บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
สรุป Oppday Thai Food Group (TFG): ปี 2024 โตต่อเนื่อง สู่เป้าหมายใหม่ 2025
P/E 3.78 YIELD 6.42 ราคา 4.66 (0.00%)
สรุป Oppday Thai Food Group (TFG): ปี 2024 โตต่อเนื่อง สู่เป้าหมายใหม่ 2025
1. **ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):**บริษัท Thai Food Group จำกัด มหาชน (TFG) เป็นผู้ผลิตไก่และสุกรรายใหญ่อันดับ 3 ของประเทศไทย มีกำลังการผลิตไก่ 500,000 ตัวต่อวัน และมีธุรกิจสุกรใน 2 ประเทศ คือ ไทยและเวียดนาม โดยมีกำลังการผลิตในไทย 160,000 ตัวต่อเดือน และในเวียดนาม 70,000 ตัวต่อเดือน
ผลการดำเนินงานปี 2024 มีรายได้จากการขายเติบโตขึ้นทุกไตรมาส โดยไตรมาส 4 ปิดที่ 18,000 ล้านบาท คิดเป็น Gross Profit (GP) ประมาณ 15% สำหรับภาพรวมทั้งปี 2024 มีรายได้จากการขาย 65,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากปี 2023 ที่ 55,000 ล้านบาท และมี GP ประมาณ 13% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ดี การเติบโตของ GP หลักๆ มาจากธุรกิจสุกรในเวียดนามที่มีราคาและปริมาณขยายตัวอย่างมาก เนื่องจากการลงทุนก่อนหน้า 1-2 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ต้นทุนที่ลดลงและการปรับตัวดีขึ้นของราคาและปริมาณไก่ก็มีส่วนช่วยเช่นกัน
2. **โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):**บริษัทมองเห็นโอกาสในการเติบโตจากธุรกิจ Retail Shop ซึ่งมีสัดส่วนรายได้เป็นอันดับ 1 คิดเป็น 37% และมีแผนที่จะขยายสาขาจาก 400 สาขา ณ สิ้นไตรมาส 4 ไปเป็น 600 สาขาในปี 2025 นอกจากนี้ยังมีโอกาสในการส่งออกไก่มากขึ้น เนื่องจากค่าเฟรทที่ลดลงและตลาดต่างประเทศมีความต้องการสูงขึ้น อีกทั้งธุรกิจสุกรในเวียดนามยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้ดี
3. **ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):**บริษัทมีความเสี่ยงจากสถานการณ์โรคระบาด ASF (African Swine Fever) ในสุกร ทั้งในไทยและเวียดนาม ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิตและราคา รวมถึงความเสี่ยงจากราคาวัตถุดิบที่อาจมีการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ยังมีปัจจัยภายนอก เช่น ภาวะเศรษฐกิจโลกและนโยบายการค้าที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ
4. **วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):**บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและลดต้นทุน โดยการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการจัดการฟาร์มและโรงงาน นอกจากนี้ยังมีการกระจายความเสี่ยงโดยการขยายตลาดไปยังต่างประเทศและเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ Retail Shop เพื่อลดการพึ่งพิงธุรกิจหลักเพียงอย่างเดียว
5. **แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):**แนวโน้มของธุรกิจในอนาคตยังคงเป็นไปในทิศทางที่ดี โดยคาดการณ์ว่ารายได้จะเติบโต 10-15% ในปี 2025 โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักจากธุรกิจ Retail Shop, การส่งออกไก่, และธุรกิจสุกรในเวียดนาม นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะ Spin-off IPO ธุรกิจ Retail Shop ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า
6. **ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session):** [เริ่ม Q&A ที่นาที 41:12]ในช่วงถาม-ตอบ มีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้:
แนวโน้มธุรกิจปีนี้ดีกว่าปีที่แล้วอย่างไร:
ผู้บริหารตอบว่าปีนี้คาดว่าการเติบโตจะอยู่ที่ 10-15% รายได้รวมน่าจะอยู่ที่ 70,000-75,000 ล้านบาท การเติบโตมาจาก Store Growth ของ Shop ที่มีจำนวนสาขาเพิ่มขึ้น และ Same Store Sales Growth จากสาขาเดิม
เป้าหมายสัดส่วนรายได้ในประเทศ/ต่างประเทศ:
รายได้จากต่างประเทศมี 2 ส่วน คือการส่งออกจากไทย (ประมาณ 10,000-13,000 ล้านบาท) และรายได้จาก Operation ในต่างประเทศ (เวียดนาม ประมาณ 10,000 ล้านบาท) รวมแล้วสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะอยู่ที่ 20-30%
สถานการณ์โรคระบาด ASF ในไทยและเวียดนาม:
ในไทยยังมีการรายงานการระบาด แต่ไม่มากเท่าเวียดนาม สเกลของไทยส่วนใหญ่เป็นบริษัท Integrate ที่มีระบบ Bio Security เข้มกว่า ในเวียดนาม ราคาหมูเป็นตัวบ่งชี้ว่า Supply หายไปมาก คาดว่า Supply หายไปร่วม 30% รัฐบาลพยายามจัดกลุ่มฟาร์มให้เป็นนิคมเกษตรกรรม แต่การควบคุมโรคระบาดยังทำได้ยาก วัคซีนยังไม่ประสบความสำเร็จ คาดว่าสถานการณ์นี้จะยังคงอยู่ไปอีก 2-3 ปี
แผนขยายสาขาของ Thai Food Fresh Market:
สิ้นปีนี้จะไปที่ 600 สาขา ปัจจุบันมี 420 สาขา คาดว่าจบ Q1 จะมี 450 สาขา และกลางปี Q2 จะมีประมาณ 500 สาขา
กลยุทธ์ในการทำให้ Same Store Sales Growth เป็น +10% ในปีนี้:
เพิ่ม Ticket Count (จำนวนลูกค้าต่อวัน) และ Ticket Size (ยอดซื้อเฉลี่ยต่อบิล) เพิ่ม Variety ของสินค้า โดยเฉพาะ Non-TFG เช่น Dry Groceries และ Ready to Eat
Thai Food Fresh Market มีแผน Spin-off IPO หรือไม่:
อยู่ใน Pipeline และเริ่มนับหนึ่งแล้ว คาดว่าจะสามารถ List ได้ภายใน 3-5 ปีนี้ ตอนนี้กำลังจัดหา FA และศึกษา Regulation
ร้านค้าปลีกมีโอกาสขยายมากกว่า 1 อำเภอ 1 สาขาหรือไม่:
มีความเป็นไปได้ แต่ปัจจุบันเน้น 1 อำเภอ 1 สาขาไปก่อน ตอนนี้เริ่มมีหลายอำเภอที่ยอดขายสูง อาจ Split ออกไปได้
ร้านค้าปลีกสามารถปรับเพิ่ม GP ได้หรือไม่:
สามารถปรับปรุงเพิ่มได้ โดยเพิ่ม Variety ของสินค้า Move ไปทำ Non-TFG มากขึ้น (Ready to Eat, Ready to Cook) และใช้ Bargaining Power กับ Supplier ในการเรียก Back Margin
มี Store กลาง (DC) ของร้านค้าปลีกหรือไม่:
มี DC หลักอยู่ที่วังน้อย ปทุมธานี และเริ่มมี Regional DC ทางอีสาน 2 จุด เพื่อ Support Dry Groceries และ Frozen Product
ช่วยแชร์ View ต้นทุนวัตถุดิบปีนี้:
วัตถุดิบหลักคือ ข้าวโพด กากถั่ว วีท คาดว่าต้นทุนปีนี้จะลดลงจากปีที่แล้ว ข้าวโพดซื้อ 10.5 บาท/กก. ในไทย และ 9 บาท/กก. ในเวียดนาม กากถั่วจาก 20 บาท/กก. เหลือ 15 บาท/กก. วีท 9 บาท/กก. คาดว่าต้นทุน Feed Product น่าจะลดลง 5%
ช่วย Comment ในส่วนของ Supply ของไก่ หมู ทั้งในไทยและเวียดนาม:
ไทย: แม่สุกรประมาณ 900,000-1,000,000 แม่ Supply เทียม (หมูเถื่อน) หมดไปแล้ว ราคาเหมาะสม ผู้บริโภครับได้ เวียดนาม: มีการบริโภคหมูสูงกว่าไทย ASF ทำให้แม่สุกรลดจาก 3 ล้านแม่ เหลือ 2 ล้านแม่หลายบริษัทพยายามขยาย Cap Supply ไม่ได้สูงมาก เหมาะสมกับ Demand ภายในประเทศ
ร้านค้าปลีกอยากให้เพิ่มสินค้าของชุมชน:
บริษัทขอบคุณสำหรับคำแนะนำ และจะนำไปปรับปรุง หา Product ที่มาจากชุมชนมากขึ้น ปัจจุบันก็มีเริ่มทำไปบ้างแล้ว
โดยรวมแล้ว TFG ยังคงมีศักยภาพในการเติบโตและสร้างผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากธุรกิจที่หลากหลาย, การบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ, และการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป