บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

RITE Turnaround: สรุป Oppday หุ้น RT ปี 2568 กับโอกาสเติบโตในตลาด Infra Structure
P/E 6.23 YIELD 0.00 ราคา 0.30 (0.00%)
RITE Turnaround: สรุป Oppday หุ้น RT ปี 2568 กับโอกาสเติบโตในตลาด Infra Structure
สวัสดีท่านนักลงทุนและสื่อมวลชนทุกท่าน ในนามบริษัท Right Tunnelling จำกัด (มหาชน) หรือ RT ขอต้อนรับทุกท่านเข้ามารับฟังการสรุปผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2567 รวมถึงทิศทางธุรกิจของปี 2568 ในงาน Oppday วันนี้ โดยผู้ให้ข้อมูลคือคุณชัยยา วงศ์รัพย์พานิช กรรมการผู้จัดการ และคุณปรเมศวชิมา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานบัญชีและการเงิน
ภาพรวมธุรกิจ Right Tunnelling
บริษัท Right Tunnelling ก่อตั้งในปี 2000 (พ.ศ. 2543) ปีนี้เป็นปีที่ 25 ของ RT เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านงานขุดเจาะอุโมงค์ ทั้งงานเจาะอุโมงค์ในชั้นหินแข็งและชั้นดินอ่อน รวมถึงงานวิศวกรรมโยธาและงานธรณีเทคนิคครบวงจร แบ่งกลุ่มธุรกิจของบริษัทออกเป็น 5 กลุ่มหลักๆ ดังนี้:
- กลุ่มอุโมงค์หรือชาร์ป (รายได้หลักของบริษัทตลอด 25 ปี)
- งานอุโมงค์รถไฟ (งบประมาณภาครัฐส่วนนี้มีปริมาณค่อนข้างมากและต่อเนื่องอีก 5-10 ปี)
- งานอุโมงค์สำหรับโรงไฟฟ้าพลังน้ำ
- งานอุโมงค์สำหรับท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดินในกรุงเทพมหานคร
- งานอุโมงค์การประปาของการประปานครหลวง
- งานอุโมงค์บำบัดน้ำเสียและระบายน้ำท่วม
- กลุ่มงานก่อสร้างเขื่อนและระบบชลประทาน
- การก่อสร้างเขื่อนและชลประทานในไทย
- ผู้ว่าจ้างหลักคือกรมชลประทาน, กรมทรัพยากรน้ำ, และการไฟฟ้าฝ่ายผลิต
- กลุ่มงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำ
- กลุ่มงาน Pipe Jacking กับ HDD (Horizontal Directional Drilling)
- ท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดินในกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่
- กลุ่มงานซ่อมสร้าง (งานซ่อมเป็นหลัก)
- งานป้องกันลาดไหล่เขา (Slope Stabilization)
- งานขุดดินและขุดหิน
- งานสำรวจเจาะสำรวจธรณีวิทยา
- งานปรับปรุงฐานรากเขื่อน (ทั้งเขื่อนใหม่และเขื่อนเก่า)
- งานถนนสะพานและการเหมืองแร่ รวมถึงงานรถไฟ
- มีแนวคิดจะให้บริการ Service ในงานซ่อมอุโมงค์ (กลุ่มงานระยะสั้น เก็บเงินเร็ว)
ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)
ผลกระทบเชิงบวก: ธุรกิจของ RT ได้รับผลกระทบเชิงบวกจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการอุโมงค์รถไฟ ซึ่งมีงบประมาณจำนวนมากและต่อเนื่องในระยะยาว นอกจากนี้ การปรับกลยุทธ์เน้นงานระยะสั้นและการให้บริการซ่อมบำรุงยังช่วยเสริมสภาพคล่องของกิจการ
ผลกระทบเชิงลบ: ในปี 2565 บริษัทได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้รายได้ลดลง อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ปรับตัวและฟื้นตัวกลับมาได้ในปี 2566 และ 2567
โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)
RT มีโอกาสทางธุรกิจจากการขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทย โดยเฉพาะงานอุโมงค์รถไฟและระบบขนส่งสาธารณะ บริษัทมีแผนจะประมูลงานโครงการใหญ่ๆ เช่น โครงการอุโมงค์กะทู้ป่าตองที่ภูเก็ต, โครงการอุโมงค์รถไฟรางคู่ปากน้ำโพ-เด่นชัย และโครงการอุโมงค์ในดินของการไฟฟ้านครหลวง
นอกจากนี้ บริษัทยังมองเห็นโอกาสในการให้บริการซ่อมบำรุงอุโมงค์ ซึ่งเป็นตลาดที่ยังมีการแข่งขันน้อยและมีศักยภาพในการเติบโต
ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)
ความเสี่ยงหลักที่ RT เผชิญคือความผันผวนของราคาวัสดุก่อสร้างและพลังงาน บริษัทมีแผนรับมือโดยการทำสัญญาซื้อขายระยะยาวกับซัพพลายเออร์ และการเจรจาต่อรองราคาเพื่อให้ได้ต้นทุนที่ต่ำที่สุด
วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)
บริษัทได้ปรับปรุงกระบวนการบริหารจัดการโครงการ, ใช้ Value Engineering เพื่อลดต้นทุน, และเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดซื้อวัสดุ นอกจากนี้ บริษัทยังได้ปรับกลยุทธ์เน้นงานระยะสั้นเพื่อเสริมสภาพคล่องและลดความเสี่ยง
แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)
RT มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ และการขยายตัวของธุรกิจในกลุ่มงานต่างๆ บริษัทมีเป้าหมายที่จะเพิ่มรายได้ 20% ต่อปี และเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นเป็น 15% ภายในปี 2568
บริษัทได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 807 ล้านหุ้น เพื่อรองรับการขยายกิจการในอนาคต และชำระหนี้หุ้นกู้คืนเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ถือหุ้นและผู้ถือหุ้นกู้
Project Overview
ปัจจุบัน Right Tunnelling ดำเนินงานในโครงการต่างๆ ดังนี้:
- โครงการเด่นชัย-เชียงราย สัญญาที่ 1 (อุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในไทย)
- โครงการเด่นชัย-เชียงราย สัญญาที่ 2 (อุโมงค์แม่กา, ติดตั้งระบบ Waterproof Membrane)
- โครงการอุโมงค์ส่งน้ำคลองทวีวัฒนา (กรุงเทพฯ, อุโมงค์ในดิน)
- โครงการอุโมงค์ส่งน้ำคลองมหาสวัสดิ์ (GTN9A, การประปานครหลวง, อุโมงค์ในดิน)
- โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าหลวงพระบาง (สปป.ลาว)
- โครงการประตูระบายน้ำศรีสองรัก (เลย, รูปปั้นผีตาโขน)
- โครงการคลองแอง จังหวัดตราด (ขุดร่องแกน, ปรับปรุงฐานรากเขื่อน)
- โครงการอ่างเก็บน้ำคลองโพล้ จังหวัดระยอง
- โครงการท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดิน สายสีเหลือง (ถนนศรีนครินทร์)
- โครงการท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดิน สายสีส้ม (ถนนเพชรบุรี)
- โครงการเสริมความมั่นคงลาดไหล่เขา (แพ็กเกจ 3,4,5) เด่นชัย-เชียงราย สัญญา 2 (พะเยา) และ สัญญา 3 (เชียงราย)
- โครงการ Slope Protection บนทางหลวงหมายเลข 1150 (แม่จารินหลวง)
Financial Highlights
- Total Revenue (2567): 3,636 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 15.4% จากปีก่อน)
- Gross Profit Margin (2567): 14.0%
- Net Profit Margin (2567): 2% (เป้าหมาย 2-3% ในอนาคต)
- EBITDA (2567): 458 ล้านบาท (12.6% ของรายได้รวม)
- D/E Ratio: 3.67 เท่า (ลดลงจาก 4.36 เท่าในปีก่อน)
ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม Q&A นาทีที่ 44:18]
คำถาม: ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อกำไรขั้นต้นของบริษัทมีอะไรบ้าง และมีมาตรการจัดการอย่างไร?
คำตอบ: ปัจจัยหลักคือการจัดการบริหารโครงการอย่างมีประสิทธิภาพ, การใช้ Value Engineering, การวางแผนจัดซื้อวัสดุจำนวนมาก, และการ sourcing จากผู้ผลิตโดยตรงในต่างประเทศ รวมถึงการทำสัญญาซื้อขายระยะยาวเพื่อลดความเสี่ยงจากราคาวัสดุที่ผันผวน
คำถาม: มีแผนประมูลเข้าโครงการใหญ่ๆ อะไรบ้าง?
คำตอบ: โครงการที่ติดตามอยู่คืองานก่อสร้างอุโมงค์ (กะทู้-ป่าตอง ภูเก็ต, รถไฟรางคู่ ปากน้ำโพ-เด่นชัย-เชียงใหม่) และงานอุโมงค์ในดินของการไฟฟ้านครหลวง
คำถาม: เป้าหมายรายได้และการเติบโตในอนาคต?
คำตอบ: ตั้งเป้ารายได้เติบโต 20% และมีกำไรขั้นต้นที่ 14-15% ส่วนกำไรสุทธิมีเป้าหมายที่จะเพิ่มเป็น 2-3%
หัวข้อคำถามและคำตอบ:
- ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อกำไรขั้นต้น
- แผนการเข้าประมูลโครงการใหญ่
- เป้าหมายรายได้และการเติบโตในอนาคต
โดยสรุป Right Tunnelling ได้แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวของธุรกิจในปี 2567 และมีแผนการเติบโตที่ชัดเจนในอนาคต โดยเน้นการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน การบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และการปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน