บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

ผลประกอบการฟื้นตัวโดดเด่น พร้อมตั้งเป้าขยายธุรกิจบริการเติมน้ำมันอากาศยานและพลังงานหมุนเวียน

ไฮไลท์สำคัญ: BAFS กลับมาทำกำไร พร้อมลุย ESG

BAFS GROUP ประกาศผลประกอบการปี 2567 สุดปัง! พลิกกลับมามีกำไรสุทธิ 102.9 ล้านบาท หลังเผชิญวิกฤตโควิด-19 พร้อมตั้งเป้าเติบโตต่อเนื่องในปี 2568 ด้วยแรงหนุนจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยว ที่สำคัญคือการให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามกรอบ ESG (สิ่งแวดล้อม, สังคม และ การกำกับดูแล) เพื่อสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งในระยะยาว

รายได้ทะยาน ปริมาณเติมน้ำมันพุ่ง

ปี 2567 รายได้รวมของ BAFS อยู่ที่ 3,507.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากปีก่อนหน้า โดยธุรกิจบริการเติมน้ำมันอากาศยาน (BFS) เป็นพระเอกหลัก ทำรายได้ถึง 2,841.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% ปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานรวมอยู่ที่ 5,047 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 17% โดยเฉพาะสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิที่เติบโตอย่างโดดเด่น นอกจากนี้ ธุรกิจขนส่งน้ำมันทางท่อ (BPT) ก็ทำผลงานได้ดีเช่นกัน ด้วยรายได้ 443.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19%

สินทรัพย์มั่นคง หนี้สินลดลง

ณ สิ้นปี 2567 BAFS มีสินทรัพย์รวม 21,800.5 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 4% จากปีก่อนหน้า ในขณะที่หนี้สินรวมอยู่ที่ 15,332.8 ล้านบาท ลดลง 4% เช่นกัน ทำให้อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 2.0 ต่อ 1 เท่า แสดงถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและมีความสามารถในการชำระหนี้ได้ดี นอกจากนี้ บริษัทยังมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งถึง 1,406.7 ล้านบาท

ESG นำทางสู่ความยั่งยืน

BAFS ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามกรอบ ESG อย่างจริงจัง โดยตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 20% ภายในปี 2573 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2593 ผ่านกลยุทธ์ "ZERO" นอกจากนี้ ยังมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนและสังคม โดยดำเนินงานตามแผนแม่บทการมีส่วนร่วมกับชุมชน และยึดถือหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย

สรุป: อนาคตสดใส รอการเติบโต

โดยรวมแล้ว BAFS ประสบความสำเร็จในการพลิกฟื้นผลประกอบการในปี 2567 และมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยว การบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และการให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงต้องติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์อย่างใกล้ชิด เพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงและรักษาความสามารถในการทำกำไรในระยะยาว