บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

FSSIA มองข้ามช็อตงบสะดุดระยะสั้น เน้นรับงานรถไฟฟ้าหนุนอนาคต

ประเด็นสำคัญ: SEAFCO ปี 2568 เทิร์นอะราวด์

FSSIA คาดการณ์ผลประกอบการ SEAFCO จะกลับมาเติบโตอย่างโดดเด่นในปี 2568 โดยได้แรงหนุนจาก Backlog ที่เพิ่มขึ้นจากการรับงานรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก แม้ว่าผลประกอบการในไตรมาส 4/2567 และไตรมาส 1/2568 อาจยังไม่สดใสเนื่องจากเป็นช่วงรอยต่อของงานและมี Cost overrun แต่ FSSIA ยังคงแนะนำ "ซื้อ" โดยให้ราคาเป้าหมายคงเดิมที่ 3 บาท

รายละเอียดการวิเคราะห์ผลประกอบการ

FSSIA คาดการณ์ว่า SEAFCO จะขาดทุนสุทธิ 24 ล้านบาทในไตรมาส 4/2567 เนื่องมาจากวันหยุดจำนวนมากและโครงการ Shark fin อยู่ในช่วงปลายงาน ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับต่ำที่ 3% อย่างไรก็ตาม FSSIA มองว่า Backlog ของบริษัทจะแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีที่ 1.7 พันล้านบาท หลังจากการรับงานรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกจำนวน 4 สถานี มูลค่ารวม 1.2 พันล้านบาท FSSIA ยังคาดการณ์ว่าบริษัทมีศักยภาพในการรับงานเพิ่มอีก โดยเฉพาะงานรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกอีก 2 สถานี มูลค่ารวม 700 ล้านบาท

ปัจจัยหนุนการเติบโตและโอกาส

FSSIA คาดว่าผลประกอบการของ SEAFCO จะเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ไตรมาส 2/2568 จากการเริ่มก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งเป็นงานขนาดใหญ่และมีมาร์จิ้นสูงกว่าปกติ โดยคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2568 จะเติบโตก้าวกระโดดเป็น 148 ล้านบาท จาก 4 ล้านบาทในปี 2567 นอกจากนี้ FSSIA ยังมองว่าการรับงานใหม่ โดยเฉพาะงานเพิ่มจากสายสีส้ม จะเป็น Catalyst ที่เป็นบวกต่อราคาหุ้น

สรุปและคำแนะนำ

FSSIA ยังคงราคาเหมาะสมของ SEAFCO ที่ 3 บาท อิงจาก PBV 1.4 เท่า และคงคำแนะนำ "ซื้อ" แม้ว่าผลประกอบการระยะสั้นอาจไม่สดใส แต่โมเมนตัมกำไรคาดว่าจะเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ไตรมาส 2/2568 และปี 2568 จะกลับมาเติบโตโดดเด่น นอกจากนี้ ราคาหุ้น SEAFCO ยังมี Positive Correlation กับ Backlog ที่ 0.85 ซึ่งสูงกว่าเมื่อเทียบกับความสัมพันธ์กับผลประกอบการที่ 0.68

วิธีคิดราคาเหมาะสม: อิง PBV 1.4 เท่า
ความเสี่ยงที่ต้องพิจารณา: การเซ็นสัญญางานใหม่น้อยกว่าคาด, การเปิดประมูลงานใหม่ล่าช้า, ความไม่แน่นอนทางการเมือง, ความล่าช้าของการก่อสร้าง, ปัญหา Cost overrun, ต้นทุนวัสดุก่อสร้างสูงขึ้น, การขาดแคลนแรงงาน, การปรับขึ้นค่าแรง และการแข่งขันที่รุนแรงกว่าคาด