บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

ไฮไลท์สำคัญ: กำไรทรุดฮวบ

บริษัท โรแยล พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ PLUS รายงานผลประกอบการปี 2567 กำไรสุทธิ 43.0 ล้านบาท ลดลงถึง 77.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แม้รายได้จากการขายจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สาเหตุหลักมาจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น และผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน

รายได้เติบโตเล็กน้อย: ขยายฐานลูกค้า-สินค้าใหม่ช่วยพยุง

ปี 2567 PLUS มีรายได้รวม 1,630.8 ล้านบาท รายได้จากการขาย 1,623.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.1% จากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น เครื่องดื่มน้ำมะพร้าว 100% ขยายฐานลูกค้าใหม่กว่า 30 ราย และเพิ่มช่องทางการขาย อย่างไรก็ตาม ต้นทุนขายเพิ่มขึ้น ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 19.7%

ต้นทุนขายพุ่ง! สัดส่วนต้นทุนขายต่อรายได้จากการขายอยู่ที่ 80.3% สาเหตุหลักมาจากการเริ่มต้นสายการผลิตใหม่ ทำให้มีต้นทุนคงที่สูง เช่น ค่าเสื่อมราคา ค่าเชื้อเพลิง และค่าจ้างแรงงาน ในขณะที่รายได้จากการขายยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น

ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 13.9% เป็น 218.1 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขาย (แผนการตลาดและการออกบูธแสดงสินค้า) รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านทรัพยากรบุคคล

ปัจจัยกดดัน: อัตราแลกเปลี่ยนผันผวน กระทบกำไร

สถานการณ์ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ส่งผลให้ PLUS รับรู้ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 12.6 ล้านบาท เป็นปัจจัยลบ ที่กระทบต่อกำไรสุทธิโดยรวม

สินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เป็น 1,691.6 ล้านบาท จากการลงทุนในเครื่องจักร อุปกรณ์ และปรับปรุงพื้นที่อาคาร เพื่อรองรับการขยายกำลังการผลิต ขณะที่หนี้สินรวมเพิ่มขึ้น 13.6% เป็น 374.8 ล้านบาท จากการเบิกใช้เงินกู้ยืมระยะสั้น

โอกาสและความท้าทาย: เดินหน้าขยายตลาด-คุมเข้มต้นทุน

PLUS มองเห็นโอกาสในการเติบโตจากผลิตภัณฑ์กลุ่มใหม่ เช่น เครื่องดื่มน้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าว, เครื่องดื่มน้ำมะพร้าว 100%, และเครื่องดื่มน้ำนมมะพร้าว พร้อมวางแผนขยายช่องทางการจัดจำหน่ายและการตลาดไปยังกลุ่มประเทศใหม่อย่างต่อเนื่อง

บริษัทมีการบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน โดยการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และเพิ่มสัดส่วนการขายในสกุลเงินท้องถิ่น พร้อมมุ่งเน้นการปรับปรุงกระบวนการผลิตและบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นในอนาคต

แม้ปี 2567 จะมีความท้าทาย แต่ PLUS ยังคงมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง การมุ่งเน้นควบคุมต้นทุน ขยายตลาด และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ จะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทในอนาคต