SEI ชี้แจงผลประกอบการปี 2024 และแผนธุรกิจปี 2025

P/E 6.87 YIELD 5.41 ราคา 2.22 (0.00%)

ACI Medical ชี้แจงผลประกอบการปี 2024 และแผนธุรกิจปี 2025

สวัสดีครับ ผมการต์ ปุญญะเจริญสินธุ์ ผู้บริหารบริษัท ACI Medical จำกัด (มหาชน) และดิฉันวิภารัตน์ ชินะสี ผู้บริหารฝ่ายขาย

วันนี้ขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่สละเวลามาฟัง Oppday Presentation ของเรา ซึ่งวันนี้จะกล่าวถึง Year End ปี 2024 โดยมี Agenda หลักๆ 4 ส่วนดังนี้

  1. Company and Business Overview
  2. ผลการดำเนินงานปี 2024
  3. แผนการดำเนินงานปี 2025
  4. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A)

ACI Medical เป็นผู้จัดจำหน่ายและให้บริการอุปกรณ์การแพทย์และเครื่องมือวิทยาศาสตร์แบบครบวงจร ให้บริการโรงพยาบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ

เราทำธุรกิจในมุมที่เป็น End-to-End Solution Provider ตั้งแต่การนำเข้า ทำการตลาด ไปจนถึงการจัดจำหน่าย และให้บริการหลังการขาย โดยดำเนินการเองในทุกส่วน รวมไปถึงด้าน Logistics และกระบวนการที่เกี่ยวข้องต่างๆ

ในปี 2024 ที่ผ่านมา เราขับเคลื่อนธุรกิจผ่าน 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์:

  1. กลุ่มสินค้า Neonatal Care สำหรับทารกแรกเกิด กลุ่มลูกค้าคือห้องคลอดและวอร์ดเด็กทารกแรกเกิดในโรงพยาบาลต่างๆ สินค้าหลักคือ ตู้อบเด็ก เครื่องให้ความอบอุ่นเด็กทารกแรกเกิด เครื่องวัดตัวเหลืองสำหรับเด็กทารกแรกเกิด และเครื่องช่วยหายใจสำหรับเด็กทารกแรกเกิด
  2. ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับกล้องส่องตรวจ โดยผลิตภัณฑ์หลักคือกล้องส่องตรวจในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งมีการใช้อย่างแพร่หลายเนื่องจากโรคในระบบทางเดินอาหารมาพร้อมกับยุคสมัยนี้ นอกจากนี้ยังมีกล้องส่องตรวจระบบทางเดินหายใจ และอื่นๆ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องและมีการใช้ในห้องส่องตรวจ เช่น น้ำยาและเครื่องล้างกล้องส่องตรวจ
  3. กลุ่มเครื่องมือที่ใช้ในการผ่าตัด เช่น Instruments ต่างๆ เครื่องจี้ผ่าตัดไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
  4. เครื่องมือวิทยาศาสตร์ที่ใช้ในห้อง Lab
  5. ผลิตภัณฑ์ Aesthetic หรือผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเรื่องความสวยความงาม โดยมุ่งเน้นไปที่เทรนด์การดูแลรูปร่างและการลดน้ำหนัก ซึ่งบริษัทเป็น Pioneer หรือรายแรกที่นำนวัตกรรมบอลลูนลดน้ำหนักที่ใส่ไปในกระเพาะอาหารแบบปรับได้มาใช้ ปัจจุบันมีการใช้อย่างแพร่หลายในหลายโรงพยาบาล

หลักๆ คือ 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์นี้ที่บริษัทดำเนินธุรกิจอยู่

ใน 5 กลุ่มธุรกิจนี้ เราทำงานควบคู่กับ 17 Partner ผู้ผลิตและแบรนด์ทั่วโลก มีตั้งแต่ผู้ผลิตจากสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี ยุโรป จีน และประเทศอื่นๆ โดยปัจจุบันมีทั้งหมด 17 แบรนด์ และสินค้าที่จัดจำหน่ายมีมากกว่า 1,000 รายการ

กลุ่มลูกค้าของบริษัทแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ ภาคราชการ (โรงพยาบาลและหน่วยงานภาครัฐ) 70% และภาคเอกชน (โรงพยาบาลและหน่วยงานเอกชน) 30% ซึ่งสอดคล้องกับโครงสร้างระบบสาธารณสุขในประเทศไทย

ในส่วนของผลประกอบการปี 2024 คุณวิภารัตน์จะเป็นผู้ให้ข้อมูลครับ

ผลประกอบการปี 2024 ถือเป็นปีที่สำคัญมากสำหรับบริษัท เพราะบริษัทสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาด MAI ได้ในวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา

บริษัทสามารถสร้าง Total Revenue Growth จากปี 2023 เป็นปี 2024 อยู่ที่ 12.8% เติบโตจาก 393.57 ล้านบาท เป็น 443.98 ล้านบาท ธุรกิจกล้องส่องตรวจและธุรกิจทารกแรกเกิด (Neonatal Care) เป็นกลุ่มธุรกิจที่ทำให้การเติบโตของปี 2024 โตขึ้น โดยทั้งสองอย่างมีความสัมพันธ์กับการตลาดและความต้องการของตลาด โดยเฉพาะธุรกิจกล้องส่องตรวจมีความสัมพันธ์กับภาวะ Ageing Society ที่ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะผู้สูงอายุเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งโรคมะเร็งก็เป็นหนึ่งโรคที่มากับอุบัติการณ์ของการเกิดของผู้ป่วยที่มีอายุสูงขึ้น โดยมะเร็งลำไส้ใหญ่หรือมะเร็งทางเดินอาหารเป็น 1 ใน 3 ของมะเร็งที่มีสูงในประเทศไทย ซึ่งธุรกิจกล้องส่องตรวจจะช่วยในการคัดกรอง ตรวจโรค และวินิจฉัย

ถึงแม้ว่าอัตราการเกิดของเด็กในประเทศไทยจะลดต่ำลง แต่การดูแลเด็กในกลุ่มนี้จะมีความพิเศษมากขึ้น เนื่องจากคุณแม่ในปัจจุบันมีอายุที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งธุรกิจ Neonatal Care จะช่วยดูแลทารกในการที่มีคลอดตรงนี้ เพื่อให้ดูแลทารกได้เป็นอย่างดี

Gross Profit ของบริษัทมีการเติบโตสูงขึ้น 32.68% จากปี 2023 และมีการเติบโตมาในส่วน 116.31 ล้านบาท เป็น 154.32 ล้านบาท มีการเติบโตของ Gross Profit Margin อยู่ที่ 29% เป็นประมาณ 35% ซึ่งมาจากการบริหารจัดการสินค้าล้าสมัยได้ดีในปี 2024

Net Profit มีการเติบโตที่สูงมาก 144.26% จากปี 2023 ทำให้มูลค่า Net Profit ของบริษัทเติบโตจาก 21.87 ล้านบาท เป็น 53.42 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลพวงจากการบริหารจัดการตรงนี้ได้ดีในเรื่องของการ leverage Economy of Scale หรือการใช้ทรัพยากรของทั้งบุคคล บุคลากรต่างๆ และในเรื่องของ Back Office ของบริษัทได้ดีขึ้น และเกิดจากการที่ได้มีการ Control Cost ของการบริหารจัดการทั้งหมด

Asset ของบริษัทมีการปรับตัวสูงขึ้นจาก 302 ล้านบาท ในปี 2023 เป็น 461.1 ล้านบาท ซึ่งมาจากการที่บริษัทได้ระดมทุนในตลาด MAI

Liability ปรับตัวลดลงจากปี 2023 223.00 ล้านบาท เหลือ 178.21 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้บริษัทมีในส่วนของ Liability ลดลง และมีความสามารถในการชำระเงินกู้คืนระยะสั้น ตรงนี้ก็เลยทำให้อัตราส่วนในส่วนของ Debt per Equity อยู่ที่ 0.63 และมีในส่วนของ ROA อยู่ที่ประมาณ 18% และ ROE ที่ 29.51%

บริษัทสามารถสร้างผลงาน All-Time High ในส่วนของ Top Line Growth อยู่ที่ 443.98 ล้านบาท หรือประมาณ 444 ล้านบาท และในส่วนของ All-Time High ในส่วน Bottom Line อยู่ที่ 53.42 ล้านบาท และเม็ดเงินที่เราได้จากการระดมทุนจาก Initial Public Offering (IPO) จากตลาด MAI อยู่ที่ 155 ล้านบาท

ต่อไปคุณการต์จะกล่าวถึงแนวโน้มและการเติบโตของบริษัทในปี 2025 ครับ

ในปี 2025 นี้ เป็นปีที่บริษัทถัดจากที่ได้ระดมทุนมา บริษัทมีความตั้งใจและมองภาพว่าปี 2025 จะเป็นปีที่เราคาดหวังการเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญ เนื่องจากในกลุ่มธุรกิจที่เราอยู่ยังเป็นเทรนด์ที่ดี ประกอบกับ Size ของบริษัทเองก็ยังดี ยังมีโอกาสในการเติบโตอีกเยอะเนื่องจาก Size บริษัทไม่ใหญ่มากนัก

แผนการทำงานในปี 2025 จะขับเคลื่อนผ่าน 4 ปัจจัย:

  1. Business Unit Expansion: ขยายธุรกิจและกลุ่มผลิตภัณฑ์ไปยังกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เรายังไม่ได้ทำตลาดมาก่อน โดยจะเน้นในส่วนของกลุ่มลูกค้า Intensive Care Unit (ICU) หรือกลุ่ม ICU ในโรงพยาบาล ซึ่งเราจะขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์มาทำตลาดในกลุ่มเครื่องช่วยหายใจที่ใช้ใน ICU เริ่มต้นปีนี้เป็นปีแรก ตลาด ICU มีความน่าสนใจและมีมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาทต่อปี โดยเป็นในส่วนของเครื่องช่วยหายใจสำหรับแผนก ICU ประมาณ 1,500-2,000 ล้านบาท นอกจากนี้ในสถานการณ์หลัง COVID ผู้เล่นในตลาดลดจำนวนลง ทำให้ตลาดมีความน่าสนใจมากขึ้น
  2. Service Portfolio Expansion: ตั้งใจจะขยายในส่วนของ Service Portfolio โดยจะเน้นในเรื่องของการทำ Annual Maintenance Contract ให้กับโรงพยาบาลต่างๆ เพิ่มมากขึ้น มีรายได้จากการทำ Calibration และ Certification มากขึ้น รายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการปรับเปลี่ยน ซ่อมบำรุง Spare Part และวัสดุสิ้นเปลืองที่เกิดจากการใช้งาน และการทำ Training ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ โดยคาดหวังการเติบโตไม่น้อยกว่า 30% จากการที่มีผลิตภัณฑ์เข้าไป Install มากขึ้นในปีที่ผ่านมา
  3. การจัดจำหน่ายวัสดุสิ้นเปลือง: มุ่งเน้นการจัดจำหน่ายวัสดุสิ้นเปลืองให้มากยิ่งขึ้น โดยจะมุ่งเน้นในกลุ่มลูกค้าเดิมที่มีฐานลูกค้าอยู่แล้ว และเป็นวัสดุสิ้นเปลืองเฉพาะทางในกลุ่มลูกค้าที่มีเครื่องใช้เครื่องมือเราใช้อยู่แล้วในหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ One-Stop Solution Provider รายได้จากวัสดุสิ้นเปลืองมีมูลค่าไม่สูงแต่มีความสม่ำเสมอและมีการใช้งานต่อเนื่อง และยังเป็นการสร้าง Customer Loyalty ด้วย
  4. การปรับตัวตามยุคสมัยและ Customer Behavior: จับในส่วนของเทรนด์เรื่องของการเช่าและการเช่าซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อเพิ่ม Revenue Stream ให้กับบริษัท โดยปัจจุบัน Customer Behavior มีการเปลี่ยนแปลงไป มีความต้องการทั้งเช่าระยะสั้น กลาง และยาว

บริษัทมีความตั้งใจที่จะขับดันธุรกิจให้เติบโตต่อไปในสภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน โดยคาดหวังการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% เนื่องจากมองว่าในกลุ่มธุรกิจ Healthcare ยังมีเทรนด์บวกและยังมีโอกาสที่จะเติบโตในตลาดตรงนี้ได้ และคาดหวังการเติบโตในการให้บริการไม่ต่ำกว่า 30%

เงินทุนที่ได้มาจากการ IPO จะนำไปขยายธุรกิจ โดยขยายจาก 17 Partner ในปี 2024 เป็นไม่ต่ำกว่า 25 Partner ผู้ผลิตทั่วโลก เพื่อให้บริษัทสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

ACI Medical มีความตั้งใจที่จะขยายกิจการด้าน M&A ที่เกี่ยวกับคลินิก และจะแจ้งให้นักลงทุนรับทราบหากมีความคืบหน้า

บริษัทมีแผนขยายธุรกิจไปกลุ่มสินค้าที่ไม่ต้องพึ่งพิงกลุ่มโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน เพราะปัจจุบันธุรกิจบริษัท 100% เป็น B2B โดยมองว่าความสนใจด้าน Healthcare ใกล้ตัว End Consumer มากขึ้น บริษัทกำลังศึกษาและเจรจากับบริษัทต่างประเทศเพื่อเป็นพันธมิตรในส่วนของกลุ่มสินค้า B2C (Business to Consumer) คาดว่าจะมีความคืบหน้าในเร็วๆ นี้

โดยสรุป ACI Medical มีผลประกอบการที่แข็งแกร่งในปี 2024 และมีแผนธุรกิจที่ชัดเจนในการเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2025 โดยมุ่งเน้นการขยายธุรกิจและผลิตภัณฑ์ การเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ และการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป

ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [นาทีที่ 39:14]

  • **เด็กเกิดน้อยลงจะกระทบธุรกิจไหม?**

    ตอบ: ธุรกิจทารกแรกเกิดไม่ได้ถูกผลกระทบ เนื่องจากการดูแลทารกแรกเกิดเป็นการดูแลแบบพิเศษ เช่น เด็กตัวเหลือง เด็กที่มีภาวะหายใจติดขัด หรือเด็กที่มีผลข้างเคียงจากการคลอด ซึ่งจะขยายการดูแลทารกให้เป็นพิเศษมากยิ่งขึ้น อีกทั้งมีการนำเทคโนโลยีขยายไปสู่โรงพยาบาลระดับชุมชนมากขึ้น การที่อัตราการเกิดของเด็กที่ลดลงไม่ได้มีผลกระทบกับธุรกิจทารกแรกเกิด

  • **โรงพยาบาลเครือไหนเป็นลูกค้าในพอร์ตเรามากที่สุด?**

    ตอบ: ลูกค้า Top 5 หรือ Top 10 ของเรามีการเปลี่ยนแปลงทุกปี เนื่องจากอายุการใช้งานเฉลี่ยของเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์อยู่ที่ 5-7 ปี ปีนี้โรงพยาบาลนี้อาจมีการจัดซื้อเป็นมูลค่าสูง แต่ปีถัดไปก็อาจเป็นโรงพยาบาลอื่น เนื่องจากโรงพยาบาลเดิมมีการจัดซื้อเสร็จสิ้นไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ลูกค้าทุกเครือมีสินค้าของบริษัทเราไม่ว่ากลุ่มใดก็กลุ่มหนึ่ง และเรามีลูกค้าหลากหลายกลุ่ม ตั้งแต่โรงพยาบาลอำเภอ โรงพยาบาลจังหวัด โรงพยาบาลศูนย์ ไปจนถึงโรงเรียนแพทย์

  • **บริษัทมีแผนใช้เงินในการ M&A ช่วงไหนของปี และอยู่ในธุรกิจประเภทไหน?**

    ตอบ: หากมีความคืบหน้าจะมาแจ้งให้นักลงทุนรับทราบ แต่โดยเบื้องต้นมีแผนจะนำเงินส่วนหนึ่งมาขยายในกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ หรือกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เราทำ เช่น ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ใน ICU หากการเจรจามีความคืบหน้าจะมาให้ข้อมูลนักลงทุนในไตรมาสถัดๆ ไป ช่วงนี้ยังอยู่ในช่วงเจรจา

  • **บริษัทมีโอกาสหรือแผนขยายธุรกิจไปสาขาอื่นไหม นอกจากแผนก ICU?**

    ตอบ: มี จากธุรกิจที่เราดำเนินการอยู่ ปีนี้ขยายเป็น 6 กลุ่มผลิตภัณฑ์ หากเข้าไปในโรงพยาบาลทั่วไปที่มีขนาดระดับหนึ่ง จะมีหลายแผนกมาก ซึ่งเป็นโอกาสของเราที่จะขยายไปในส่วนอื่นได้ ถ้าเราเจอ Partner ที่เหมาะสม และมีเครื่องมือมีนวัตกรรมที่เหมาะกับตลาดในประเทศไทย ตอนนี้กำลังขยายจาก 5 มาเป็น 6 กลุ่มผลิตภัณฑ์

  • **บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตในส่วนของรายได้และกำไรเท่าไหร่ในปี 2025?**

    ตอบ: ในส่วนของกำไรคงพูดไม่ได้ แต่ในส่วนของกลุ่มธุรกิจที่เราทำเพิ่มเติม เราตั้งเป้า Double-Digit Growth ทุกปี และในปีนี้ก็คาดหวังการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเรื่องของการเจรจากับพันธมิตรใหม่ๆ ด้วย และจะมาอัปเดตเพิ่มเติมถ้ามีการปรับเปลี่ยนเป้าหมายการเติบโต

  • **ตลาดความสวยความงามกำลังเติบโต บริษัทมีแผนจะเจาะตลาดนี้ไหม?**

    ตอบ: บริษัทมีความเชี่ยวชาญในส่วนของความสวยความงามที่เกี่ยวกับรูปร่าง และมีนวัตกรรมที่ช่วยในเรื่องการดูแลรูปร่างและลดน้ำหนัก ซึ่งกำลังศึกษาเพิ่มเติมอยู่และอยากจะนำมาเพิ่มในส่วนของ Portfolio ในส่วนนี้ของบริษัท

  • **ขอสอบถามเรื่องเงิน IPO ที่จะใช้ขยายกิจการด้าน M&A ที่เกี่ยวกับคลินิก?**

    ตอบ: ถ้ามีอัปเดตเพิ่มเติมจะมาแจ้ง แต่ในส่วนของเบื้องต้นที่จะสามารถดำเนินการได้เลยคือในเรื่องของการขยายในกลุ่มผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะใช้เวลาได้เร็วกว่า ในส่วนของ M&A คงต้องใช้เวลานิดนึง เพราะบริษัทเพิ่งเข้ามาจดทะเบียนประมาณ 5 เดือน ตรงนี้ยังอยู่ในช่วง Explore ในส่วนของ Opportunity และเจรจา

  • **บริษัทมีแผนขยายธุรกิจไปกลุ่มสินค้าที่ไม่ต้องพึ่งพิงกลุ่มโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนบ้างไหม?**

    ตอบ: มี เพราะธุรกิจบริษัท 100% เป็น B2B แต่มองเห็นเทรนด์ในประเทศไทยและทั่วโลกว่าความสนใจด้าน Healthcare ใกล้ตัว End Consumer มากขึ้น บริษัทกำลังศึกษาและเจรจากับบริษัทต่างประเทศที่จะมาเป็นพันธมิตรในส่วนของกลุ่มสินค้า B2C (Business to Consumer) คาดว่าในเวลาอันใกล้จะมี ความคืบหน้า

  • **คาดว่าจะเริ่ม Effective เดือนไหนในการขยายผลิตภัณฑ์?**

    ตอบ: จะมาอัปเดตในทุก Quarter และตั้งใจว่าในทุก Quarter จะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และความร่วมมือใหม่ๆ มาอัปเดตกับทางนักลงทุน โดยใน Quarter 1 จะเน้นไปที่ในส่วนของผลิตภัณฑ์ในส่วนของกลุ่มลูกค้าที่เป็นทางด้าน ICU

  • **ขอทราบส่วนแบ่งเรื่องโรงพยาบาลเช่าเครื่องมือเป็นต้นทุนประมาณกี่เปอร์เซ็นต์ Gross กี่เปอร์เซ็นต์?**

    ตอบ: เรื่องของการเช่าเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์มีประโยชน์ในส่วนของลูกค้าหลายมิติ เช่น การตั้งงบประมาณที่ไม่ต้องใช้มูลค่าสูงในการจัดซื้อ ทำให้โรงพยาบาลมีโอกาสเข้าถึงนวัตกรรมและเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ได้ง่ายขึ้น และโดยการที่ใช้เงินลงทุน Upfront Investment น้อยลง ในขณะเดียวกันโรงพยาบาลไม่ต้องกังวลในเรื่องของการดูแล Maintenance และบริการหลังการขาย เพราะเครื่องมืออุปกรณ์ยังเป็นทรัพย์สินของบริษัท และบริษัทมีหน้าที่ต้องดูแลให้เครื่องมืออยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน นอกจากนี้ยังเป็นการบริหารวางแผนจัดการในเรื่องของ Cost ที่มีความสม่ำเสมอ

  • โพสต์ล่าสุด