะเป็นรายได้จาก Part และ Tooling เราอยู่ที่ประมาณ 1,224 ล้านบาท ลดลงจากปีที่แล้ว 15% ก็ลดลงตามอุตสาหกรรมที่ Drop ลงไป รวมทั้ง Contact Assembly ซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 721 ล้านบาท ลดลงจากปีที่แล้ว 6% ส่วนรายได้ที่เราเพิ่มมา ก็มีขายรถยนต์อยู่ที่ 327 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณสัก 70% ส่วนนี้เองเนี่ยก็เป็นส่วนที่ช่วยชดเชยรายได้ที่เราลดลงไปรวมทั้งทำให้เราเนี่ยดีรายที่ดีทางด้านขวา ก็จะเป็นกราฟที่แสดงกำไร เป็นสัดส่วน ตามธุรกิจของเรา ถ้าเป็น Part และ Tooling มีสัดส่วน รายได้อยู่ที่ 54% ลดลงจากปีที่แล้วประมาณ 5% ถ้าเป็น Contact Assembly มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 32% ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ส่วนที่เราเพิ่มขึ้นมาคือ รถยนต์มีสัดส่วนรายได้ 14% เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ 6% ซึ่งตัวนี้ก็ถือว่าเป็นตัวที่ทำรายได้ให้เรามีกำไรที่ ดีขึ้น

สไลด์นี้เป็นสไลด์รายได้เทียบตามอุตสาหกรรม ถ้าเป็นอุตสาหกรรม Automotive และมอเตอร์ไซค์มีรายได้อยู่ที่ 1,497 ล้านบาท คือลดลงประมาณ 8% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ถ้าเป็น Industrial Machinery อยู่ที่ 754 ล้านบาท อันนี้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่แล้วเนื่องจากว่าเราเนี่ยผลิตและส่งออก บิน ไปต่างประเทศได้ดี ส่วนอื่นๆ ก็เล็กน้อยลดลงไปประมาณ 38% ถ้ามาดูสัดส่วนแยกตาม Industrial Machinery ก็ อยู่ที่ประมาณ 33% อันนี้ก็เพิ่มขึ้นมาแต่ว่าตัวที่ลดลงไป เล็กน้อยนะก็คือ Automotive และมอเตอร์ไซค์ มาดูในส่วนที่เป็นกำไร อัตรากำไร ขั้นต้น กำไรขั้นต้นของเรานะครับอยู่ที่ปีนี้ 327 ล้านบาท นะครับ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ 4% ถ้าเป็นอัตรากำไรขั้นต้นก็อยู่ที่ 14.4% นะครับเทียบกับปีที่แล้วเนี่ยสูงขึ้นนะครับเนื่องจากอย่างที่เรียนไปเบื้องต้นว่าการบริหารจัดการต้นทุน นะครับซึ่งปีนี้เราทำได้ดี นะครับ ส่วนค่าใช้จ่ายขายบริหารนะครับใกล้เคียงกับปีที่แล้วนะครับ มีอัตราค่าใช้จ่ายขายบริหารอยู่ที่ประมาณสัก 10% นะครับ ส่วนกำไรสุทธินะครับปีนี้นะครับอยู่ที่ 380 ล้านบาทเทียบกับปีที่แล้วเนี่ยนะครับ สูงขึ้น 108% นะครับโดยมีอัตรา อ่ากำไรสุทธิอยู่ที่ประมาณ 17% ครับส่วนอีบิด้านะครับเราอยู่ที่ 523 ล้านบาท หรือมี อ่าสูงกว่าปีที่แล้วประมาณ 49% นะครับมีอัตราอิด้าอยู่ที่ 23% ซึ่งทำให้เรามีแคชโฟร์ค่อนข้างที่จะแข็งแกร่งนะครับ ถัดไปนะครับอันนี้ก็จะเป็นการแสดงงบดุลของเรา งบดุลของเราค่อนข้างที่จะแข็งแกร่งเรามีภาระหนี้ที่ต่ำมากครับ เรามีเงินสดเทียบเท่าเงินสดนะครับอยู่ที่ 1.5 พัน ล้านบาทนะครับซึ่งก็ทำให้แคชโฟร์ของเราเนี่ยค่อนข้างแข็งแกร่งนะครับรายละเอียด งบดุลนะครับก็ขอเอาตัวหลักๆก็พอนะครับก็คือ อ่า Total current asset นะครับอยู่ที่ 2,161 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วนะครับ 16.8% ทรัพย์สินรวมเลยนะครับอยู่ที่ 4,532 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 3.8% ที่ดินเรามีไม่มากนะครับเราอยู่ที่ อ่า 563 ล้านบาทลดลงจากปีที่แล้วประมาณ 15% ซึ่งหนี้สินส่วนใหญ่เราเนี่ยเป็นเจ้าหนี้ การค้าที่เราซื้อวัตถุดิบมาเพื่อเตรียมการผลิตนะครับ ส่วนของผู้ถือหุ้นเราอยู่ที่ 3,969 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 7.2% ก็เนื่องจากว่าปีนี้เรามีผลการดำเนินงานที่ดีนะครับ ส่วนด้าน นี้นะครับก็จะแสดงให้เห็นผล การการจ่ายเงินปันผลในอดีตที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2010 เนี่ยเราจ่ายเงินปันผลเกือบทุกปีนะครับซึ่ง ถ้าเป็นดูกราฟสุดท้ายนะครับที่เป็นสีส้มเนี่ยครับเราจะเห็นว่าบริษัทมีกำไรนะครับ ต่อหุ้นเนี่ยประมาณ 57 สตางค์ นะครับ บริษัทพิจารณาที่จะจ่ายเงินปันผลประมาณ 30 สตางค์นะครับ ต่อหุ้นมีอัตราจ่ายปันผลอยู่ที่ประมาณ 52.6% หรือมีผลตอบแทนต่อหุ้นประมาณ 8.7% ครับ

ในส่วนต่อไปจะขอ Update Business Outlook ในปี 2568 โดยจะแบ่งเป็นส่วนของธุรกิจปัจจุบันแล้วก็ Business Growth ในอนาคต สำหรับ ธุรกิจปัจจุบันของเรา ในส่วนของชิ้นส่วนรถยนต์ ปีนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคงเป็นปีที่ท้าทายสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย โดยมาจากยอดการผลิตรถยนต์ในประเทศที่ลดลง หรือชะลอตัว จากปีก่อน ปีนี้น่าจะมี ยอดผลิตอยู่ที่ 1.5 ล้าน คัน แต่ไทยรุ่งเองก็มีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย นอกจากชิ้นส่วนรถยนต์แล้วเราก็จะมีกลุ่ม Industrial Machinery ที่เป็นชิ้นส่วน เครื่องจักร อุตสาหกรรม ชิ้นส่วนมอเตอร์ไซค์ แล้วก็ รถยนต์ของเราเอง ในส่วนของชิ้นส่วนของ เครื่องจักร อุตสาหกรรม ในปีนี้ก็มีแนวโน้มที่จะ ชะลอตัวอยู่ แต่ว่าทางไทยรุ่งเองมีแผนที่จะมีการผลิต New Model ของ Cabin เพิ่มขึ้นในปีนี้ ส่วนนี้ก็อาจจะเพิ่มรายได้ในส่วนของการผลิต Cabin ได้ ในส่วนของกลยุทธ์การเติบโต เราก็จะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลักๆ ตามสไลด์ที่เห็นก็จะมีเรื่องของงาน Contact Assembly งาน EV Component และก็ รถยนต์ของเรา ซึ่งทั้ง 3 กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มี value add สูง

จากการที่ไทยรุ่ง เราเป็น ผู้เล่นในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มี Scope of work ค่อนข้างครบวงจร เป็น One-Stop Service เรามีทั้งงานทำ แม่พิมพ์ ทำชิ้นส่วน งานจุ่ม EDP ทำสี แล้วก็ Contract Assembly ทำให้เรามีโอกาสที่จะได้รับงาน ใหม่ๆ โดยเฉพาะปัจจุบันที่ มี ความตึงเครียดด้าน Geo Politics สูง การขึ้นภาษีของประเทศต่างๆ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ทำให้มีความต้องการในการ Relocate การผลิต ไม่ว่าจะเป็น ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ทั้งรถยนต์ และอื่นๆ มาจากประเทศจีน การขึ้นภาษีตรงนี้ทำให้ไทยเป็นเป้าหมายในการที่จะย้ายฐานการผลิตมา แล้วเวลาที่เขาย้ายฐานการผลิตมาเนี่ย เนื่องจาก Trade Policy พวกนี้มันค่อนข้างที่จะ แปรปรวน มีความเสี่ยงที่ผู้ผลิตเหล่านั้นจะมาลงทุนสร้าง โรงงานเอง ก็ทำให้การที่มาว่าจ้าง Professional Assembler อย่างเรา ในการผลิตเนี่ยเป็นทางเลือกที่จะ Save กว่า อันนี้ก็เป็น Strategy ที่เราพยายามที่จะ ใช้ Facility หรือศักยภาพที่เรามีในการที่จะ Leverage โอกาสตรงนี้ ในกลุ่มที่ 2 คือ ชิ้นส่วน EV Component มี Update จาก ปีที่แล้วก็คือเรามีการเซ็น MOU กับ พาร์ทเนอร์บริษัท ที่ทำ EV Component ของจีน ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนที่จะศึกษาการตั้ง JV ด้วยกันในไทย ถึงปัจจุบันเราอาจจะเห็น เทรนด์การผลิตชิ้นส่วน รถไฟฟ้าในไทยยังอาจจะไม่ค่อยเห็นความ Action มากนัก แต่เราเชื่อว่าหลังจากปีนี้เป็นต้นไป เนื่องจากนโยบายรัฐบาลที่มีการ สนับสนุนให้ผลิตในไทยมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของการ นับ Local Content จาก Battery ที่ก่อนหน้านี้ การนำเข้ามาของ Battery จะนับเป็น Local Content 15% สิ้นปีนี้จะไม่นับแล้ว เพราะฉะนั้นผู้ผลิต EV ต่างๆ ก็จะต้อง หาผลิต Local Content ในไทยให้มากขึ้น เราก็เชื่อว่าน่าจะมีโอกาสที่ การผลิตชิ้นส่วนต่างๆ โดยเฉพาะ EV Component ในไทยจะเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันเราก็มี พูดคุยอยู่กับ พาร์ทเนอร์อยู่ 2 ราย ที่มีแผนที่จะ JV ด้วยกันในไทย ในส่วนสุดท้ายเป็นธุรกิจเกี่ยวกับ รถ Purpose Build Vehicle ของเราหรือรถ TR Transformer ที่เราก็ Focus ที่จะขายใน ส่วนของ Fleet มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในประเทศและต่างประเทศ

ซึ่งในปีที่ผ่านมาก็ทำได้ค่อนข้างดีที่เรามีส่งไป มาเลเซีย แล้วก็มีโครงการที่จะขยายที่ตรงนี้อย่างต่อเนื่อง ปีนี้เราก็ยังมี Fleet Project Pipeline ที่เป็นรถยนต์ TR Transformer อยู่ ก็เชื่อว่าในส่วนนี้ก็ยังมีโอกาสต่อเนื่อง แล้วก็เราอยู่ในขั้นตอนที่จะพัฒนารถ Application ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น การใช้งานรถที่หลากหลายมากขึ้น จะเป็นพวงมาลัยซ้ายหรือว่ารถที่รับน้ำหนัก gross vehicle weight มากขึ้น เพื่อที่จะตอบโจทย์ กลุ่มลูกค้าเฉพาะทางมากขึ้น แล้วก็เรามุ่งเน้นที่จะขยาย การ ขายของรถกลุ่มนี้ไปทางกลุ่มประเทศอาเซียน แล้วก็แอฟริกา แล้วก็ตะวันออกกลาง ซึ่งในหลายๆ ประเทศก็เริ่มมี Representative ในประเทศนั้นๆ แล้ว Business Outlook มีประมาณนี้ครับ

คุณสมพงษ์กล่าวสรุปภาพรวมเพิ่มเติม ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วง Q&A โดยหลายคำถามจะเป็นคำถามที่ถามเจาะจงในเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ให้ข้อมูลกับนักลงทุนที่ถามคำถามมาล่วงหน้า อันนี้ก็จะเป็นคำถามจากออนไลน์แล้วก็รวมถึงคำถามล่วงหน้าจากผู้ถือหุ้น จากนโยบายของทางอเมริกา ส่งผลกระทบอย่างไรต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และก็ชิ้นส่วนไทย แล้วในส่วนของไทยรุ่งเองเนี่ยมี Opportunity หรือว่ามี threat อะไรบ้าง

คุณสมพงษ์กล่าวว่า ตอนนี้สิ่งที่ทางอเมริกาทำก็คือการขึ้นภาษี นำเข้าจากสินค้าของประเทศต่างๆ ที่อเมริกาขาดดุลการค้า ก็พุ่งเป้าไปที่จีนเป็นอันดับแรก บริษัทที่ไปลงทุนในจีนพยายามที่จะย้าย การผลิตจากจีนออกมานอกประเทศจีน การย้ายการผลิตจากจีนออกมาไม่ใช่เฉพาะเบอร์เหรดของจีน แต่จริงๆ แล้วเป็นบริษัท ต่างชาติที่ไปลงทุนในจีนจากในอดีตที่คิดว่าจีนจะมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำ แล้วก็สามารถที่จะส่งออกไปขายประเทศอื่นได้ ตอนนี้ก็ออกมาสู่จุดที่ต้องหาประเทศ ที่ 3 ที่ ที่จะต้องทำ ซึ่ง อาเซียนนี้ก็คงเป็นเป้าหมายหลัก เพราะในส่วนของไทยเราเองเนี่ยก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ทำ งานที่ หลากหลายมากขึ้น ไม่ใช่เฉพาะรถ EV ที่ตอนนี้เราพูดถึงรถ EV ที่เข้ามา ปัจจุบันนี้ชิ้นส่วนต่างๆ ที่เคยผลิตในจีนก็ มี แนวทางที่จะต้องหาทาง มาผลิตในประเทศไทย แล้วก็ ที่สำคัญก็คือประเทศไทยยังไม่ถูก การขึ้นภาษีอย่างรุนแรงอย่างจีน แต่ก็เชื่อว่าในอนาคตถ้า ไม่มีการ ผลิต หรือไม่มีการใช้ชิ้นส่วนในประเทศไทยอย่างจริงจังก็อาจจะต้องถูกสอบสวน ดังนั้น ผู้ผลิตชิ้นส่วนทั้งหลาย Product ทั้งหลายที่จะมาผลิตในเมืองไทยเนี่ยก็คำนึงถึง ความพยายามที่จะต้องใช้ Local Content ในไทยอย่างจริงๆ ไม่เหมือนในอดีตที่ เกิดขึ้นกับ ชิ้นส่วนหรือว่า Product บางอย่าง เช่น ที่เราเคยได้ยินมาก็คือพวกแผงโซล่า อย่างนี้เอาเข้ามาจากจีน มาทำนิดหน่อยแล้วก็ติดที่อยู่ในไทย แล้วก็ส่งออกไป เพราะฉะนั้นพวกนี้ถูกตรวจสอบหมด ก็จะเป็นโอกาสที่ทำให้เรามีโอกาสที่จะทำสินค้าต่างๆ ซึ่งทางไทยรุ่ง เองก็ได้รับการติดต่อมาค่อนข้างเยอะอย่างที่เมื่อกี้ท่านวงษ์วริศ ได้บอกไป นอกจากเรื่องรถยนต์ เรื่องรถ EV แล้วเนี่ยก็ยังมีรถ ลักษณะที่คล้ายๆ กันอาจจะเป็นรถกอล์ฟบ้างอะไรเนี่ยฮะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เนี่ยก็ถือเป็นโอกาสของไทยรุ่งเรา แน่นอนความเสี่ยงก็มีถ้าไทยโดนขึ้นภาษี ก็อาจจะมีผลกระทบ แต่คิดว่าในการขึ้นภาษีของอเมริกาจะไม่ขึ้นซี้ซั้ว ก็จะต้องเลือก ลักษณะของ Product นะครับที่ที่จะ เอ่อ เข้าเสียดุลการค้ามาก ซึ่งถ้าในเรื่องของหมวดรถยนต์เนี่ยอาจจะมีผลบ้าง กระทบกับเรื่องของชิ้นส่วน แล้วก็รถยนต์แต่ว่าเนื่องจากเมืองไทยเนี่ยผลิตรถ ที่ผลิตอยู่เนี่ยส่งออกไปอเมริกาน้อยมากครับ รถปิกอัพของไทยที่ ผลิตหรือรถเก๋งที่ผลิตเนี่ยส่งไปในอเมริกาไม่ถึง 4-5% น้อยมากๆ เนื่องจากรถปิกอัพในอเมริกามีขนาดใหญ่กว่า เชื่อว่าผลกระทบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับชิ้นส่วนคงจะไม่มาก คิดว่าโอกาสไทยในช่วงนี้ยังถือว่าดี รวมทั้ง การที่ แต่ละคนที่จะมาเนี่ยก็ยัง ความ จริงและกังวลว่านโยบายในอเมริกาจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหนอย่างไร เพราะฉะนั้นการจะมาลงทุนโดยการลงทุนด้วยตัวเองเยอะๆ เนี่ยก็อาจจะ มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน รวมทั้งระยะเวลาในการก่อสร้างในการสร้างคนเตรียมทีมนาน เพราะฉะนั้นก็จะพยายามหาผู้ผลิตในเมืองไทยที่มีศักยภาพที่สามารถจะรับงานเขาได้ ในระยะ ในระยะเวลาสั้นๆ แล้วก็การลดความเสี่ยงในการลงทุนของเขาด้วยคือเป็นโอกาสที่ดีของคุณสมพงษ์กล่าว

จากเทรนด์เรื่องของรถ EV ก็จะมีผู้ผลิตแบรนด์ต่างๆ ที่ย้ายฐานเข้ามาที่เมืองไทยมากขึ้น ทางไทยรุ่งเนี่ยมีงานที่เกี่ยวข้องกับ EV มากน้อยแค่ไหน Opportunity ต่างๆ อะไรอย่างนี้ รวมถึงโรงงานที่ทางไทยรุ่งให้เช่ากับผู้ผลิตรถยนต์จีนรายหนึ่งด้วยเนี่ยทำให้เรามีโอกาสได้รับงานเพิ่มขึ้นยังไงบ้าง ท่านวงษ์วริศ แจ้งไปแล้วในเรื่องของ EV Supply EV Value Chain กับเรื่องของชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับ EV ทั้งหลาย อันนี้เราก็ศึกษาแล้วก็พยายามมองหาพันธมิตร รวมทั้งหา บริษัทที่เป็น Supplier ให้กับ EV ของจีนอยู่แล้ว เพราะว่าการผลิตก็เรื่องหนึ่งแต่การขายก็อีกเรื่องหนึ่ง เพราะฉะนั้นถ้าเราจะหาพันธมิตร เราก็ต้องหาพันธมิตรที่เขามี ออเดอร์ หรือว่าเป็น Supplier ของบริษัทจีน EV จีนเหล่านั้น เพราะฉะนั้นในส่วนนี้เองเนี่ยก็กำลังคุยกันอยู่ 2 บริษัทที่มีความเป็นไปได้สูงที่จะ มาร่วมกันแล้วก็ผลิต ชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับ EV Component เนี่ยนะครับให้กับรถยนต์จีน ซึ่งตรงนี้ก็ถือว่า มีความคืบหน้า ส่วนในเรื่องของโอกาสทางธุรกิจที่เราได้มีความสัมพันธ์กับบริษัท ยอน ที่เช่าโรงงานเราอยู่เนี่ยก็ถือว่าช่วยเรามากในแง่ของการแนะนำ พาร์ทเมกเกอร์ต่างๆรวมทั้งในเรื่องของการที่จะช่วยให้เราได้มีโอกาสทำงาน Supply ให้เขาใน Model ที่เขาจะมีการผลิตในเมืองไทยในอนาคต รวมทั้ง ทาง เมเกอร์จีนเอง ในแง่ของการผลิต ชิ้นส่วนต่างๆ เนี่ยเขาก็พยายามที่จะหาทางผลิตในเมืองไทยมากขึ้นแล้วก็ส่งออกไปประเทศอื่นๆ ด้วยครับก็ถือเป็นโอกาสที่เราจะได้มีโอกาส ได้รู้จักแล้วก็ได้ Suppลาย Part ให้กับพวก EV Maker เหล่านี้มากขึ้น

แล้วสำหรับการประมาณการรายได้ของปีนี้นะคะ ทางบริษัทเนี่ยมองแนวโน้มยังไงหรือว่ามีการตั้งเป้า รายได้ของปีนี้ยังไงบ้าง แล้วก็ในตอนนี้ใกล้จะช่วง ปิดงบไตรมาส 1 ผลการดำเนินงานของไตรมาส 1 เนี่ยแนวโน้มเป็นยังไงบ้าง ในปีนี้เองก็ต้องเรียนตรงๆ ครับว่า แง่ของสภาวะ เศรษฐกิจในประเทศไทยเองก็ยังไม่ค่อยสดใสรวมทั้งจากข้อมูลที่เราได้จาก สภาอุตสาหกรรมเอง เรื่องของผู้ค้าผู้ผลิตรถยนต์ของเราเนี่ยก็จะเห็นได้ว่ายอดการผลิตต่างๆ ค่อนข้างจะทรงตัวแล้วก็บางจุดก็มีการชะลอตัว ดังนั้นในปี 25 2568 นี้ ผมคิดว่าภาพโดยรวมเบื้องต้นเนี่ยเราคงจะอยู่ในลักษณะที่ชะลอตัวนะครับหรือทรงตัวสำหรับธุรกิจปัจจุบันที่มีอยู่นะครับ แต่ในขณะเดียวกันสิ่งที่เราพยายามทำเพื่อที่จะหาทาง ให้บริษัทมีโอกาสทางธุรกิจแล้วก็เติบโตมากขึ้นเนี่ยก็คงเป็นเรื่องของ การหา โปรเจคใหม่ๆ ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เรากำลังพัฒนาและทำอยู่นะครับรวมทั้งการเจรจาหรือพูดคุยกับลูกค้าที่เข้ามาติดต่อซึ่งในสิ่งเหล่านี้ก็ยังไม่ได้อยู่ใน projection ที่เรามี แต่ว่าถ้า Business เดิมกับลูกค้าเดิมเนี่ยก็ต้องบอกว่าอยู่ในจุดที่ยังชะลอตัวแล้วก็อาจจะลดลงขึ้นมา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนะครับถ้าปัญหาเรื่องการ สงครามใน รัสเซียยูเครนหรือแม้กระทั่งใน ใน ในอิสราเอลพวกนี้นะครับจบลงได้เร็วเนี่ยโอกาสที่เศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวความต้องการในเรื่องของรถยนต์ เครื่องมือ อุตสาหกรรมจะมีมากขึ้น ซึ่งตรงนี้ก็จะกลับมา รวดเร็วอย่างดีเลย เพราะฉะนั้นอันนี้ก็คงเป็นเรื่องที่คงต้องติดตามการเปลี่ยนแปลงใกล้ชิด แนวโน้มของ Product ใหม่ๆ ที่ จะเป็น Industrial Machinery ก็ตาม เราก็ได้รับออเดอร์นะครับแล้วก็มีการที่จะเตรียมผลิตรถรุ่นใหม่ๆ ช่องโดยสารของรถขุดรุ่นใหม่เพิ่มขึ้นนะครับผู้จะส่งออกไปที่อเมริกาแล้วก็ไปที่ยุโรป พวกนี้เองเนี่ยก็คงดูสถานการณ์นะครับถ้ามันพลิกเปลี่ยนไปก็อาจจะกลับมาดีขึ้นนะครับ

แล้วในส่วนของรถ EV ที่เป็นรถมินิบัส หรือว่าเดิมที่ทางบริษัท บริษัทของเรารถยนต์ขนาดใหญ่ นะคะที่ทำพวกต่อเติมรถบรรทุกประเภทต่างๆเนี่ยนะคะ ยังอยู่ในเรดาร์ที่ทางไทยรุ่งเนี่ยพิจารณาทำอยู่หรือเปล่า คุณสมพงษ์กล่าวว่า สำหรับรถ EV มินิบัส เอาเรื่องมินิบัสก่อนเลยก็ตาม เพราะว่าเราอยู่ คิดและพัฒนา ทั้ง มินิบัสที่เป็นเครื่องยนต์ก็ดี หรือ EV ก็ตาม ก็ต้องเรียนว่า จากที่ผ่านมาที่นโยบายรัฐบาลเดิมเนี่ยนะครับมีนโยบายที่จะเปลี่ยนรถตู้ที่วิ่ง รับส่ง คนนะครับในเขตต่างจังหวัดเนี่ยนะครับจากรถตู้มาเป็นรถบัสเนี่ยซึ่งก็เป็นหลักการที่ดีเลยนะครับตอนนั้นแล้วก็เพื่อเพิ่มความปลอดภัยต่างๆ แต่พอเวลาผ่านไปๆ แล้วเจอเรื่องโควิดเข้ามาเนี่ย ก็มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายนะครับเป็น ให้แล้วแต่ผู้ ประกอบการจะตัดสินใจก็เลยทำให้ความต้องการในเรื่องของบัสเนี่ยหายไปเยอะมากครับแล้วก็ชะลอตัวไปเยอะ จึงเป็นที่มาที่ทำให้เราชะลอโครงการที่ไปนะครับแล้วก็ในแง่ของ เองเนี่ยก็พบว่าข้อจำกัดในเรื่องของระยะทางการวิ่งแล้วก็ต้นทุนอยู่ในจุดที่สูงทำใหตอนนีสำหรับเรื่องเนียตอนนี้เราถือว่าเราอยูถามว่าในอนาคตมีโอกาสจะเอากลับมาไมีหรือยังไงเนเราก็มีโอกาสเพราะว่าในเรื่องของเครื่องมือต่างๆ ต่เรามีอยู่แล้วว่าช่วงตอนนี อาจไม่เหมาะสมครับ

สำหรับรถบรรทุกใหญ่ ในเรื่องของไอ้ดั้ม รถหมอ ปูนอะไรต่างๆ ตอนนี้ยังชะลอตัวนะครับ รถบรรทุกใหญ่เองตลาดก็ชะลอตัว แล้วก็ประกอบกับที่เราเคยทำมาเนี่ยพบว่าในแง่ของการแข่งขันแล้วก็มุมมองของผู้บริโภคเรื่องของการใช้รถพวกนี้เนี่ยก็ดูแล้วจะเน้นไปในเรื่องของการซื้อสินค้าในราคาที่ถูกอย่างเดียวก็ทำให้แง่ของการแข่งขันมาต่างไม่ดี ณ ปัจจุบันนี้เราคงจะยังไม่โฟกัสไปที่พวกโรบกุใหญ่เหล่านั้นนะครับก็คงจะพยายามมุ่งมายังรถถ้าเป็นรถพิเศษก็เป็นรถ ที่ออนแทรนฟอร์ม ของเรา หรือว่าเป็นรถพิเศษที่จะใช้ลักษณะของ ในภูมิประเทศที่กั ดารนะครับซึ่งตรงนี้จะทำให้สิ่งที่เราทำมาเนี่ยมีคู่แข่งน้อยนะครับแล้วก็มีมูลค่าเพิ่มสูงแล้วก็มีโอกาสที่จะขยายตลาดออกไปต่างประเทศได้มากขึ้นอันนี้ก็คงเป็นสิ่งที่เราพยายามโฟกัสสำหรับรถที่มันนะ นางไทยรุ่งเองเนี่ยมีแผนงานหรือว่าเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับทางด้าน ESG อย่างไรบ้าง ขอให้คุณ วงษ์ฤทธิ์ได้ตอบนิดนึงนะครับเพราะว่าเรื่องนี้เราก็มีกระบวนการแล้วก็มีขั้นตอนที่ดำเนินการอยู่พอสมควร ถามจริงในส่วนของ ESG นะครับเป็นอะไรที่เราเริ่มทำมาสักพักใหญ่แล้วนะครับเพราะว่ามันก็เป็น requirement ของลูกค้าในกลุ่ม Automotive ด้วยนะครับ ในปีนี้นะครับ ESG เป็นหัวข้อหนึ่งใน Corporate Policy ของเราเลยนะครับ ก็เรามีแผนที่จะ ดำเนินโครงการ ESG ของทางตลาดหลักทรัพย์นะครับแล้วก็ เรามี เข้า ร่วมการประเมิน ESG นะครับของ Eco ซึ่งเป็น เอ่อการประเมิน เอ่อ อินเตอร์นะครับเพราะว่าเราก็ต้องการ Compline ESG เพื่อที่จะไป เข้าร่วมเป็น Supplier ของบริษัทอโท ที่เป็นอินเตอเนชั่นนะครับ ในนั้นเนี่ยมันก็จะมีหลายๆ เรื่อง เรื่องหนึ่งที่ เอ่อ เป็น Focus เลยก็คือเรื่องของการประเมิน Carbon CFO นะครับอันนี้ซึ่งเราก็มีการดำเนินการ เรียบร้อยแล้วนะครับก็อยู่ในขั้นตอนของการ certify นะครับ

แล้วในส่วนของเรื่องโครงการซื้อหุ้นคืนน่ะค่ะไม่ทราบว่าทางไทยรุ่งเนี่ยได้ มีแผนงานทางด้านนี้มั้ยคะเพราะว่าในปัจจุบันราคาหุ้นของไทยรุ่งเนี่ยก็ลดลงไปค่อนข้างมากนะคะแล้วก็ตอนนี้หลายๆบริษัทก็เริ่มใช้เครื่องมือตัวนี้เนี่ยในการช่วยดูแลเรื่องของหุ้นน่ะค่ะ คุณสมพงษ์กล่าวว่า ก็มีผู้ถือหุ้นหลายท่านนะครับที่สอบถามเข้ามาว่าเอ๊ะเราคิดอะไรอย่างไรเพื่อเรียนว่าตอนนี้ก็คงอยู่ในช่วงของการศึกษาแล้วก็พิจารณาดูเพราะว่าในลักษณะนี้เนี่ยเราก็เห็นอยู่ในในเนื่องจากสถานะของบริษัทเองรวมทั้งราคาหุ้นปัจจุบันนี้เนี่ยมันแค่ประมาณ 5-6 ของก็ถือว่าค่อนข้างต่ำก็คิดว่าคงจะอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณานะครับซึ่งถ้ามีอะไรชัดเจนแล้วก็คงจะเรียนนำเสนอว่าเราจะทำตรงนี้เมื่อไหร่อย่างไรนะครับแต่ก็คิดว่าเป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจตอนนี้เลยครับ

สรุปได้ว่า ปีนี้คงเป็นปีที่ท้าทายมากพอสมควร ทุกท่านทราบว่าอเมริกาเปลี่ยนผู้นำประเทศไปทำให้ทั่วโลกปั่นป่วน เราพยายามปรับตัวให้ตัวเองมีความยืดหยุ่นสูง หาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ภาพรวมปีนี้อาจไม่ค่อยดี แต่ด้วยความที่เราอยู่ในธุรกิจนี้นาน ผ่านเรื่องต่างๆ มานาน หลายครั้งก็เชื่อว่าจะผ่านปัญหาต่างๆ ไปได้ ฐานะบริษัทมั่นคง จึงพยายามหาโอกาสทางธุรกิจ ไม่ใช่เฉพาะธุรกิจที่ Automotive อย่างเดียว ธุรกิจอื่นๆ ที่มีอนาคตที่ดี บริษัทก็พยายามให้ น้ำหนักไปกับการมอง หาธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มเติม บริษัทคงจะหาโอกาสและคงจะมีโอกาสที่จะได้มารายงานให้ทราบอีกทีเรื่องของความคืบหน้าของการพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ ขอให้ทุกท่าน สบายใจ แล้วก็ที่ผ่านมานโยบายเรื่องของเงินปันผล เราก็พยายามที่จะรักษาให้มีการปันผลในระดับที่ดี และการที่เรามีกำไรสะสมอยู่ก็จะช่วยให้เรามีความสามารถในการที่จะปันผลได้ในปีต่างๆ ท่านผู้ถือหุ้นสบายใจ แล้วก็เชื่อว่าตอนนี้ธุรกิจรถยนต์ ธุรกิจ ที่เกี่ยวกับการผลิตคงอยู่ก้นบึ้งหรือช่วงต่ำสุดแล้ว มันก็อยู่ที่ว่าจะกลับขึ้นได้เร็วช้าแค่ไหน อดทนสักนิดคงไม่เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆตลอดไปคงไม่ใช่แน่นอน จะได้เห็น แสงสว่างของท้องฟ้าในอนาคตอันใกล้นี้นะครับ

[เริ่ม Q&A Session 1:08:53]

ก็ถ้าไม่มีคำถามเพิ่มเติม วันนี้ขอขอบคุณทุกท่านนะคะที่รับฟังในการแถลงผลการดำเนินงานของเราในวันนี้นะคะแล้วก็เดี๋ยวโอกาสหน้าจะกลับมาอัปเดตความคืบหน้าในเรื่องต่างๆให้ทุกท่านได้รับทราบเพิ่มเติมต่อไปสำหรับวันนี้ก็ขอบคุณทุกท่านค่ะ สวัสดีค่ะ สวัสดีครับ

## สรุปช่วงถาม-ตอบ (Q&A) ### **ESG และความคาดหวังของลูกค้า** * บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของ ESG และได้เริ่มดำเนินการในเรื่องนี้อย่างจริงจัง * ESG เป็นหนึ่งในนโยบายหลักของบริษัท และสอดคล้องกับความคาดหวังของลูกค้าในกลุ่มยานยนต์ * บริษัทได้เข้าร่วมการประเมิน ESG กับ EcoVadis ซึ่งเป็นสถาบันประเมินระดับสากล ### **การประเมิน Carbon Footprint** * บริษัทได้ดำเนินการประเมิน Carbon Footprint ขององค์กรเรียบร้อยแล้ว * ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการขอการรับรอง (Certification) ### **โครงการซื้อหุ้นคืน (Buyback)** * บริษัทรับทราบถึงข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการซื้อหุ้นคืน เนื่องจากราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำ * กำลังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาและพิจารณาถึงความเป็นไปได้และผลกระทบ * หากมีความชัดเจน จะแจ้งให้ทราบถึงรายละเอียดและช่วงเวลาในการดำเนินการ ### **แนวโน้มธุรกิจและสถานการณ์ปัจจุบัน** * ผู้บริหารยอมรับว่าปี 2568 เป็นปีที่ท้าทายเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่สดใส * ยอดการผลิตรถยนต์มีแนวโน้มทรงตัวหรือชะลอตัว * บริษัทยังคงมุ่งเน้นการหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ * ติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก * หากสถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น จะส่งผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัว

โพสต์ล่าสุด