บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
MINT Oppday Q4/2024: ผลประกอบการแกร่ง กลยุทธ์ชัดเจน สู่การเติบโตที่ยั่งยืน
P/E 20.67 YIELD 2.12 ราคา 28.25 (-0.88%)
MINT Oppday Q4/2024: ผลประกอบการแกร่ง กลยุทธ์ชัดเจน สู่การเติบโตที่ยั่งยืน
สวัสดีครับ ขอต้อนรับเข้าสู่งาน Oppday ของบริษัท Minor International จำกัด (มหาชน) ทางเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะนำเสนอความคืบหน้าและผลประกอบการที่ออกมาเมื่อวันที่ 14 ที่ผ่านมา โดยจะเน้นพูดถึงผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ความสำเร็จ และกลยุทธ์ต่างๆ ที่บริษัทได้ดำเนินการ
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)
ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2567 โดยคุณนภมิดาได้กล่าวถึงความสำเร็จที่เกิดขึ้น ทั้งในด้าน Financial Performance และการประกอบการของธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร โดยมีรายละเอียดดังนี้:
- กำไรเติบโต 43% อยู่ที่ 7.8 พันล้านบาท
- กำไรสุทธิเติบโต 18% เมื่อเทียบกับปีก่อน อยู่ที่ 8.4 พันล้านบาท (หลังหัก Non-recurring)
- เปิดโรงแรมใหม่ 30 แห่ง ในหลากหลายภูมิภาค (ยุโรป, เอเชีย, Middle East, Oceania)
- เปิดร้านอาหารใหม่ 80 แห่ง ทั้งในไทยและอินโดนีเซีย (ตลาดใหม่)
- Balance Sheet แข็งแกร่งขึ้น หนี้สินต่อทุนสุทธิลดลงจาก 1.0 เหลือ 0.8 เท่า ณ สิ้นปี 2567
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)
โอกาสทางธุรกิจที่บริษัทกำลังมองเห็นและดำเนินการอยู่ มีดังนี้:
- ขยายจำนวนโรงแรมเพิ่มอีก 280 แห่ง ในอีก 3 ปีข้างหน้า
- ขยายสาขาร้านอาหารเพิ่มอีก 1,500 สาขา ในอีก 3 ปีข้างหน้า
- เน้นรูปแบบการขยายธุรกิจแบบ Asset-light (ไม่ลงทุนเอง) เช่น การบริหารรับจ้างสัญญา (Management Contract) สำหรับโรงแรม และ Franchise สำหรับร้านอาหาร
- ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ที่ High Single Digit (6-8%)
- ตั้งเป้าการเติบโตของอัตรากำไรสุทธิสูงกว่าอัตราการเติบโตของรายได้ (15-20% ต่อปี)
- ตั้งเป้าลดหนี้สินสุทธิต่อทุนลงมาอยู่ที่ 0.75 เท่า ภายในสิ้นปี 2568
- ตั้งเป้า Net IBD to EBITDA ที่ 4.0 เท่า
- ตั้งเป้า ROIC (Return on Invested Capital) ให้เติบโตเกิน 12% ในอีก 3 ปีข้างหน้า (ปัจจุบันอยู่ที่ 10.5%)
- เสริมความแข็งแกร่งใน Region ที่มีอยู่แล้ว และขยายไปยัง Latin America, เอเชีย และยุโรปต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายไปยังประเทศใหม่ๆ ที่มีการเติบโตสูง เช่น North Asia (ญี่ปุ่น), สิงคโปร์ (โรงแรม Avani ในอีก 3 ปี), และอเมริกา
บริษัทมองเห็นโอกาสในการนำเสนอ Service Offering อื่นๆ เพิ่มเติม เช่น เรือสำราญ (กรุงเทพฯ, ภูเก็ต, หลวงพระบาง) และรถไฟ (เวียดนาม)
สำหรับ Minor Food มีแผนขยายไปยังประเทศใหม่ๆ เช่น อินโดนีเซีย (ปีที่ผ่านมา) และอินเดีย (ปีนี้)
ผลกระทบจาก White Lotus Series ที่ถ่ายทำในโรงแรมของ MINT ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวในไทย และทำให้ห้องพักเติบโตได้ถึง 40% เมื่อเทียบกับก่อนถ่ายทำ รวมถึงสามารถขึ้น Room Rate ได้
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)
แม้ว่าจะไม่ได้ระบุความเสี่ยงโดยตรง แต่จากการกล่าวถึงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน อาจเป็นความเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัท
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)
บริษัทพยายามลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน โดยทำให้กำไรสุทธิกับกำไรที่รายงานใกล้เคียงกัน และสามารถทำกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ดีในไตรมาส 4
บริษัทมีการลด Cost และปรับต้นทุน รวมถึงการที่ Revenue มากขึ้น ทำให้ Operating Leverage สูงขึ้น
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)
คุณชยพัฒน์ ไพฑูรย์ (CFO) ได้กล่าวถึงภาพรวมและแนวโน้มในอนาคต โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้:
- การท่องเที่ยวและการเดินทางโดยรวมจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง Global Travel จะทำ Record High อีกครั้งในปีนี้
- Global Tourism Spending น่าจะไปถึง 10 ล้านล้าน USD ภายในปีนี้
- คนให้ความสำคัญกับประสบการณ์และการท่องเที่ยวมากขึ้น (Hospitality Mixed Use)
- Wellness Tourism เติบโตสูง Spending ด้าน Wellness ในระดับโลกน่าจะถึง 1 ล้านล้าน USD ในปีนี้
- เน้นการเติบโตใน Emerging Market มากขึ้น (ในอดีตโตใน Developed Market ค่อนข้างเยอะ)
- เน้นการเติบโตผ่าน Asset-light Model (การรับจ้างบริหารและ Franchise) เพื่อให้เติบโตได้เร็วและมี Profitability สูงขึ้น
- เน้นการสร้างสมดุลระหว่างตลาด Developed Market กับ Emerging Market
ในภาพรวมของอุตสาหกรรมโรงแรม ไม่สามารถดูแค่ GDP อย่างเดียว ต้องดู Tourist Arrivals และ Spending ของนักเดินทางด้วย
- Europe ยังเป็นตลาดที่ใหญ่ มี Overnight Tourist Arrivals ถึง 833 ล้าน Arrivals ในปีนี้ และเติบโต 4-5%
- Thailand มีอัตราการเติบโตสูงถึง 7-8% ต่อปี คาดว่าปี 2568 จะมีนักท่องเที่ยวถึง 41 ล้านคน
- Asia Pacific เติบโต 7-8% มี Arrivals 379 ล้านคน
- การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวใน Europe เติบโต 7% ในอนาคต คาดว่าจะถึง 852,000 ล้าน USD ในปีนี้
- การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวใน Thailand เติบโต 13-14% อยู่ที่ 68,000 ล้าน USD
- การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวใน Asia Pacific เติบโต 8-9% อยู่ที่ 615,000 ล้าน USD
นอกจากนี้ ยังมีการขยายไปยังตลาดที่มีการเติบโตสูง และการนำเสนอโรงแรมระดับ Premium และ Luxury มากขึ้น เช่น Anantara และ Tivoli ใน Portugal, Spain, Brazil
ผลกระทบจาก White Lotus Season 3 น่าจะขับเคลื่อน Thailand Tourism ได้ดีขึ้น และยังมี Long Haul Travelers จาก US, อังกฤษ, เยอรมัน, รัสเซีย รวมถึงตลาดใกล้เคียงอย่างอินเดีย, จีน, มาเลเซีย, เกาหลี, ญี่ปุ่น
ตะวันออกกลางก็ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง มี Pipeline ที่จะเติบโตใน Saudi Arabia และ New Launch ใน Dubai, Riyadh, Jeddah
ความต้องการ Brand Resident ยังคงแข็งแกร่ง และ Wellness & Cultural Tourism ก็เติบโตได้ดี
MINT มีโรงแรมหลายแห่งจ่อคิวเปิดตัว (54 แห่ง) ใน Strategic Markets และพยายามขยาย Luxury & Lifestyle Portfolio
บริษัทเน้นการทำ Back Office Transformation, Consolidation และ Synergy เพื่อช่วยลดหนี้และเพิ่มการเติบโต
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม Q&A ที่นาที 53:53]
คำถาม: ปัจจัยบวกในช่วงต้นปีนี้มีอะไรบ้าง?
คำตอบ: บริษัทเห็นปัจจัยบวกตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว (ช่วง Festive Season) และ Soft Power Effect จาก White Lotus ค่อนข้างชัดเจน แม้ซีรีย์ยังไม่ออนแอร์ แต่เห็น Booking และ ADR ปรับขึ้นไปแล้วกว่า 40% ในโรงแรมที่ถูกถ่ายทำ
นอกจากนี้ ศักยภาพของนักท่องเที่ยวหลากหลายที่เข้ามาเมืองไทยค่อนข้างดี Revenue on the Book เติบโตในยุโรป 5-6% และในไทยเกือบ 8-10% (Year on Year) เมื่อเทียบกับ On the Book ในระยะเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
หัวข้อคำถามและคำตอบ:
- ปัจจัยบวกในช่วงต้นปี
โดยสรุป MINT ยังคงมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง มีกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการเติบโตอย่างยั่งยืน และมีแนวโน้มที่ดีในอนาคต จากการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง การบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป