บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
CRC ส่อแววฟื้น! GLOBLEX ชี้ขาย "เหงียนกิม" ลดเลือดไหล หนุนกำไรระยะยาว
P/E 16.04 YIELD 3.24 ราคา 18.50 (0.00%)
ไฮไลท์สำคัญ
CRC (Central Retail Corporation) เตรียมปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ในเวียดนาม โดย GLOBLEX มองว่าการขายธุรกิจ "เหงียนกิม" ที่ขาดทุน จะช่วยลดแรงกดดันต่อผลกำไรและเพิ่มศักยภาพในการเติบโตระยะยาว
รายละเอียดการวิเคราะห์
GLOBLEX ระบุว่า CRC ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับ PICO Holdings Joint Stock Company เพื่อขายการลงทุนทางอ้อมใน NKT (บริษัทโฮลดิ้งของ "เหงียนกิม") มูลค่า Enterprise Value ประมาณ 36 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.1 พันล้านบาท) และคาดว่าจะบันทึกค่าใช้จ่ายด้อยค่า (impairment) ที่ไม่เป็นเงินสดประมาณ 5.9 พันล้านบาทใน 4Q25 แต่การซื้อขายจะเสร็จสิ้นใน 1H26 โดยมองว่าเป็นการปรับพอร์ตโฟลิโอในเวียดนาม เพื่อมุ่งเน้นทรัพยากรไปที่ธุรกิจอาหารและอสังหาริมทรัพย์
"เหงียนกิม" ยังคงขาดทุนอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 ขาดทุน 440 ล้านบาท และ 9 เดือนแรกของปี 2568 ขาดทุน 220 ล้านบาท เนื่องจากการชะลอตัวหลัง COVID และการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า การขาย "เหงียนกิม" จะช่วยลดผลกระทบต่อ ROIC ของ CRC ในเวียดนาม และช่วยให้ผู้บริหารมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจที่มีความได้เปรียบด้านขนาดและ Synergy ที่ชัดเจนกว่า
ข้อสังเกต
ถึงแม้ว่าการด้อยค่าจะดูเจ็บปวดเมื่อเทียบกับมูลค่าการขาย แต่ GLOBLEX มองว่าเป็นการ "ตัดขาดทุนเพื่อหยุดเลือดไหล" ประเด็นสำคัญคือการลดแรงกดดันต่อผลกำไรในอนาคต การขาย NKT จะช่วย 1) ลดการขาดทุน 2) ลดความผันผวนจากธุรกิจที่มี Margin ต่ำ และ 3) เพิ่มความน่าเชื่อถือในการจัดสรรเงินทุน โดยมองว่าเป็นการตัดสินใจเชิงบวกและทำให้ภาพรวมของธุรกิจในเวียดนามชัดเจนขึ้น
สรุปและคำแนะนำ
สิ่งที่สำคัญต่อไปคือ CRC จะนำการจัดการและเงินทุนไปใช้ในธุรกิจห้างสรรพสินค้า/อสังหาริมทรัพย์ในเวียดนามอย่างไร เพื่อสร้างการเติบโตที่มีคุณภาพสูงขึ้น สำหรับ 4Q25 คาดว่าผลกระทบจากการด้อยค่า NKT จะถูกชดเชยด้วยกำไรจากการขาย Rinascente และ CRC ยืนยันว่าจะไม่กระทบต่อความสามารถในการจ่ายเงินปันผล โดยยังคงคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 0.6 บาท/หุ้น
GLOBLEX คงคำแนะนำ "ถือ" (HOLD) CRC ด้วยราคาเป้าหมาย 20 บาท อิงจาก P/E ปี 2569 ที่ 15 เท่า มองว่าราคาหุ้นปัจจุบันได้สะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว ถึงแม้ว่าอาจต้องใช้เวลาถึงสองปีในการชดเชยผลกำไรจากอิตาลี แต่ยังคงมองว่าธุรกิจหลักในประเทศไทยและเวียดนามยังคงแข็งแกร่ง