บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
STA เจอความท้าทาย! ต้นทุนพุ่ง ฉุดกำไรปี 2568 ลดลง 22% โบรกฯ หั่นเป้าเหลือ 20 บาท
P/E -100.00 YIELD 8.20 ราคา 12.20 (0.00%)
FSSIA มอง STA เจอปัญหาคุมต้นทุน
FSSIA มีมุมมองที่เป็นลบเล็กน้อยต่อ STA หลังจากการประชุมนักวิเคราะห์ เนื่องจากบริษัทกำลังเผชิญกับความท้าทายในการจัดการต้นทุนที่สูงขึ้น โดยเฉพาะราคายางพาราที่ยังคงสูงในครึ่งปีแรกของปี 2568 และต้องจับตาดูผลกระทบของมาตรการ EUDR (EU Deforestation Regulation) ในครึ่งปีหลัง แม้กระนั้น FSSIA ยังคงแนะนำ "ซื้อ" เพื่อเก็งกำไรจากราคายางพารา
ปรับลดประมาณการกำไรและราคาเป้าหมาย
เนื่องจากความท้าทายในการจัดการอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) จากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น FSSIA ได้ปรับลดประมาณการอัตรากำไรขั้นต้นปี 2568 ลง 60 bps เป็น 10% นอกจากนี้ STA จะได้รับผลกระทบจากภาษี GMT (Global Minimum Tax) ตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2568 ทำให้อัตราภาษีเพิ่มขึ้นเป็น 12% จาก 7.3% ในปี 2567 ด้วยเหตุนี้ FSSIA จึงปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ลง 22% เหลือ 1.95 พันล้านบาท และปรับลดราคาเป้าหมาย (TP) โดยอิงจากวิธี SoTP (Sum-of-the-Parts) ลงเหลือ 20 บาท จากเดิม 23 บาท ราคาเป้าหมายใหม่นี้คิดเป็น P/BV (Price to Book Value) ที่ 0.6 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตเล็กน้อย
FSSIA ประเมินราคาเป้าหมายโดยใช้วิธี SoTP ซึ่งเป็นการประเมินมูลค่าของแต่ละส่วนธุรกิจของ STA แล้วนำมารวมกัน โดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น แนวโน้มราคายางพารา, ปริมาณการขาย, อัตรากำไร, และผลกระทบของภาษี
ความเสี่ยงและปัจจัยที่ต้องจับตา
ถึงแม้ FSSIA จะมีมุมมองเชิงบวกต่อการเก็งกำไรจากราคายางพารา แต่ก็มีความเสี่ยงที่ต้องพิจารณา ได้แก่:
- ความไม่แน่นอนของมาตรการ EUDR ที่อาจส่งผลกระทบต่อราคายางพารา
- ความผันผวนของราคายางพาราและต้นทุนวัตถุดิบ
- การแข่งขันที่สูงในอุตสาหกรรมถุงมือยาง
- ธุรกิจยางพาราธรรมชาติ: แนวโน้มไม่สดใสเท่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
- ธุรกิจถุงมือยาง: แนวโน้มเป็นกลาง แม้จะได้รับผลดีจากการที่คู่แข่งในจีนและมาเลเซียเผชิญกับภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น
สรุป: แนะนำ "ซื้อ" เก็งกำไร แต่ต้องระวังความเสี่ยง
FSSIA ยังคงแนะนำ "ซื้อ" STA เพื่อเก็งกำไรจากราคายางพารา แต่ได้ปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 20 บาท เนื่องจากความท้าทายในการจัดการต้นทุนและผลกระทบจากภาษี GMT นักลงทุนควรพิจารณาความเสี่ยงต่างๆ อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน