BTG เนื้อหมูขาขึ้น! FSSIA ชี้กำไร Q1/68 ทะลุ 1 พันลบ. คงเป้า 24 บาท

P/E 5.07 YIELD 2.87 ราคา 17.50 (0.00%)


ไฮไลท์สำคัญ: BTG แนวโน้มกำไรสดใส

FSSIA คาดการณ์แนวโน้มเชิงบวกสำหรับ BTG โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาเนื้อสัตว์ที่คาดว่าจะสูงขึ้นในปี 2568 FSSIA คงคำแนะนำ "ซื้อ" พร้อมราคาเป้าหมายเดิมที่ 24 บาท มองว่า BTG จะมีกำไรสุทธิในไตรมาส 1/2568 เกิน 1 พันล้านบาท จากราคาเนื้อสัตว์ที่สูงขึ้นและการรับรู้รายได้จากธุรกิจไข่ในสิงคโปร์

ผลประกอบการ 4Q24: อัตรากำไรขั้นต้นโดดเด่น

BTG รายงานกำไรสุทธิ 4Q24 ที่ 983 ล้านบาท (ทรงตัว q-q พลิกจากขาดทุน 660 ล้านบาทใน 4Q23) หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรหลักอยู่ที่ 976 ล้านบาท (+8% q-q พลิกจากขาดทุนใน 4Q23) แม้ว่าราคาเนื้อสัตว์ในประเทศไทยจะอ่อนตัวลง q-q แต่ยอดขายที่สูงขึ้นของ BTG ช่วยรักษารายได้รวมให้เติบโต 0.7% q-q และ 10% y-y FSSIA ประทับใจกับอัตรากำไรขั้นต้นที่ 14.9% ใน 4Q24 เพิ่มขึ้นจาก 13.9% ใน 3Q24 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 8 ไตรมาส ปัจจัยสนับสนุนมาจากราคาวัตถุดิบที่ต่ำ รวมถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้นผ่านช่องทางที่มีอัตรากำไรสูงขึ้น เช่น บริการอาหาร การส่งออก ธุรกิจในต่างประเทศ และอาหารสัตว์เลี้ยง

แนวโน้มและเป้าหมายปี 2568: ราคาเนื้อสัตว์หนุน

ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 2568 เติบโต 3-7% (ไม่รวมรายได้จากธุรกิจไข่ในสิงคโปร์ ซึ่งคิดเป็น 2-3%) โดยยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อราคาเนื้อสัตว์ในปี 2568 รวมถึงราคาเนื้อสุกรที่คาดว่าจะยังคงสูงที่ 80-82 บาท/กก. (ใกล้เคียงกับราคาปัจจุบัน) และราคาไก่ที่คาดว่าจะทรงตัวที่ 42 บาท/กก. เนื่องจากอุปทานที่คงที่และความต้องการที่แข็งแกร่ง เป้าหมายอัตรากำไรขั้นต้นปี 2568 อยู่ที่ 13.5-15% เพิ่มขึ้นจาก 13.5% ในปี 2567 กลยุทธ์ในปีนี้จะเน้นการขายผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น และช่องทางการขายที่มีกำไรสูงขึ้น เช่น บริการอาหารและการส่งออก

ประมาณการกำไร Q1/68: สิงคโปร์หนุน

FSSIA คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 1/2568 จะยังคงเติบโต q-q และ y-y โดยได้รับแรงหนุนจากราคาเนื้อสัตว์ที่ฟื้นตัว รวมถึงราคาเนื้อหมูชิ้นส่วนที่สูงขึ้น ซึ่งจะช่วยปรับปรุงความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจสุกรในประเทศจากระดับคุ้มทุนในปี 2567 การรวมธุรกิจไข่ในสิงคโปร์คาดว่าจะช่วยสนับสนุนเพิ่มเติม เนื่องจากผู้บริหารคาดการณ์ว่ากำไรจากธุรกิจไข่จะสามารถชดเชยค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจากหนี้สินที่ใช้ในการเข้าซื้อกิจการ ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลกำไรโดยรวมของ BTG

มุมมองเชิงบวกต่อการนำเข้าวัตถุดิบจากสหรัฐฯ: ลดต้นทุน

FSSIA มองว่าหากประเทศไทยอนุญาตให้นำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์จากสหรัฐฯ เช่น ข้าวโพด ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยไม่อนุญาต จะเป็นผลดีต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ เนื่องจากข้าวโพดจากสหรัฐฯ มีราคาถูกกว่าข้าวโพดในประเทศ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและสามารถทดแทนการนำเข้าข้าวโพดจากเมียนมาร์ได้ เนื่องจากปริมาณข้าวโพดในปัจจุบันไม่เพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศ

สรุป: คงคำแนะนำ "ซื้อ"

FSSIA คงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ BTG ด้วยราคาเป้าหมายเดิมที่ 24 บาท โดยมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มกำไรที่คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2568 จากราคาเนื้อสัตว์ที่สูงขึ้นและการรับรู้รายได้จากธุรกิจไข่ในสิงคโปร์

โพสต์ล่าสุด