บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
SGF กำไรหดตัว! ขาดทุน 170 ล้านบาท ปี 67 พิษเศรษฐกิจฉุดกำลังซื้อ
P/E -100.00 YIELD 0.00 ราคา 0.16 (0.00%)
ไฮไลท์สำคัญ:
SGF เผชิญปี 2567 สุดท้าทาย ขาดทุนสุทธิ 170.85 ล้านบาท จากพอร์ตสินเชื่อหดตัวและคุมเข้มปล่อยกู้ใหม่ NPL พุ่ง 12.90% บริษัทต้องตั้งสำรองหนี้เสียเพิ่มขึ้นอานิสงส์จากราคารถมือสองร่วงและหนี้เสียในอุตสาหกรรมเพิ่ม
เศรษฐกิจกดดัน:
เศรษฐกิจไทยปี 2567 ยังอ่วม! หนี้ครัวเรือนสูง กำลังซื้อฟื้นตัวช้า EV มาแรงฉุดราคารถยนต์สันดาปมือสอง กระทบธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อและจำนำทะเบียนรถยนต์มือสอง SGF เลยต้องคัดกรองสินเชื่อใหม่เข้มงวด ลดเสี่ยงด้านเครดิต
ผลกระทบต่อกำไร:
รายได้รวม SGF ลดลง 16.9% เหลือ 474.21 ล้านบาท รายได้ดอกเบี้ยจากการให้สินเชื่อรายย่อย ลดลง 14.4% เหตุพอร์ตสินเชื่อหดตัว ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 11.1% แต่ต้องตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้น 29.4% เพราะราคารถมือสองร่วงและหนี้เสียพุ่ง แม้ต้นทุนทางการเงินลดลง 5.9% แต่พิษตั้งสำรองหนี้เสียทำขาดทุนสุทธิบานปลาย
สินเชื่อและสัดส่วน:
สินเชื่อรวมของบริษัทฯ ลดลง โดยสินเชื่อใหม่ปี 2567 อยู่ที่ 245.61 ล้านบาท ลดลง 76.1% จากปี 2566 NPL พุ่งเป็น 12.90% สะท้อนคุณภาพสินเชื่อย่ำแย่ในภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้อ
ความเสี่ยงและโอกาส:
- ความเสี่ยง: เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า หนี้ครัวเรือนสูง ราคารถมือสองร่วง และการแข่งขันในตลาดสินเชื่อดุเดือด
- โอกาส: เน้นบริหารความเสี่ยงเชิงรุกและช่วยเหลือลูกหนี้อย่างยั่งยืน รักษาสมดุลระหว่างการเติบโตของธุรกิจและการรักษาคุณภาพพอร์ตสินเชื่อ
สรุป:
SGF ปี 2567 เจอศึกหนัก! ทั้งเศรษฐกิจซบเซา ราคารถมือสองร่วง หนี้ครัวเรือนสูง ทำให้ต้องคุมเข้มปล่อยกู้ กระทบการเติบโตของสินเชื่อและรายได้ แม้คุมค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนทางการเงิน แต่การตั้งสำรองหนี้เสียที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้ผลประกอบการขาดทุนสุทธิ แต่บริษัทยังรักษาสภาพคล่องและบริหารจัดการหนี้สินได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในการรับมือกับความท้าทายต่างๆ