บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

ไฮไลท์สำคัญ:

ปี 2567 เป็นปีทองของ บมจ. ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) ด้วยกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากกลยุทธ์ปรับราคาห้องพัก, ขยายฐานลูกค้า, และรับอานิสงส์จากการท่องเที่ยวฟื้นตัว

ผลประกอบการที่น่าจับตา:

ในไตรมาส 4/2567, ERW มีรายได้รวม 2,228 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 18%) และกำไรสุทธิ 370 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 65%) เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สำหรับทั้งปี 2567, รายได้รวมอยู่ที่ 7,917 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 12%) และกำไรสุทธิ 906 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 23%) ปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากการท่องเที่ยวฟื้นตัว, กลยุทธ์การปรับราคาห้องพัก, การขยายธุรกิจโรงแรมใหม่, และการเติบโตของกลุ่มโรงแรมบัดเจ็ท "ฮ็อป อินน์"

การเติบโตของ "ฮ็อป อินน์": ในประเทศไทย รายได้โรงแรมเดิมโต 9% และรายได้รวมโต 15% ส่วนในฟิลิปปินส์ รายได้โรงแรมเดิมโต 2% และรายได้รวมโต 17% ญี่ปุ่นทำรายได้รวม 278 ล้านบาท

รายได้จากการประกอบกิจการโรงแรมโดยรวม: ปี 2567 มีรายได้ 7,724 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 12%) โดยมีรายได้จากห้องพัก 6,201 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 15%) และรายได้จากอาหารและเครื่องดื่ม 1,401 ล้านบาท (คงที่) กำไรระดับ EBITD อยู่ที่ 3,047 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 24%)

ธุรกิจให้เช่าพื้นที่และบริหารอาคาร: ในปี 2567 มีรายได้รวม 148 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 75%)

ข้อสังเกตและสถานะทางการเงิน:

ERW มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งด้วยกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น 22%, เงินสดคงเหลือ 1,612 ล้านบาท, และวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้ 6,063 ล้านบาท อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงจาก 1.7 เท่า เป็น 1.1 เท่า อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 56.6% เป็น 58.4% และอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 12.3% เป็น 17.0% อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายและต้นทุนทางการเงินก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

แนวโน้มและเป้าหมายปี 2568:

ERW ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 10% ในปี 2568 โดยเน้นการลงทุนในโรงแรมระดับกลางและบัดเจ็ท รวมถึงการปรับปรุงโรงแรมเดิม และมีแผนเปิดโรงแรมใหม่ในกลุ่มบัดเจ็ท 10 แห่ง แม้จะมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกและการแข่งขัน แต่การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวและการขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ก็เป็นโอกาสสำคัญ ERW วางแผนลงทุนต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นที่โรงแรมระดับกลาง (เช่น การทำสัญญาเช่าที่ดินบริเวณ BTS พร้อมพงษ์) รวมถึงการปรับปรุงโรงแรมที่มีอยู่ และลงทุนในโรงแรมระดับบัดเจ็ท