https://aio.panphol.com/assets/images/community/3349_bda98c.png

สรุป Oppday: SKN ปี 2024 - โอกาสและความท้าทายในตลาดแผ่นไม้ MDF

P/E 7.23 YIELD 7.08 ราคา 5.65 (0.00%)

สรุป Oppday: SKN ปี 2024 - โอกาสและความท้าทายในตลาดแผ่นไม้ MDF

สวัสดีครับ ก่อนอื่นขอสวัสดีนักลงทุนทุกท่านที่เข้ามารับชมผลประกอบการของปี 2024 ของ SKN นะครับ

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)

ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทคือแผ่นไม้ MDF บอร์ด ซึ่งสามารถผลิตได้ตั้งแต่ความหนา 1 มม. ถึง 30 มม. โดยแบ่งตามชนิดของกาวตามมาตรฐานยุโรปและอเมริกา นอกจากนี้ยังสามารถผลิตไม้ที่มีคุณสมบัติพิเศษ เช่น กันความชื้น ไม้ FSC หรือไม้กันไฟลาม ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของบ้านแต่ละท่าน ไม่ว่าจะเป็น Built-in, แผ่นพื้น, ผนังฝ้า, ประตู และเฟอร์นิเจอร์

มาตรฐานที่บริษัทได้รับมาตลอดระยะเวลาที่ดำเนินงาน รวมถึงกลุ่มตลาดลูกค้าของบริษัท แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลักๆ ได้แก่ กลุ่มลูกค้าเฟอร์นิเจอร์ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง นำไปแปรรูปต่อ และกลุ่มโฮเซลเลอร์

ภาพรวมตลาดแผ่นไม้ทดแทนธรรมชาติในปี 2023 กำลังการผลิตโดยรวมเพิ่มขึ้นจากปี 2022 แต่ยังน้อยกว่าปี 2021 ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตลำดับที่ 10 ของโลก ในส่วนของการส่งออก มีการลดตัวต่ำลงจากปี 2022 มา 2023 โดยประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกรายที่ 3 ของโลก

ปริมาณผลิตของโลกสำหรับแผ่นไม้ MDF ลดตัวลงจากปี 2022 มา 2023 ในส่วนของกำลังการผลิต ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตลำดับที่ 4 ของโลก และการส่งออกก็ลดตัวลงเช่นเดียวกันจากปี 2022 มา 2023 แต่ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกลำดับ 1 ของโลก

กลุ่มประเทศหลักที่บริษัทขายสินค้าไปคือ Middle East เองอยู่ที่ประมาณ 67% เอเชียเองประมาณ 15% ประเทศอื่นๆ 11% และภายในประเทศ 7% ช่องทางการขายตรงอยู่ที่ 57% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่อยู่ที่ 41%

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)

สัดส่วนการขายในประเทศยังคงเป็นหลัก โดยโตขึ้นอยู่ที่ 7% แต่การขายส่งออกยังเป็นส่วนหลักของบริษัท ในส่วนของตัว Incoterm ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก ตัว CNF ยังคงเป็น Proportion หลักอยู่ของบริษัท สัดส่วนของตัว FOB ก็จะลองลงมาอยู่ที่ประมาณ 31% ในปีที่ผ่านมา

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)

โครงการลงทุนปัจจุบันของบริษัทยังมีอยู่ 2 โครงการด้วยกัน โครงการแรกคือ Craft and Paper ซึ่งอยู่ในระหว่างดำเนินการตัวใบอนุญาตที่เกี่ยวข้อง โครงการที่สองคือขยายกำลังผลิตไลน์ที่ 3 ของบริษัท ซึ่งทางบริษัทก็อยู่ในระหว่างการดำเนินการ

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)

ในส่วนของงบแสดงฐานะทางการเงิน ด้านบนจะเป็นงบการเงินรวม ซึ่งประกอบด้วยบริษัทแม่คือ SKN เอง และบริษัท ย่อยอีก 2 แห่ง ได้แก่ Skiber ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายกาวและสารเคมี และ SKN Craft and Paper ซึ่งเป็นผู้ผลิตตัวเยื่อกระดาษและกระดาษรีไซเคิล

หากมองเทียบกับงบการเงินเฉพาะกิจการ จะเห็นได้ว่าส่วนของตัวสินทรัพย์จะ มีมากกว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สาเหตุมาจากงบการเงินรวมจะรับรู้สินทรัพย์ของตัวบริษัท ย่อยเข้าไปด้วย ซึ่งจะมีการตัดค่าเสื่อมไปตามการใช้งาน ตัวที่มีการตัดค่าเสื่อมแล้วจะเป็นของบริษัทผลิตกาว เนื่องจากมีการ Operate แล้ว ในส่วนของตัวงบการเงินเฉพาะกิจการจะรับรู้เข้าไปใน ส่วนของตัวเงินลงทุนในบริษัท ย่อย จะเห็นได้ว่าอันนี้จะเป็นสาเหตุที่ทำให้ตัว Asset ของ งบการเงินรวมและงบเฉพาะกิจการแตกต่างกันค่อนข้างน้อย

ในส่วนของตัวหนี้สิน ตัวหนี้สินเองปัจจุบันก็จะแตกต่างกันไม่เยอะมากเช่นเดียวกัน เนื่องจากว่าบริษัท ย่อยก็คือตัว Skiber มีการกู้ยืมเงินเพื่อมาลงทุนในการสร้างโรงงานผลิตกาว และปัจจุบันก็มีการทยอยจ่ายเงิน กู้คืน ได้เป็นจำนวน หนึ่งแล้ว และก็จะเหลือค้างอยู่อีกไม่เยอะมาก ในส่วนของตัว ส่วนของผู้ถือหุ้น ส่วนของผู้ถือหุ้นเองจะเห็นได้ว่างบการเงินรวมต่ำกว่างบเฉพาะกิจการ สาเหตุมาจากบริษัท ย่อยทั้ง 2 แห่งปัจจุบันยังคงมีขาดทุนสะสมอยู่

ในส่วนของงบเฉพาะกิจการเอง ถ้าเทียบตัวสินทรัพย์ของ SKN นะคะ ของ ปีนี้นะคะ ขออภัยค่ะ ของปี 2024 นะคะ ก็จะเพิ่มขึ้นโดยมีสาเหตุหลักๆ เลย ก็คือจะมาจากตัว Asset ที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุน ในการทำโปรเจกต์ไลน์การผลิตที่ 3 นะคะ แล้วก็จะมีอีกส่วนนึงเพิ่มขึ้นมาจาก ตัวเงินสดแล้วก็ตัวเทียบเท่าเงินสดค่ะ ส่วนของตัวหนี้สินเนี่ยลดลงมานะคะ สาเหตุหลักก็จะมาจากตัวเงินกู้ยืมระยะสั้นที่ลดลงมากว่าช่วงของปลายปี 2023 ค่ะ ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นมาจากผลประกอบการของปีปัจจุบัน

ในหน้าผลการดำเนินงานนี้ จะขอพูดเฉพาะในส่วนของงบการเงินรวมก่อน ตัว งบการเงินรวมจะเห็นได้ว่าตัว รายได้จะเท่ากันทั้งงบรวมและงบเฉพาะกิจการนะคะ เนื่องจากว่าตัวบริษัทกาว ปัจจุบัน ของปี 2024 จะเป็นการขายเข้ากลับมาที่บริษัทแม่ทั้งหมด ในส่วนของตัว Gross Profit เพิ่มขึ้น มากกว่าตัวงบการเงินเฉพาะกิจการ สาเหตุจะมาจากตัวบริษัทกาวเช่นเดียวกันที่จะมี Gross Profit เพิ่มเข้ามาในส่วนนี้นะคะ แต่ว่าในส่วนของตัวกำไร ในส่วนของงบการเงินรวมที่เห็นว่าสูงกว่างบเฉพาะกิจการ จะเกิดมาจากการ ปรับปรุงตัวค่าใช้จ่ายให้มันสอดคล้องกับมาตรฐานของการจัดทำงบการเงินรวม แต่ว่าโดยการ Operation ของบริษัท ย่อย ปัจจุบันทั้งตัว Skiber และ SKN Craft and Paper เอง จะยังมีขาดทุนอยู่เล็กน้อย

อันนี้จะขออธิบายเฉพาะในส่วนของผลกำไร ของตัว SKN เอง ในส่วนของ ตัว Quarter 4 และก็ตัว ปีของปี 2024 ตัวปัจจัยใหญ่ๆ ต่างๆ ค่อนข้างที่จะคล้ายคลึงกัน ก็คือตัวรายได้เพิ่มขึ้นมาจาก ปัจจัยหลักก็คือ ปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตัว Quarter 4 เอง จะมีปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2023 ปัจจัยอีกปัจจัยนึงที่ทำให้ตัวรายได้เพิ่มสูงขึ้น ก็จะเป็นในส่วนของ เทอมการขาย ที่ในปีนี้เอง จะมีปริมาณการขายที่เป็นรูปแบบของ CFR เพิ่มขึ้นด้วย ตัวรายได้ก็จะรับรู้ในส่วนของตัวค่าเฟสเข้ามาด้วย

ต่อไปในส่วนของตัว Gross Profit นะคะ ก็จะเห็นได้ว่าของทาง Quarter 4 แล้วก็งบปีเองเนี่ย เพิ่มสูงขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยปัจจัยของตัว ต้นทุน ต้นทุนการขาย หลักๆ เลย ต้นทุนการขายเองเพิ่มขึ้นมา มาจากตัวปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นนะคะ แล้วก็ปัจจัยที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ก็จะมีอย่างเช่น ตัวราคาไม้ ตัวราคาไม้เองโดยเฉลี่ยของทั้งปีเนี่ยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ว่าในของ Quarter 4 เนี่ย จะเพิ่มขึ้นค่อนข้างที่จะมีนัยยะเหมือนกัน เนื่องจากว่าช่วง Quarter 4 ที่ผ่านมาค่ะ จะมีปริมาณฝนที่ตกค่อนข้างที่จะเยอะทำให้การเข้า ไปทำสวนแล้วก็เอาไม้ยางพาราออกมาเนี่ยค่ะ เป็นไปได้ยากมากกว่าปกติ ในส่วนปัจจัย ของตัวต้นทุนขายอื่นๆ ก็จะมีของตัวกาวนะคะ ที่ภาพรวมก็จะราคา ต่ำลงเล็กน้อย แล้วก็จะมีของตัว ค่าไฟฟ้าด้วย ที่ตัวราคาค่าไฟฟ้าเองเนี่ย เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2023 อ่ะค่ะ ตัวราคาค่าไฟฟ้าก็จะมีการลดต่ำลง ในส่วนของตัวค่าใช้จ่ายในการขายแล้วก็บริหารนะคะ ในส่วนนี้เองเนี่ยเนื่องจากว่ามีการขายในเทอมของ ตัว CFR เพิ่มขึ้น ตัวค่าเฟสเหลือที่รับรู้เข้าไปในรายได้ด้วย ก็จะถูกรับรู้เข้าไปในส่วนของค่าใช้จ่ายในการขายด้วยเช่นเดียวกันค่ะ ก็เลยจะส่งผลให้ตัวค่าใช้จ่ายในการขายเนี่ยสูงขึ้น

ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการบริหารเองนะคะ จะมีเพิ่มขึ้นมาจาก 2 ปัจจัย ก็คือจะมีการประมาณการตัวค่าตอบแทนพนักงานเพิ่มสูงขึ้น กับอีกอันนึงก็คือจะมีขาดทุนจาก FX นะคะ ที่สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ด้วยปัจจัยทั้งหมดนี้เอง ปัจจัยบวกทางด้านรายได้ ก็จะส่งผล ที่ ชัดเจนนะคะ ก็เลยส่งผลให้ตัว ผลประกอบการเองเนี่ยทั้งตัว Gross แล้วก็ตัว Net Profit นะคะ ก็จะเพิ่มสูงขึ้นกว่าช่วงของปีที่แล้วค่ะ ทั้งในส่วนของ Quarter 4 แล้วก็ของงบปี

อัตราส่วนทางการเงินต่างๆ ตัว ROA แล้วก็ ROE เนี่ยจะเพิ่มสูงขึ้น ก็จะมาจากตัวผลการดำเนินงานที่เพิ่มสูงขึ้น ส่วนตัว Current Ratio นะคะ ก็จะเพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน อันนี้จะมาจากตัวเงินกู้ระยะสั้นนะคะ ที่ลดต่ำลงเมื่อเทียบกับปี 2023 นะคะ แล้วก็ตัว DE นะคะ จะลดลง ปัจจัยหลักๆ ก็จะเป็นตัวเงินกู้ยืมระยะสั้นที่ลดลงเหมือนกันนะคะ กับอีกอันนึงก็คือตัวของ Equity อ่ะค่ะ เพิ่มสูงขึ้นจากตัวกำไรสะสมที่เพิ่มสูงขึ้นค่ะ

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)

ถัดไปจะเป็นเรื่องของตัวปัจจัยความเสี่ยงของบริษัท ปัจจุบันบริษัทก็ยังคงมีความเสี่ยงอยู่ทั้งหมดประมาณ 4 ด้านหลักๆ ด้วยกัน หนึ่งเลยเนี่ยก็ยังคงเป็นเรื่องของที่ตั้ง บริษัทก็ยังคงมีฐานการผลิตหลักอยู่ที่เดียวก็คือที่จังหวัดระยอง ถัดมาก็จะเป็นเรื่องมาตรการการค้าระหว่างประเทศ มาตรการการค้าระหว่างประเทศ ก็ยังมีอยู่ 2 มาตรการการค้าด้วยกัน หนึ่งเลยก็จะเป็นในส่วนของตัวประเทศอินเดีย แล้วสองเลยก็จะเป็นส่วนของประเทศเวียดนาม ซึ่งทั้ง 2 อันนี้ก็ยัง ยังคงดำเนินการอยู่นะครับ

ถัดมา จะเป็นเรื่องของตัวค่าพลังงาน ค่าพลังงาน ในปี 2023 เราจะเห็นได้ว่าค่อนข้างผันผวน อย่างไรก็ตาม ในปี 2024 ที่ผ่านมาก็ค่อนข้างนิ่ง แต่ว่าเนื่องจากว่าตัวค่าพลังงานก็จะส่งผลต่อตัวต้นทุนการผลิตของบริษัทอย่างมีนัยยะเหมือนกัน ก็เลยเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทางบริษัทค่อนข้างให้ความสนใจแล้วก็ติดตามมอนิเตอร์อยู่

ส่วนของตัวค่าเงินนะคะ ถ้าเทียบจากปี เอ่อ 2024 เทียบกับปี 2023 นะคะ ก็จะเห็นได้ว่า ในช่วง 2024 เนี่ยค่ะ ค่าเงินค่อนข้างที่จะอ่อนค่าถ้าเทียบกับปี 2023 แต่ว่าจะเริ่มแข็งค่า ลงมานะคะ ในช่วงของ Quarter 3 แล้วก็ Quarter 4 ซึ่งในปัจจุบันเองในส่วนของปีนี้เอง เท่าที่เห็นใน Quarter 1 อ่ะค่ะ ก็จะยังเป็น โทนแข็งค่าอยู่ถ้าเทียบกับช่วงก่อนหน้าค่ะ

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session)

[เริ่ม Q&A นาทีที่ 19:04]

  1. คำถามแรก: ในส่วนของตัวไลน์ผลิตที่ 3 จะเริ่มรับรู้รายได้เมื่อไหร่

    คำตอบ: ตามแผนของการขยายกำลังผลิต จะเริ่มรับรู้รายได้ภายในปีหน้า คือ 2569

  2. คำถาม: หากสร้างโรงงาน MDF อันใหม่เสร็จ จะมีปัญหาด้าน Supply ไม้ยางพาราหรือไม่

    คำตอบ: ตอนที่วางแผนขยาย มีการวางแผนในส่วนของการ Sourcing ตัว Raw Material เหมือนกัน มั่นใจว่าจะสามารถหาตัวไม้เข้ามาเพียงพอต่อกำลังการผลิตที่ขยายในอนาคต

  3. คำถาม: เหตุใดโครงการผลิตกระดาษล่าช้า เกิดจากอะไร

    คำตอบ: มีเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการหลายอัน ก่อนที่จะสามารถดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงทำการขยายได้ ที่ผ่านมาได้ดำเนินการไปประมาณ 70-80% แล้ว พยายามที่จะให้ได้เอกสารทั้งหมดภายในปีนี้

  4. คำถาม: ช่วงที่ผ่านมา กำไรของบริษัทค่อนข้างดี เป็นวัฏจักรของตัวแผ่นไม้ MDF หรือไม่

    คำตอบ: มีปัจจัยต่างๆ ที่เข้ามากระทบและปรับให้ Gross Profit Margin และ Net Profit Margin ดีขึ้น ราคาตลาดไม่ได้อยู่ในช่วงที่สูงที่สุดที่บริษัทเคยดำเนินการค้าขายมา แต่อยู่ใน Range ที่อาจจะเป็น Normal ของตัว Cycle ของตัว MDF ที่ยังซื้อมาขายไปได้อยู่

  5. คำถาม: สงครามการค้าจะส่งผลดีหรือเสียต่อบริษัท

    คำตอบ: ต้องรอดูต่อไปว่ามีการย้ายฐานผลิตอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่ ถ้ากลุ่มลูกค้ามีการย้ายฐานการผลิต Demand ก็จะหายไปช่วงหนึ่ง แต่ถ้าหากไม่ได้มีการย้ายกำลังการผลิตอย่างมีนัยอย่างนั้น Demand ที่จะตกวูบไปก็อาจจะไม่ได้มี

  6. คำถาม: จะเป็นเรื่องแนวโน้มราคายางพารา และผลิตภัณฑ์ MDF ของปี 2025 เป็นอย่างไรบ้าง

    คำตอบ: ราคายางพารายังไม่ได้มีการปรับตัวมากนักเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ที่ผ่านมา แต่ในส่วนของตัวกาวและสารเคมีจะมีการปรับตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้มา ในส่วนของตัวกำลังการผลิต อาจจะมี Unplan Shutdown อยู่ประมาณ 2 Week สำหรับ 1 ลายผลิต ซึ่งอาจจะสะท้อนต่อตัวปริมาณยอดขายที่อาจจะเกิดขึ้นในตัวไตรมาส 1

  7. คำถาม: ที่ผ่านมาค่าเงินบาทค่อนข้างที่จะแข็งค่า กระทบต่อบริษัทอย่างไรบ้าง

    คำตอบ: ค่อนข้างที่จะกระทบกับบริษัท เนื่องจากยอดขายของบริษัทเอง 90 กว่าเปอร์เซ็นต์เป็นการส่งออก โดยส่วนใหญ่จะรับเข้ามาเป็นเงินของตัวสกุล US มีการทำตัว Hedging บางส่วนด้วยเกี่ยวกับค่าเงิน แต่ว่า โดย Nature ที่ เงินบาทแข็งค่า จะกระทบกับธุรกิจส่งออกอยู่แล้ว

  8. คำถาม: คู่แข่งสำคัญของไทยในตลาดโลกในการขายของแผ่นไม้ MDF คือประเทศอะไร

    คำตอบ: ดูทางด้านกำลังการผลิต ผู้ผลิตที่มีกำลังผลิตสูงสุดจะเป็นในส่วนของตัวประเทศจีน ถ้าสมมุติว่าเป็นในส่วน Scope ลงมาในโซนเอเชีย คู่แข่งสำคัญจะมี ประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย และจีน

  9. คำถาม: โครงงาน โครงการ MDF ใหม่คืบหน้ากี่เปอร์เซ็นต์แล้ว

    คำตอบ: โครงการ MDF ปัจจุบัน ยังอยู่ในแผนกำลังการ ที่กำลังดำเนินการอยู่ ไม่ได้ล่าช้ากว่าแผน

สรุป

การประชุม Oppday ของ SKN ในปี 2024 สรุปผลประกอบการ, โอกาสทางธุรกิจ, ความเสี่ยง และแผนการดำเนินงานในอนาคต บริษัทมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต, ขยายตลาด, และบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

โพสต์ล่าสุด
บทความ
3 วันที่แล้ว 13:30 น.
No Title Found